ทุกคนต่างก็ซุบซิบกันไม่หยุด และมุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
เข็มยาแก้พิษเข็มหนึ่งปักเข้าที่แขนของซวนอี้ มู่เฉียนซีหันหลังกลับมายังห้องฝึกฝนชั้นที่เจ็ดของตัวเอง
ส่วนซวนอี้ก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่ก็ยังคงไม่ได้สติ “นางบอกว่าเสมอกันจริง ๆ!”
ตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในห้องฝึก และไม่มีผู้ใดใจกล้ามาท้าประลองกับนางอีก
ในขณะที่นางกำลังจะไปท้าประลองชั้นที่แปดนั้น ผลลัพธ์คือทั้งสองคนที่อยู่ในชั้นที่แปดนั้นกลับยอมจำนนให้แก่นางแต่โดยดี
จะล้อเล่นได้เช่นไร ? ศิษย์น้องนักเรียนใหม่วิปริตผู้นี้เอาชนะซวนอี้ผู้เป็นอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาพวกเราได้เชียวนะ! แล้วพวกเขาจะเป็นคู่สู้ของนางได้เช่นไรกันล่ะ
ซวนอี้สับสนอยู่หลายวัน ในที่สุดก็เป็นฝ่ายมาหามู่เฉียนซีด้วยตัวเอง
มู่เฉียนซีกล่าว “ทำไม ? คิดอยากจะประลองอีกครั้ง จะตัดสินแพ้ชนะอย่างนั้นเหรอ ?”
“วันนั้น เป็นข้าที่พ่ายแพ้ ห้องฝึกชั้นที่เก้าเป็นของเจ้าแล้ว เจ้าขึ้นไปเถอะ!” ซวนอี้กล่าว
“ตอนนี้ระดับพลังวิญญาณของข้ายังไม่สูงพอ ห้องฝึกชั้นที่แปดเพียงพอแล้วสำหรับการฝึกบำเพ็ญของข้า หากข้าต้องการห้องฝึกชั้นที่เก้าจริง ๆ แล้วล่ะก็ ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ถึงที่สุด”
ในวันนั้น หากเป็นการต่อสู้แห่งความเป็นกับความตาย และหากกระบี่ของซวนอี้ไร้ความปรานีแล้วล่ะก็ นางก็คงไม่มีโอกาสที่จะวางยาพิษ
“ข้าแพ้แล้ว เจ้าบอกว่าจะขอสิ่งใดกับข้า เจ้าพูดมาเถอะ!” ซวนอี้กล่าว
มู่เฉียนซีตอบ “แต่เจ้าไม่ได้แพ้”
“ข้าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของสำนักซวนเสียสำนักส่วนใน ไม่ชนะก็คือแพ้แล้ว” ซวนอี้กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้ายึดมั่นในความคิดตัวเองเช่นนี้ งั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว พาข้าไปที่ห้องตำราของอาจารย์ใหญ่ เจ้าเป็นศิษย์สายตรงของอาจารย์ใหญ่ คงจะเข้าออกในห้องตำราของอาจารย์ใหญ่ตามสบายได้ทุกเมื่อ และคงไม่ถูกมองว่าเป็นขโมยหรอกกระมัง!”
ซวนอี้กล่าวถาม “ตกลงแล้วเจ้าต้องการสิ่งใดของท่านอาจารย์กันแน่ ?”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เจ้าไปกับข้า ประเดี๋ยวก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ ?”
ซวนอี้พยักหน้าพลางกล่าว “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า! หากเจ้าต้องการของของท่านอาจารย์ และสิ่งนั้นมันไม่ดูเกินไป ข้าก็จะให้เจ้าไป รอท่านอาจารย์กลับมาข้าอธิบายให้เขาฟังก็ได้แล้ว”
ครั้งนี้มู่เฉียนซีได้เข้าไปในห้องตำราของอาจารย์ใหญ่กับซวนอี้อย่างเปิดเผย
มู่เฉียนซีเดินตรงไปที่ชั้นวางตำรานั้น ในวันนั้นถูกซวนอี้เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อนจึงอ่านตำรานั้นไม่จบ
ดูเหมือนว่าอาจารย์ใหญ่จะศึกษาเกี่ยวกับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเป็นอย่างดี บันทึกต่าง ๆ มากมายจึงได้ละเอียดมากเช่นนี้
กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณมีพลังธาตุอัคคีที่รุนแรงมาก สามารถกลืนกินวิญญาณปีศาจได้ และเป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ ในตำราโบราณมีบันทึกเอาไว้ว่ากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณมีแนวโน้มมากว่าสูญหายไปในสนามศึกสงครามโบราณกาลต่าง ๆ ในดินแดนสี่ทิศ
ในสมัยโบราณเกิดการต่อสู้ขึ้นมากมายหลายครั้งในดินแดนสี่ทิศ สนามรบในครั้งโบราณกาลมีทั้งศึกเล็กศึกใหญ่นับไม่ถ้วน ขอบเขตนี้มันกว้างยิ่งนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเบาะแสอะไรเลย
มู่เฉียนซีอ่านตำราได้รวดเร็วมาก ไม่นานนักก็อ่านตำราทั้งหมดในชั้นตำรานี้จบ เนื้อหาที่สำคัญ ๆ นางก็จดจำไว้ได้หมดแล้ว
มู่เฉียนซีหันหลังกล่าว “ไปเถอะ!”
ซวนอี้ผงะไปครู่หนึ่ง กล่าวถามขึ้นว่า “เจ้าเพียงแค่ต้องการอ่านตำราเหล่านี้ ไม่ได้คิดจะขโมยของงั้นเหรอ ?”
มู่เฉียนซีส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่ใช่!”
“ข้าก็แค่จะมาหาเบาะแสของอาจารย์ใหญ่ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน จากนั้นก็มาเจอกับตำราที่น่าสนใจเหล่านี้เข้า” มู่เฉียนซีกล่าว
“เจ้าตามหาท่านอาจารย์ด้วยเหตุใด ?”ซวนอี้กล่าวถาม
“เจ้าไม่เห็นเหรอว่ากระบี่ของข้ามันมีปัญหามาก แน่นอนว่าข้าต้องการหานักหลอมอาวุธผู้แข็งแกร่งที่สุดในเสียโจวมาหลอมอาวุธให้ข้า”
“ข้าก็เป็นนักหลอมอาวุธ บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าได้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าสามารถเปลี่ยนกระบี่เล่มใหม่อย่างรวดเร็วเช่นนั้นได้ยังไงเหรอ! เว้นเสียแต่ยอดปรมาจารย์นักหลอมอาวุธ มิเช่นนั้นแล้วกระบี่ข้าคงจะไม่ใช้แล้วหักครั้งต่อครั้งเช่นนี้หรอก”
ซวนอี้มองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ เขากล่าว “เจ้า…เจ้าก็เป็นนักหลอมอาวุธด้วยงั้นเหรอ!”
“ก็แค่เรียนรู้มาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”
“กระบวนท่านั้นของเจ้าไม่ธรรมดาเลย กระบี่เล่มนั้น…คมกระบี่เล่มนั้นก็ด้วย ดูท่าแล้วนอกจากท่านอาจารย์แล้ว ทั้งเสียโจวก็ยากที่จะมีผู้ใดควบคุมได้” ซวนอี้กล่าว
“เพราะฉะนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านอาจารย์ของเจ้าอยู่ที่ไหน กระบี่ของตัวเองใช้ได้ครั้งเดียวก็หักซ้ำ ๆ ซาก ๆ เช่นนี้มันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเลย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาถึงที่สุด
“ครั้งนี้ท่านอาจารย์จากไปค่อนข้างนาน ข้าก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าเขาไปที่ไหน ตำราเหล่านั้นเจ้าก็เห็นแล้ว ท่านอาจารย์ต้องการตามหากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณให้เจอ” ซวนอี้ตอบ
“อาจารย์ใหญ่กำลังตามหากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ท่านอาจารย์บอกว่า กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะควบคุมไว้ได้ เขาก็แค่อยากจะเห็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในตำนานกับตาตัวเองสักครั้ง นี่เป็นความปรารถนาที่สุดของเขาในฐานะที่เป็นนักหลอมอาวุธ”
ก็เหมือนกับที่นักปรุงยาเคารพเลื่อมใสในหม้อเทพนิรันดร์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาครอบครองแต่ก็ถือว่าได้เห็นกับตาสักครั้งชาตินี้ก็ไม่เสียใจแล้ว
ส่วนนักหลอมอาวุธ แน่นอนว่าต้องเคารพเลื่อมใสในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
ซวนอี้มองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้าสนใจในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มากเลยเหรอ ?”
“แน่นอน นั่นเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเชียวนะ” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
“พูดตามตรง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเป็นกระบี่ที่ทรงพลังดุจดั่งปีศาจเล่มหนึ่งก็ว่าได้ ผู้ที่ได้มันไป หากพลังวิญญาณไม่แข็งแกร่งพอ ก็ไม่อาจทำพันธสัญญากับมันได้ ทำได้แค่เป็นทาสของมันก็เท่านั้น และถูกมันกลืนกินวิญญาณเข้าไปในที่สุด” ซวนอี้กล่าวเตือน
“อืม! ในตำราของอาจารย์เจ้าก็กล่าวเอาไว้เหมือนกัน พลังของข้าตอนนี้ไม่ควรจะทะเยอทะยานเกินตัว แค่คิดอยากจะซ่อมกระบี่ของตัวเองกลับมาให้ดีก็พอแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าว
มู่เฉียนซีกับซวนอี้เดินออกมาจากห้องตำราอาจารย์ใหญ่ ซวนอี้ก็กล่าวขึ้นว่า “มู่เฉียนซี ต้องขอโทษเจ้าด้วย ครั้งก่อนข้าเข้าใจเจ้าผิดแล้ว”
“อันที่จริงก็ไม่ได้เข้าใจผิดหรอก บุกเข้าไปในห้องตำราอาจารย์ใหญ่กลางดึก พฤติกรรมเช่นนี้มันนอกกรอบไปบ้าง”
“นอกกรอบเสียที่ไหนเล่า เจ้ากล้าหาญต่างหากหล่ะ!” ซวนอี้กล่าว
หลังจากการฝึกบำเพ็ญก็ได้พบเจอกับคู่ซ้อมที่ดีอย่างซวนอี้ วันเวลาก็ผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก
ทันใดนั้นเองก็นึกถึงนักเรียนในหน่วยสำนักปรุงยาขึ้นมาได้ มู่เฉียนซีรู้สึกว่านานมากแล้วที่ไม่ได้ไปดูการพัฒนาของพวกเขา
มู่เฉียนซีออกจากสำนักส่วนใน จากนั้นก็เริ่มแปลงกายเป็นอาถิงเข้าไปในหน่วยสำนักปรุงยา ร่างสีเขียวอ่อนวาบไป สูตรยาจำนวนมากก็ปลิวว่อนออกมาจากห้องปรุงยาของห้องเจ็ด
ทุกคนต่างก็กระฉับกระเฉงกันเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีที่แอบสังเกตการณ์อยู่ก็ถูกจับได้ “ท่านอาจารย์มู่!”
ผู้ที่จับได้ก็คือหวงฝู่จี้เหิน เขาในตอนนี้ไม่ใช่ผู้ที่รู้สึกต่ำต้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เขามั่นใจและมีแรงบันดาลใจในการปรุงยามาก
แม้ว่าบนหน้าผากจะมีรอยแผลเป็น แต่เขาก็ไม่เดินก้มหน้าอีกต่อไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “นักเรียนหวงฝู่ ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้ เจ้าสามารถปรุงยาลบรอยแผลเป็นบนหน้าผากเจ้าได้แล้ว เหตุใดถึงยังปล่อยเอาไว้เช่นนี้อีกล่ะ ?”
ตอนนั้นที่นางไม่ได้ให้ยากับเขา ก็เป็นเพราะว่าอยากให้เขาได้ปรุงยาออกมาเอง
หวงฝู่จี้เหินกล่าว “ข้าคุ้นเคยกับการที่มีมันอยู่มากกว่า ข้าก็เลย…”
“เจ้าไม่รู้สึกว่ามันน่าเกลียดเหรอ ?”
“หากท่านอาจารย์คิดว่ามันน่าเกลียด ประเดี๋ยวข้าจะปรุงยาทำให้มันหายไป!”
“เหอะ เหอะ เหอะ! เจ้าเด็กคนนี้มันจริง ๆ เลย เชื่อฟังเจ้าที่สุดแล้ว!” ในตอนนี้เองอาจารย์ใหญ่ก็เดินมาหรี่ตายิ้มพลางกล่าว
“ก่อนหน้านี้ข้าก็พูดไปหลายครั้งหลายคราแล้ว แต่เจ้าเด็กคนนี้ก็ไม่ยอม” อาจารย ์ใหญ่กล่าวอย่างจนปัญญา
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสสูงสุดก็วิ่งเข้ามาและกล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่ มีข่าวมาจากอวิ๋นโจว เรื่องนี้สำคัญมาก เกรงว่าท่านต้องตัดสินใจเอง”