ทวีปอวิ๋นโจวกว้างใหญ่กว่าทวีปเสียโจวเป็นสิบเท่า มิติส่งตัวระยะไกลก็ไม่ได้มีเพียงแห่งเดียวเหมือนทวีปเสียโจว
ในเวลาเดียวกับที่มู่เฉียนซีออกมาจากมิติส่งตัวระยะไกลนั้น ที่มิติส่งตัวระยะไกลอีกแห่งหนึ่งก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา
มู่เฉียนซีเหลือบมอง นางเห็นอาภรณ์ในแบบนักปรุงยาสีขาวที่คุ้นเคย พวกนั้นเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดา
นางมองไปยังชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำที่อายุราวยี่สิบกว่าปี รูปลักษณ์ของเขานั้นดูไม่เลว ความอ่อนโยนแผ่ออกมาผสมรวมกับรอยยิ้มสุภาพ นั่นเป็นลักษณะมาตรฐานของคนจากหุบเขาหมอเทวดา
นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อนางมาถึงทวีปอวิ๋นโจว ก็พบเจอเข้ากับคนของหุบเขาหมอเทวดาทันที
ณ บริเวณมิติส่งตัวระยะไกล คนของหุบเขาโอสถมารออยู่ที่นี่แต่แรกแล้ว
เมื่อเห็นคนของหุบเขาหมอเทวดามาถึง ใบหน้าของพวกเขาก็มีรอยยิ้มแห่งการต้อนรับปรากฏขึ้น แล้วจึงกล่าวว่า “สหายหลายท่านจากหุบเขาหมอเทวดามาเร็วยิ่งนัก จะไปที่หุบเขาโอสถพร้อมกับพวกข้า หรือว่าจะอยู่พักที่เมืองอวิ๋นจงสักสองสามวันก่อนดีเล่า”
อวี้เหลียนชิงกล่าว “พวกเราจะยังไม่ไปรบกวนหุบเขาโอสถ พวกเราจองโรงเตี๊ยมในเมืองอวิ๋นจงเอาไว้แล้ว ในวันคัดเลือกนั้น พวกเราจะต้องไปถึงตรงเวลาแน่นอน”
ผู้มาต้อนรับกล่าวว่า “ถ้าหากต้องการสิ่งใดละก็ สามารถมาหาพวกเราได้ พวกเราหุบเขาโอสถแม้จะอยู่ในป่าลึกและไม่ค่อยได้ออกมาภายนอกเท่าไหร่นัก แต่ในทวีปอวิ๋นโจว คำพูดของพวกเราก็ยังถือว่ามีน้ำหนักอยู่บ้าง”
อวี้เหลียนชิง “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
สายตาของเขานั้นเหลือบมองไปทางมู่เฉียนซี สตรีผู้มีใบหน้าประณีตงดงาม แม้แต่ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาอย่างพวกเขาก็ยังมิอาจเทียบเทียมนางได้เลย
ผิวขาวดั่งหิมะนั่น ถึงต่อให้ศิษย์หญิงแห่งหุบเขาหมอเทวดาใช้สมุนไพรวิญญาณชั้นดีมาประทิน ก็ยังมิอาจจะถึงขั้นนั้นได้
หรือสตรีผู้นี้จะเป็น… คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลลับ
อวี้เหลียนชิง “ทั้งสามท่านที่ยืนอยู่ด้านนั้น เกรงว่าคงจะมาเข้าร่วมการคัดเลือกของหอโอสถเหมือนดังเช่นพวกเรา พวกเจ้าอย่าได้หลงลืมดูแลผู้อื่นล่ะ”
เวลานี้ผู้มาต้อนรับถึงได้สังเกตเห็นพวกมู่เฉียนซีเข้า เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พวกท่านทั้งสามก็มาร่วมการคัดเลือกของหอโอสถด้วยหรือ ?”
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่แค่นเสียงเย็นชา “แน่นอน”
“มิทราบว่าพวกท่านทั้งสามอยู่สังกัดของขุมกำลังใดรึ ?”
“สำนักศึกษาซวนเสียแห่งทวีปเสียโจว” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวขึ้น
“ทวีปเสียโจว! สำนักศึกษาซวนเสีย!” คนผู้นั้นกล่าวซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่ง อาการตกตะลึงเผยให้เห็นบนใบหน้า
หลายปีมานี้คะแนนการประลองของสำนักศึกษาซวนเสียนั้นย่ำแย่มาก แต่ยังมาเข้าร่วมประลองต่ออีก นับว่าเป็นความกล้าหาญที่น่านับถือ
แม้แต่ดวงตาของอวี้เหลียนชิงเองก็ยังสะท้อนแววแห่งความผิดหวังออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะคาดการณ์ผิดไป สตรีผู้นี้มีดีแค่เพียงภายนอกเท่านั้น ตัวนางมาจากสำนักศึกษาซวนเสียแห่งทวีปเสียโจว คาดว่าคงไม่ได้มีความสามารถในการปรุงยาสักเท่าไร เพียงแค่มีไว้ประดับบ้านเมืองเท่านั้นเอง
ถึงแม้สำนักซวนเสียจะอ่อนแอ ทว่าผู้มาต้อนรับก็ยังคงต้อนรับตามลำดับขั้นตอน มิได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
“ท่านทั้งสามนั้นจะตามข้าไปที่หุบเขาโอสถ หรือว่าจะพักผ่อนอยู่ที่เมืองอวิ๋นจงแห่งนี้ขอรับ”
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ “พักที่นี่แหละ เมื่อการคัดเลือกเริ่มขึ้น ข้าจะรีบไปให้ทัน”
ทวีปอวิ๋นโจวนั้นใหญ่กว่าทวีปเสียโจวมากนัก สมุนไพรวิญญาณก็มีไม่น้อย แน่นอนว่าต้องให้สาวน้อยมู่เฉียนซีไปเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งใหม่ของหอคัดเลือก และสิ่งของที่ควรมีก็จะขาดไปมิได้ พวกเขาจำเป็นต้องไปหาซื้อตัวยาบางประเภทตระเตรียมเอาไว้มิให้ขาดมือ จะได้ไม่เกิดการติดขัดอันใด
มู่เฉียนซีเองก็มีเจตนาเดียวกัน นางไม่ได้รีบร้อนที่จะไปหุบเขาโอสถ
“อืม พวกเราทราบแล้ว”
ส่วนพวกคำประจบสอพลอเหล่านั้น ผู้มาต้อนรับกล่าวกับคนของหุบเขาหมอเทวดา แต่ไม่ได้กล่าวกับพวกเขา
พวกเขานั้นคิดว่าตนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผูกสัมพันธ์อันดีกับสำนักศึกษาซวนเสียแห่งทวีปเสียโจว
เมื่อต้องเผชิญกับเหล่าคนตาสุนัขที่ดูแคลนผู้อื่นเช่นนี้ อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็หน่ายใจ เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “พวกเราไปกันได้แล้ว!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีจากไป สายตาของอวี้เหลียนชิงทอดมองไปยังแผ่นหลังของนางอย่างไม่ลดละ
ผู้ที่อยู่ด้านข้างเขาผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่อวี้ สตรีงามผู้นั้น เสียดายที่นางเป็นเพียงเด็กป่าของทวีปเสียโจวทุรกันดารเล็ก ๆ นี่ถ้านางเป็นพวกเดียวกับเรา…”
“ถึงแม้สำนักศึกษาซวนเสียจะเป็นกองกำลังสำนักนิกายระดับสองก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับพวกเราหุบเขาหมอเทวดาแล้ว ก็แตกต่างกันถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้”
“หรือว่าเมื่อก่อนสำนักซวนเสียพ่ายแพ้ย่อยยับ คราวนี้จึงได้ส่งสตรีงามมาร่วมประลอง เพื่อที่จะดึงดูดสายตาคนเช่นนั้นหรืออย่างไร ?”
อวี้เหลียนชิงกล่าว สีหน้าเขาสงบนิ่งไม่เปลี่ยน “เรื่องรักในความสวยงามนั้นทุกคนล้วนมี ทว่าตอนนี้พวกเราควรเน้นความสนใจไปทางการคัดเลือกของหอโอสถ อย่าได้แบ่งความสนใจเป็นสองทางเลย”
“สิ่งที่ศิษย์พี่อวี้ชี้แนะนั้นถูกต้องแล้วขอรับ”
“ศิษย์พี่อวี้ยอดเยี่ยมมาก!”
อวี้เหลียนชิงพึงพอใจ เขากล่าวขึ้น “อีกไม่นาน นักปรุงยาในเขตของทวีปอื่น ๆ ก็จะมากันแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าเฝ้าดูให้ใกล้ชิดหน่อย เราต้องประเมินความสามารถของพวกเขาให้ได้”
“ขอรับ!”
แท้จริงแล้วตั้งแต่เข้ามาที่ทวีปอวิ๋นโจวนั้น การทดสอบของหอโอสถก็ค่อย ๆ เริ่มขึ้น
สำหรับทวีปอวิ๋นโจว อาจารย์ใหญ่หวงฝู่คุ้นเคยอย่างมาก เขานำทางมู่เฉียนซีไปที่ร้านยาแห่งหนึ่งที่เขามักจะไปอยู่เป็นประจำอย่างชำนาญทาง เขากล่าวขึ้น “สาวน้อยซี เจ้าคิดว่ายังขาดยาสมุนไพรอะไรบ้าง การประลองในครั้งนี้สำนักศึกษาซวนเสียจะไม่ทำเรื่องบกพร่องต่อเจ้าอย่างแน่นอน วัตถุดิบยาที่เจ้าเลือกทั้งหมดทั้งมวล ทางสำนักศึกษาจะเป็นผู้จ่ายให้เอง”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางเอ่ยขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “หึ ๆ ท่านอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ ท่านทำเช่นนี้ไม่กลัวว่าข้าจะหลอกท่านจนตายเอาหรือ ?”
“หลอกข้าให้ตายข้าก็ยอม อย่างไรเสียในครั้งนี้ สำนักศึกษาของเราก็จะสามารถล้างอายได้สักครั้ง” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวด้วยแววตาเจือความหวัง
ในเวลานั้นเอง เถ้าแก่ร้านขายยากล่าวขึ้น “หวงฝู่ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เจ้าจะมั่นใจในตัวของสาวน้อยคนงามผู้นี้เป็นอย่างมากเลยนะ”
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว สาวน้อยซีเป็นนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ที่สุดตั้งแต่ที่ข้าเคยพบเจอมา”
“นักปรุงยาที่มีพรสวรรค์มากที่สุดงั้นรึ ? ข้าว่าเจ้าอยู่ที่ทวีปเสียโจวเล็ก ๆ แห่งนั้นนานเกินไป และรับรู้อะไรน้อยมากจนกลายเป็นกบในกะลาไปเสียแล้ว” ในตอนนี้เอง เสียงที่แก่ชราเสียงหนึ่งลอยมา
ชายชราในชุดคลุมสีเขียวเดินเข้ามาในร้านขายโอสถ สายตาของอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ปราดมองไปเห็นชายชราผู้นั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววความโกรธแค้นออกมาวาบหนึ่ง
“เจ้าเฒ่าจ้าวซือ ปากคอเจ้ายังเราะรายอยู่เช่นเดิม”
“มิใช่ว่าข้าปากร้าย แต่เจ้านั้นไม่ประมาณตน คราก่อนผู้ที่สำนักซวนเสียของเจ้าเรียกว่าอัจฉริยะก็พ่ายแพ้ให้แก่ศิษย์ใหญ่ของข้า มาตอนนี้ศิษย์เล็กของข้านั้นแกร่งกว่าศิษย์ใหญ่เสียอีก ข้าคิดว่าสตรีผู้นี้ที่เจ้าบอกว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน จะถูกจัดการราบคาบในบัดดล”
ข้างกายของเขานั้น มีสตรีชุดสีขาวสะอาดยืนอยู่ผู้หนึ่ง รูปร่างนางเล็กเรียวเพรียวบางราวนางฟ้านางสวรรค์ ใบหน้าทรงเมล็ดแตงโมนั้นกล่าวได้ว่างามล้นเหลือ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการสรรเสริญของอาจารย์ นางเคยชินเป็นอย่างมากแล้ว และไม่เห็นผู้ที่อยู่ด้านหน้าอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
จ้าวซือเป็นปรมาจารย์ปรุงยาที่มีชื่อเสียงแห่งทวีปอวิ๋นโจว ความสามารถในการปรุงยาของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ใหญ่หวงฝู่อยู่หลายขุม มิเช่นนั้นก็คงไม่มีหน้าที่จะมายืนกล่าววาจาโอหังอยู่ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่หวงฝู่เช่นนี้
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่เริ่มเดือดขึ้นมาแล้ว “จ้าวซือ เจ้าผีเฒ่า เจ้าคอยแหกตารอดูแล้วกัน! ครานี้ศิษย์อัจฉริยะของเจ้าผู้นี้ เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสาวน้อยซีของเรา”
เมื่อบอกว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กสาวที่มาจากทวีปเล็ก ๆ เช่นเสียโจว ไป๋เหลิ่งชวงจึงเงยหน้าขึ้นมองไปทางมู่เฉียนซี
สตรีที่ดูแล้วยังอายุน้อยผู้ซึ่งอยู่ตรงหน้านี้งดงามราวภาพวาด สำหรับไป๋เหลิ่งชวงนั้น แม้นางจะเป็นสตรีที่มั่นใจในรูปโฉมของตนเองเป็นอย่างมากมาโดยตลอด แต่เมื่อพบเจอกับมู่เฉียนซีเข้า นางก็ยังรู้สึกว่าความงดงามระหว่างนางกับสตรีตรงหน้าช่างห่างไกลกันเหลือเกิน
แต่นักปรุงยาไม่ได้วัดกันที่รูปร่างหน้าตา หากแต่วัดกันที่ความสามารถในการปรุงยา
สายตาเย็นชาของไป๋เหลิ่งชวงตกไปบนร่างของมู่เฉียนซี นางค่อย ๆ กล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ “ท่านอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ยกย่องเช่นนี้ คาดว่าระดับความสามารถในการปรุงยาคงจะไปถึงขั้นนักปรุงยาระดับสูงแล้ว”
จ้าวซือกล่าวสำทับ “เหอะ! ศิษย์ของข้านั้นไปถึงขั้นนักปรุงยาระดับสูงตั้งนานแล้ว”
“แน่นอน และแม่สาวน้อยผู้นี้อายุยังน้อย นางอายุสิบหกเท่านั้น เช่นนี้ถือว่าคงจะกลายเป็นนักปรุงยาระดับสูงได้ไวกว่าศิษย์ของเจ้า” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ยืดอกกล่าวอย่างภาคภูมิ
จ้าวซือตอบโต้ “เป็นไปไม่ได้ นักปรุงยาระดับสูงที่อายุเพียงแค่สิบหกปี ไม่มีทาง! หวงฝู่ เจ้าขี้โม้คุยโวจนข้าบอกได้ว่าวัวนั้นบินขึ้นฟ้าไปได้เสียแล้ว”