อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็แทบบ้าแล้วเช่นกัน “ทําไมถึงขาดหญ้าใบทองไปล่ะ! แม้จะรู้ว่าหญ้าใบทองมีราคาแพงมาก แต่ข้าก็จะซื้อมัน”
คนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นเริ่มมีความสุขกับความโชคร้ายของผู้อื่น “ฮึ! การสกัดกลั่นเม็ดยาจินหยางไม่มีหญ้าใบทอง แล้วจะสกัดอะไรได้? ไสหัวไปซะ” จ้าวซือเดินเข้ามาและเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “หวงฝู่ สาวน้อยจากสํานักซวนเสียของเจ้าโชคดีจัง คนอื่น ๆ ล้วนมีหญ้าใบทอง แต่พวกเจ้ากลับไม่มี ข้าว่านางคงไม่สามารถปรุงยาระดับแปดออกมาได้และกลัวว่าจะต้องขายหน้า ดังนั้นนางจึงแกล้งทําเป็นกระมัง! ต้องบอกเลยว่าการแสดงนั้นดีจนข้าเองก็ถูกหลอก”
“เจ้า…” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่จ้องมองไปที่จ้าวซือ เขาอยากจะฉีกหน้าเขาออกเป็นชิ้นๆ
สาวน้อยซีจะไม่สามารถปรุงยาระดับแปดได้อย่างไรกัน ถ้ามีสมุนไพรวิญญาณครบภายในเสี้ยวเวลานางก็สามารถกลั่นออกมาได้ อีกทั้งคุณภาพนั้นยังสมบูรณ์แบบมากอีกด้วย
“ถุย!”
เมื่อทุกคนเตรียมสมุนไพรวิญญาณพร้อมแล้ว ก็เริ่มจุดไฟ
การคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้ สมแล้วที่เป็นดินแดนที่ผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดจากแดนใต้มารวมตัวกัน นักปรุงยารุ่นเยาว์ของที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักปรุงยาธาตุไฟ
แม้แต่ไป๋เหลิ่งชวง ศิษย์คนเล็กของจ้าวซือผู้เย็นชาก็ยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟ
แต่มู่เฉียนซีกลับไม่ใช่ เพียงแค่ใช้ไฟธรรมดา ๆ ไป๋เหลิ่งชวงมองนางและไม่นับว่านางเป็นคู่ต่อสู้อีกต่อไป
ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟ แม้ว่าจะมีพรสวรรค์ในการปรุงยาตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็ไม่สามารถก้าวไปในระดับที่สูงขึ้นได้
คนอื่น ๆ ได้ใส่สมุนไพรวิญญาณลงไปอย่างชํานาญ และมู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย นางเริ่มใส่สมุนไพรวิญญาณแต่ละชนิดลงไป
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวขึ้นอย่างจนปัญญา “ไม่ว่าจะสกัดออกมาสมบูรณ์แบบแค่ไหน แต่ขาดหญ้าใบทองไป ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี!”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “อาจารย์ใหญ่ ท่านต้องไม่ลืมว่าสาวน้อยผู้นี้เป็นผู้วิปริต ไม่แน่ว่านางอาจจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้!”
“ก็ได้แต่หวังว่านางจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นสํานักซวนเสียของเราคงต้องเสียหน้าอีกแล้ว”
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินก็กําลังเฝ้าดูการกลั่นยาของเด็กน้อยเหล่านี้อยู่ เพื่อดูว่ามีต้นกล้าที่ดีหรือไม่
จากวิธีการปรุงยาของพวกเขา ก็สามารถมองได้ว่าสูงหรือต่ำ เมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี เขาก็ต้องตกตะลึง
หญิงสาวชุดม่วงที่ยืนอยู่บนแท่นหลอมยาที่มุมหนึ่งนั้นกําลังกลั่นยาอยู่ นางทุ่มเททั้งกายและใจในการหลอมยา สิ่งที่ดีได้หลอมรวมเข้ากับยาที่อยู่ในเตาหลอมยา
การเคลื่อนไหวราวกับเมฆและสายน้ำไหล เป็นการแสดงที่งดงาม เขาถึงกับรู้สึกว่าเด็กหญิงผู้นี้หลอมยาบ่อยกว่าเขาเสียอีก
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินส่ายหัว นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ? สาวน้อยคนนี้อายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ต่อให้นางสกัดกลั่นยามาตั้งแต่ในครรภ์มารดาก็ไม่มีทางหลอมยาบ่อยไปได้มากกว่าเขา
เมื่อหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเห็นวิธีการของมู่เฉียนซีเขาก็ไม่ได้ละสายตาจากนางเลย ทําให้ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ในหุบเขาโอสถให้ความสนใจกับมู่เฉียนซีด้วย วิธีการนั้นน่าทึ่งมาก
สาวน้อยผู้นี้มีความทะเยอทะยานสูงส่ง แม้ว่านางจะอายุยังน้อยและไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟ แต่นางก็ยังคงทําให้ผู้คนนับถือได้
ผู้อาวุโสผู้หนึ่งถอนหายใจและกล่าวว่า “เฮ้! น่าเสียดายนัก สาวน้อยผู้นี้มีความแข็งแกร่งและความพยายามอย่างหนัก แต่นางขาดสมุนไพรวิญญาณไปชนิดหนึ่ง นั่นทำให้นางไม่สามารถกลั่นเม็ดยาจินหยางออกมาได้ และต้องถูกคัดออกในที่สุด!”
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเองก็รู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน “ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ข้าจะเปลี่ยนหัวข้อ ถ้าสาวน้อยผู้นี้มีโอกาสได้เข้าไปในหอโอสถ เกรงว่านางจะต้องประสบความสําเร็จเป็นแน่”
ในเวลานี้นอกเหนือจากหญ้าใบทองแล้วมู่เฉียนซีได้กลั่นสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ ที่ใช้กลั่นยาเม็ดจินหยาง แต่หากขาดหญ้าใบทองไป ก็ไม่มีทางสําเร็จได้
หากไม่มีหญ้าใบทอง แต่หาสมุนไพรวิญญาณอื่นมาแทนมัน ก็จะสามารถสกัดกลั่นเม็ดยาจินหยางออกมาได้เช่นกัน
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะรู้ว่านางไม่มีหญ้าใบทอง แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ยอมแพ้ในการเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ ภายในเวลาเพียงสามชั่วยามนางต้องศึกษาสูตรยาอีกสูตรหนึ่ง ซึ่งแม้แต่ผู้สืบทอดหม้อเทพนิรันดร์เองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
มู่เฉียนซีหยิบดอกบัวทองออกมาและโยนมันลงไปในหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินตะลึงงัน “นาง… นางจะทําอะไร?”
“การใช้ดอกบัวทองแทนหญ้าใบทอง ช่างเหลวไหลเสียจริง มันจะเกิดเรื่องเอาได้!”
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าวขึ้น “สาวน้อยผู้นี้ได้ทําเรื่องที่น่าตกใจอีกแล้ว”
เป็นไปตามคาด มู่เฉียนซีทําเช่นนี้ เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ!
ปัง! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วแท่นหลอมยา ควันดําที่สะอึกสะอึงล่องลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้า ๆ
ทุกคนตะลึงงัน “มีคนทำเตาระเบิดแล้ว!”
“ตามหลักแล้วการสกัดกลั่นเม็ดยาจินหยางเพียงแค่ล้มเหลวเท่านั้น ไม่มีทางที่เตาหลอมจะระเบิดได้!”
“ใส่สมุนไพรวิญญาณผิดไปหรือเปล่า!”
อวี้เหลียนชิงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่มีสมุนไพรวิญญาณที่สมบูรณ์ก็อย่าได้ลองสุ่มสี่สุ่มห้า หากไม่ทําตามสูตรยาอย่างเคร่งครัด ย่อมล้มเหลว! การดิ้นรนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ เพื่ออะไร?”
ในช่วงเวลาที่ระเบิดมู่เฉียนซีได้ปกป้องตัวเองด้วยโล่วิญญาณวารี นางไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
เมื่อธาตุน้ำออกมา มู่เฉียนซีก็ทําความสะอาดหม้อยาให้เรียบร้อย ยังพอมีเวลานางต้องรีบจัดการถึงจะได้
มู่เฉียนซียังคงหลอมโอสถต่อไป นางหยิบสูตรยาของยาเม็ดจินหยางออกมาอีกรอบหนึ่ง แต่นางก็ยังหยิบดอกบัวทองออกมาอีกด้วย
หัวหน้าหุบเขาเวินเหริน “สาวน้อยนางนั้นไม่ยอมแพ้เลยจริง ๆ นางช่างมุ่งมั่นยิ่งนัก! แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นว่าดอกบัวทองจะสามารถสกัดกลั่นเม็ดยาจินหยางแทนหญ้าใบทองได้ ไม่ว่านางจะลองกี่ครั้ง นางก็ไม่สามารถประสบความสําเร็จได้”
พวกเขาเหลือบมองไปที่มู่เฉียนซี “ไม่มีหญ้าใบทองก็ใช้สมุนไพรวิญญาณชนิดนั้นแทน แล้วจะปรุงยาจินหยางออกมาได้อย่างไร ช่างไร้เดียงสาเสียจริง”
“นางบุ่มบ่ามเช่นนี้ อีกเดี๋ยวเตาจะระเบิดอีก! ต้องขอบคุณในความแข็งแกร่งของหม้อยาของนาง มิเช่นนั้นหม้อยาคงจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และนางก็คงต้องตกรอบไปในที่สุด”
“……”
การหลอมโอสถครั้งนี้มู่เฉียนซีลดปริมาณของดอกบัวทองลง แต่ผลลัพธ์กลับเหมือนกัน!
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง!
การแข่งขันครั้งนี้แปลกมาก ท่ามกลางเสียงระเบิดของเตาหลอม
มู่เฉียนซีล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า และอวี้เหลียนชิงก็สกัดกลั่นเม็ดยาจินหยางออกมาได้แล้ว เขากลายเป็นคนที่ประสบความสําเร็จในการประลองครั้งนี้ และหลอมยาจินหยางเสร็จเป็นคนแรก
เขาหยิบเม็ดยาขึ้นมาและวางมันลงไปในเสาหยกนั่นก่อนจะเดินลงเวทีประลองอย่างช้า ๆ และกล่าวว่า “หัวหน้าหุบเขาเวินเหริน ข้าน้อยได้ปรุงยาเสร็จแล้ว”
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินหัวเราะและกล่าวว่า “สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์โดยตรงของท่านผู้เฒ่า ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ก็สามารถกลั่นเม็ดยาจินหยางที่มีคุณภาพเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าท่านผู้เฒ่าจะสอนมาดี!”
อวี้เหลียนชิงยิ้มพลางกล่าว “ต้องขอบคุณอาจารย์ที่ชี้แนะมาอย่างพิถีพิถัน ข้าน้อยจึงประสบความสําเร็จในวันนี้” ”
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินทักทายเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ยังคงให้ความสนใจกับมู่เฉียนซีต่อ
ตอนนี้สาวน้อยคนนี้ล้มเหลวถึงเจ็ดครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ อีกทั้งจิตใจยังสงบนิ่งอย่างยิ่ง แม้แต่เขาก็ยังเทียบไม่ได้กับสภาพจิตใจเช่นนี้
ไม่ว่ามันจะสําเร็จหรือไม่ก็ตาม การกระทำของมู่เฉียนซีในวันนี้ทําให้หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินให้ความสนใจเป็นพิเศษ
การกระทําเช่นนี้ของเขา กลับไม่ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าหุบเขาเวินเหริน เขาแค่พูดคุยไปตามพิธีรีตองเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาให้ความสนใจกับคนอื่น ดังนั้นอวี้เหลียนชิงผู้หยิ่งยโสมาตลอดก็โกรธขึ้นมา สายตาของเขาหันไปหาคนผู้นั้นที่หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกําลังจ้องมองอยู่ เขาถึงกับต้องตกใจเล็กน้อย “เป็นนาง! สตรีผู้นั้น! ”