ยาสวรรค์ว่านหลิงนี้สมกับที่เป็นยาพลังของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพจริง ๆ เป็นยาที่รักษาชีวิตของหอโอสถ
ระดับของมันคือ ยาขั้นสวรรค์ระดับเก้าระดับสูงสุด
ยาระดับนี้ ด้วยพลังความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ไม่อาจหลอมสำเร็จได้
มู่เฉียนซีกล่าว “หลังจากที่ข้าออกไป ข้าจะไหว้วานหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินให้หายอดปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสูงมา”
ถึงแม้ว่าทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศอาจจะไม่มียอดปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสูงที่สามารถหลอมยาขั้นสวรรค์ระดับเก้าออกมาได้ แต่ก็ต้องพยายามหาอย่างสุดกำลัง
“ไม่ ไม่ ไม่! คนอื่นไม่ได้” เสี่ยวเย่ากล่าว
“คนอื่นไม่มีประสบการณ์การทดสอบในชั้นเจ็ดของหอโอสถ เกรงว่ามาตรฐานต่าง ๆ จะไม่เป็นที่น่าพอใจ ต่อให้ระดับได้มาตรฐาน แต่ความบริสุทธิ์ไม่ผ่าน ผลของยานั้นหอโอสถก็ไม่อาจดูดซับยาได้”
มู่เฉียนซีแบะปากก่อนจะกล่าวว่า “หอโอสถก็เลือกกินเกินไป จะถึงแก่กรรมอยู่แล้วนึกไม่ถึงว่าจะคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้”
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เหมือนกัน” เสี่ยวเย่ากล่าวอย่างจนปัญญา
“ข้ามีกำลังแค่ไหนเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ หลอมยาขั้นปฐพีระดับหนึ่งก็เสียกำลังไปมากแล้ว ยาขั้นสวรรค์ระดับเก้าระดับสูงสุดนั้นอยู่ห่างไกลจากข้ายิ่งนัก ต่อให้พลังความแข็งแกร่งถึง แต่หากหาสิ่งที่ทำให้ข้ากลายเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีไม่ได้ก็เกรงว่าจะไม่มีทางสำเร็จ”
เสี่ยวเย่ากล่าว “ข้ารู้ ข้ารู้ดี ข้าจะพยายามยืนหยัด ยืนหยัดไปจนถึงวันที่เจ้าไปถึงจุดนั้นได้ ต่อให้ตอนนั้นจะหลับใหลไปจนกว่าเจ้าจะมาช่วยข้า ข้าก็ไม่เป็นกังวลแล้ว”
“คนงามเจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้นะ เจ้าเป็นถึงเจ้าของหม้อเทพนิรันดร์ ก็แค่หลอมยาขั้นสวรรค์ระดับเก้า สำหรับเจ้าแล้วปัญหาก็คือเวลาเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ช่างน่าเสียดายที่ตอนนี้นิรันดร์ยังไม่ตื่นขึ้นมา มิเช่นนั้นแล้วเขาคงต้องมีวิธีอื่นที่จะช่วยเจ้าได้แน่”
“คนงามอย่าได้กังวลถึงเพียงนั้นเลย ข้าไม่ได้หลับใหลไปเร็วเช่นนั้น ข้ารอเจ้าได้! รอเจ้าเสมอ!”
“ชั้นที่เจ็ด มีคนขึ้นไปได้แล้ว อีกทั้งยังผ่านการทดสอบแล้วด้วย”
ตอนนี้หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินแห่งหุบเขาโอสถกับเหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่รู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังฝันอยู่ก็มิปาน นานแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดเรียกสติกลับมาได้เลย
“ผ่านมาหลายพันปีแล้ว ผ่านมาหลายพันปีแล้ว ในที่สุดอัจฉริยะเช่นนี้ก็ปรากฏขึ้น ในที่สุดก็มีคนมาช่วยหอโอสถแล้ว”
“หอโอสถเป็นแสงสว่างนำทางของนักปรุงยาทั่วทั้งแดนใต้ หากมันหลับใหลไปจริง ๆ นับจากนี้เกรงว่านักปรุงยาในแดนใต้ของพวกเราคงจะถอยกลับไปเป็นเหมือนดั่งหลายร้อยปีก่อน”
“ไม่รู้ว่าเป็นอัจฉริยะคนใด จากสำนักใดที่ผ่านการทดสอบชั้นเจ็ดไปได้”
ในขณะที่พวกเขากำลังตื่นเต้นและประหลาดใจอยู่นั้น มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “เอาล่ะ! ส่งข้าออกไปเถอะ เรื่องนี้ข้าจะไปปรึกษากับหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินดู สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะดีนัก คงจะไม่ให้เจ้ารอถึงหลายสิบปีหลายร้อยปีหรอก”
เสี่ยวเย่าพยักหน้าพลางกล่าว “ได้! ข้าจะส่งเจ้าออกไป!”
“แล้วเจอกันใหม่นะคนงาม แล้วข้าจะคิดถึงเจ้า!” จนถึงวินาทีสุดท้ายแล้วเสี่ยวเย่าก็ไม่ลืมที่จะขายความน่ารัก
“แท่นส่งตัวเคลื่อนไหวแล้ว!”
“จะออกมาแล้ว!”
“เป็นผู้ใดกันแน่!”
เมื่อพวกเขาเห็นลำแสงสีขาวปรากฏบนแท่นหยกส่งตัวนั้น พวกเขาก็จ้องมองไปแท่นหยกส่งตัวอย่างไม่กะพริบตา
ผู้ที่ย่างกรายออกมาจากลำแสงสีขาวนั้นเป็นหญิงสาวที่สวมชุดสีม่วง ส่วนเว้าส่วนโค้งที่สมบูรณ์แบบในลำแสงสีขาวนั้นยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ผิวขาวราวหิมะ แม้แต่หยกมันแพะชั้นดีก็สามารถเทียบได้
ลำแสงสีขาวกระจายหายไป ดวงตาดุจดั่งดวงดาราคู่หนึ่งมองไปที่พวกเขา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“หัวหน้าหุบเขาเวินเหริน ท่านผู้อาวุโส พวกท่านมารอข้าที่นี่งั้นเหรอ ?”
หัวหน้าเวินเหรินแสดงสีหน้าตกใจออกมา “สาวน้อย เป็นเจ้า!”
“พระเจ้า! ผู้ที่ผ่านการทดสอบชั้นที่เจ็ดของหอโอสถเป็นสาวน้อยผู้นี้”
“นี่ข้ากำลังฝันไปหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีค่อย ๆ เดินไปตรงหน้าพวกเขา และกล่าวว่า “พวกท่านไม่ได้ฝันไป เราได้สูตรยาสวรรค์ว่านหลิงมาแล้ว ดังนั้นเรามาปรึกษากันดีกว่า”
“ยาสวรรค์ว่านหลิง!”
“จริง ๆ! เจ้าผ่านการทดสอบชั้นที่เจ็ดของหอโอสถในครั้งนี้แล้วจริง ๆ”
“……”
หัวใจของตาเฒ่าเหล่านี้ไม่ค่อยจะดีนัก ถูกทำให้ตกใจครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ก็ผงะไปครู่หนึ่ง
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวว่า “ยาสวรรค์ว่านหลิงเป็นยาขั้นสวรรค์ เรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนมาก รอให้การคัดเลือกของหอโอสถครั้งนี้สิ้นสุดลงก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคิดหาวิธีกัน”
“ได้!”
“เรื่องที่สาวน้อยผ่านการทดสอบชั้นที่เจ็ดของหอโอสถ พวกเจ้าห้ามปริปากบอกผู้ใดเป็นอันขาด! ประกาศกับคนภายนอกไปว่าสาวน้อยผู้นี้มาถึงชั้นหก และทำผลลัพธ์ได้ดีที่สุดจึงได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว
ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น!
ไม่ใช่นักปรุงยาทุกคนที่จะเป็นอัจฉริยะได้ แต่พรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวของมู่เฉียนซีนั้นช่างทำให้ผู้คนต่างอิจฉาตาร้อนเกินไปแล้ว
เรื่องที่น่าทึ่งเช่นนี้หากแพร่งพรายออกไปแล้วล่ะก็ สำนักศึกษาซวนเสียต่อให้เป็นสำนักระดับสอง ก็เกรงว่าจะปกป้องนางไม่ได้
มู่เฉียนซีเข้าใจความหมายของหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินดี นางยิ้มพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินแล้ว”
“นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ เจ้าคือความหวังของหุบเขาโอสถของพวกเรา พวกเราต้องคิดหาวิธีปกป้องเจ้าอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เจ้าไม่เป็นอันตราย” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว
หลังจากที่มู่เฉียนซีทำการทดสอบในชั้นเจ็ดเสร็จสิ้น การคัดเลือกของหอโอสถก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว
ไม่นานนักทุกคนก็ถูกส่งตัวออกมา และพวกเขาก็พบว่ามู่เฉียนซีออกมาเป็นคนแรก
หัวใจของอวี้เหลียนชิง มู่เฉียนซีออกมาเร็วเช่นนี้ สมกับที่ได้ขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดจริง ๆ ผลการตัดสินยังไม่ออก อวี้เหลียนชิงเดินไปถามมู่เฉียนซีด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มว่า “แม่นางมู่ บรรยากาศในชั้นเจ็ดไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ เวลามันน้อยเกินไป ข้ายังไม่ทันได้ทดสอบชั้นที่หกเสร็จเลย ก็พลาดที่จะได้ชมบรรยากาศในชั้นเจ็ดซะแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเสียใจว่า “การทดสอบชั้นหกนั้นยากเกินไป ข้าก็ไม่ผ่านด่านเหมือนกันก็เลยไม่รู้ว่าบรรยากาศชั้นเจ็ดมันเป็นยังไง”
อวี้เหลียนชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง เดิมทีก็คิดว่านางจะเก่งกาจ นึกไม่ถึงว่าจะไม่ผ่านการทดสอบในชั้นหกเหมือนกับเขาด้วย
เมื่อนึกถึงการทดสอบอันวิปริตของชั้นหกแล้ว อวี้เหลียนชิงก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที!
มู่เฉียนซีกล่าว “แต่อีกสิบปีข้างหน้าก็อาจจะได้เห็นบรรยากาศในชั้นเจ็ดก็ได้นะ คุณชายอวี้ แล้วเจ้าล่ะ ?”
สีหน้าของอวี้เหลียนชิงดำคล้ำด้วยความโกรธ เขาไม่มีโอกาสครั้งที่สองแล้ว แต่หญิงสาวผู้นี้กลับมีโอกาสนั้น เมื่อคิดเช่นนี้สีหน้าของเขาก็ยิ่งเขียวคล้ำ
อวี้เหลียนชิงกล่าวด้วยท่าทีที่แปลกประหลาดว่า “แม่นางมู่อย่าได้คาดหวังมากเกินไปจะดีกว่านะ อีกสิบปีข้างหน้าไม่รู้ว่าหอโอสถยังจะมีอยู่อีกหรือไม่”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีตกตะลึงเล็กน้อย เจ้าหมอนี่รู้เรื่องอะไรมาอย่างนั้นเหรอ ?
ไป๋เหลิ่งชวงมองไปที่มู่เฉียนซี เป็นไปได้ยังไง ด้วยความสามารถของนางแล้ว นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะขึ้นไปไม่ถึงชั้นเจ็ด มิน่าล่ะว่าเหตุใดหลายพันปีที่ผ่านมานี้ไม่มีผู้ใดขึ้นไปได้เลย
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินพาพวกเขาออกไปจากแท่นส่งตัว จากนั้นเขาก็ขึ้นไปยืนบนแท่นสูงและกล่าวว่า “บัดนี้ ข้าขอประกาศว่า การคัดเลือกของหอโอสถได้สิ้นสุดแล้ว และอันดับการคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้ มีดังนี้”
อวี้เหลียนชิงรอผลการจัดอันดับออกมา ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะอยู่ในชั้นหกเหมือนเขา แต่ความชำนาญและความเร็วในการปรุงยาของเขาต้องดีกว่าหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าเขาถึงสิบปีแน่นอน อันดับหนึ่งต้องเป็นของเขาเป็นแน่