อันดับรายชื่อได้ประกาศออกมาแล้ว อวี้เหลียนชิงที่มีความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อเห็นรายชื่ออันดับหนึ่งแล้วนั้น เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทันที
“มู่เฉียนซี สำนักศึกษาซวนเสีย จากเสียโจว”
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงดังเกรียวกราวด้วยความอื้ออึง “มู่เฉียนซี เป็นมู่เฉียนซีอีกแล้ว”
“ตอนประลองปรุงยาก่อนจะเข้าไปในหอโอสถก็เป็นนางที่ได้อันดับหนึ่ง การคัดเลือกของหอโอสถ อันดับหนึ่งก็เป็นนางอีก วิปริตไปแล้วจริง ๆ!”
“อันดับหนึ่งการคัดเลือกของหอโอสถ นางเพิ่งจะอายุสิบหกปีเองนะ อีกอย่างนางไม่ใช่จอมภูตพลังธาตุอัคคี นึกไม่ถึงเลยว่านางจะได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้”
“……”
เสียงร้องเกรียวกราวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำต้องบอกเลยว่าการที่มู่เฉียนซีได้อันดับหนึ่งนี้มีผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขามาก
แน่นอนว่าอาจารย์ใหญ่หวงฝู่กับผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักศึกษาซวนเสียตอนนี้รู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นกำลังฝันอยู่ก็มิปาน
ต่อให้พวกเขาฝันไปพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าชื่อของสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขานั้นจะแขวนตระหง่านอยู่ในตำแหน่งอันดับหนึ่งของการคัดเลือกของหอโอสถในครั้งนี้!
แต่ไหนแต่ไรมาสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาไม่เคยได้รับคะแนนที่ทำให้ผู้คนสะเทือนขวัญเช่นนี้มาก่อนเลย
หลังจากที่ทุกอย่างได้ยืนยันแน่นอนแล้วว่าเป็นเรื่องจริง อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ก็จับแขนของผู้อาวุโสสูงสุดเอาไว้แน่นและกล่าวว่า “เป็นเรื่องจริง! เป็นเรื่องจริง! สาวน้อยซีคว้าอันดับหนึ่งของการคัดเลือกของหอโอสถได้แล้ว”
“นักเรียนของสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเราคว้าอันดับหนึ่งมาได้แล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพลางกล่าวว่า “ใช่! ผลที่สาวน้อยได้รับมานั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
ได้อันดับหนึ่งมาแล้วก็นับว่าได้ล้างอายได้โดยสมบูรณ์แล้ว นับจากนี้ต่อไปในเรื่องของการปรุงยาก็คงไม่มีผู้ใดมาว่านักเรียนของหน่วยสำนักปรุงยาแห่งสำนักศึกษาซวนเสียว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์อันดับที่โหล่อีกแล้ว
ในขณะที่อาจารย์ใหญ่หวงฝู่และผู้อาวุโสสูงสุดกำลังดีใจอยู่นั้น ใจของอวี้เหลียนชิงกลับตกลงไปอยู่ในจุดที่ต่ำสุด ไม่เพียงแค่อันดับหนึ่งจะไม่ใช่เขา แม้กระทั่งอันดับสองก็ยังไม่ใช่เขาเช่นกัน แต่กลับเป็นของไป๋เหลิ่งชวงหญิงสาวผู้นั้น
เขาเป็นถึงศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาผู้สง่าผ่าเผย นึกไม่ถึงว่าจะได้อันดับสาม นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจรับได้
จ้าวซือเห็นท่าทางของอาจารย์ใหญ่หวงฝู่ดีอกดีใจเช่นนี้ เขาก็โกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่เมื่อเห็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาได้อันดับสองมาครอง เขาก็ยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวถามว่า “สำหรับการจัดอันดับนี้ ทุกคนคงจะไม่มีความเห็นใดที่แตกต่างหรอกกระมัง!”
“ข้ามี!” อวี้เหลียนชิงออกตัวขึ้นอีกครั้ง
“อวี้เหลียนชิงออกตัวขึ้นทุกครั้งเลย ดูท่าเขาจะไม่ยอมเป็นแน่!”
“จะยอมได้เช่นไรล่ะ หุบเขาหมอเทวดาตั้งตนว่าฝีมือการปรุงยาของพวกเขาดีเลิศอันดับหนึ่งในใต้หล้ามาโดยตลอด อวี้เหลียนชิงเป็นถึงศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาเชียวนะ! แต่เขากลับได้อันดับสาม พ่ายแพ้ให้กับสตรีถึงสองคน ยอมก็แปลกแล้วล่ะ”
“ที่เจ้าพูดมาก็จริง! แต่ต่อให้ไม่ยอม มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี แพ้ก็คือแพ้ หุบเขาหมอเทวดาก็ไม่ได้เก่งกาจดั่งคำร่ำลือ ทุกอย่างล้วนแต่คุยโวโอ้อวดทั้งสิ้น”
ทุกคนต่างก็แอบซุบซิบนินทากัน
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าวว่า “อวี้เหลียนชิง เจ้ามีความเห็นที่แตกต่างเช่นไรรึ ?”
“มู่เฉียนซีขึ้นไปถึงชั้นหกเช่นเดียวกันกับข้า เหตุใดนางถึงได้อันดับหนึ่ง แต่ข้ากลับได้อันดับสาม มันต้องมีปัญหาแน่” อวี้เหลียนชิงกล่าว
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “การจัดอันดับครั้งนี้หอโอสถเป็นผู้จัดอันดับ หรือว่าเจ้าสงสัยในหอโอสถที่มีมาหลายพันปี แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีปัญหามาก่อน”
ทว่า อวี้เหลียนชิงก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าอวี้เหลียนชิงนั้นแพ้แล้วไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
หลายพันปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา เป็นไปไม่ได้ที่พอเขาผู้เป็นศิษย์สายตรงของท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาเข้ามาร่วมการคัดเลือกแล้วจะเกิดปัญหาขึ้น มันคงจะไม่บังเอิญเช่นนั้นหรอกกระมัง
มู่เฉียนซีมองไปที่อวี้เหลียนชิงและกล่าวว่า “คุณชายอวี้ ข้าขอถามหน่อย ตอนที่อยู่ชั้นหกเจ้าหลอมยาใส่ลงไปในกล่องไม้เท่าไหร่รึ”
อวี้เหลียนชิงกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจว่า “ตอนนั้น ข้าหลอมยาใส่เข้าไปจนเต็มชั้นล่างสุดของกล่องไม้แล้ว”
มู่เฉียนซีมองไปที่ไป๋เหลิ่งชวงและกล่าวว่า “แล้วของคุณหนูไป๋ล่ะ!”
“หนึ่งส่วนห้า!” ไป๋เหลิ่งชวงกล่าวอย่างเย็นชา
“หนึ่งส่วนห้า เจ้าหลอมเยอะเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” อวี้เหลียนชิงกล่าว
“แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยพูดโกหก จะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของเจ้า!” ไป๋เหลิ่งชวงกล่าวอย่างเย็นชา
“แล้วเจ้าล่ะ ?” อวี้เหลียนชิงกล่าวถาม
มู่เฉียนซีตอบไปเพียงสามคำว่า “ขาดเม็ดนึง!”
“เจ้า…” เมื่อได้ยินคำตอบนี้ อวี้เหลียนชิงถึงกับร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความตกใจ
“ดังนั้น อวี้เหลียนชิง สำหรับเจ้าที่ได้อันดับสามก็คงจะไม่มีข้อสงสัยแล้วกระมัง” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว
อวี้เหลียนชิงไม่อยากจะยอมรับ แต่ความจริงก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจำใจต้องยอมรับแล้ว
เขาพ่ายแพ้แล้ว อีกทั้งยังพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชอีกด้วย ท่านอาจารย์คงไม่ให้อภัยเขาเป็นแน่
เขาทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งโกรธ และทั้งอิจฉาริษยา ชั่วครู่หนึ่งเขาก็กระอักเลือดคำโตออกมา
พรวด! พลังวิญญาณในร่างกายของอวี้เหลียนชิงวุ่นวายขึ้น จากนั้นเขาก็เป็นลมหมดสติล้มลงไป
ตุบ!
“ศิษย์พี่อวี้!”
“ศิษย์พี่อวี้!”
“……”
เหล่าบรรดาศิษย์น้องแห่งหุบเขาหมอเทวดาต่างก็พรวดเข้าไปพยุงตัวเขาด้วยความตื่นตระหนก
อันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าอวี้เหลียนชิงจะไม่ได้อันดับหนึ่ง แต่เขาก็ติดสามอันดับแรกแล้ว และคะแนนที่เขาได้มานั้นก็ไม่เลวเลย เพียงแต่ทำให้หุบเขาหมดเทวดาเสียชื่อไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
ทว่า เป็นเพราะเขาไม่ได้อันดับหนึ่ง ด้วยไฟริษยาในใจเขาทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนกระอักเลือดและหมดสติไป และนี่ทำให้หุบเขาหมอเทวดากลายเป็นตัวตลกไป จนทำให้ผู้คนต่างตั้งข้อสงสัยในวิสัยทัศน์ของท่านผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดา
ฉายานามของเขาคือนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้ แต่กลับเลี้ยงดูศิษย์ออกมาเป็นเช่นนี้ ช่างไม่ได้เรื่องเอาซะเลย!
จากนั้นหัวหน้าหุบเขาเวินเหรินก็เริ่มมอบของรางวัล ไขกระดูกสีม่วง
อวี้เหลียนชิงหมดสติไป ไม่สามารถรับรางวัลด้วยตัวเองได้ ทำได้เพียงแต่ให้ศิษย์น้องร่วมสำนักรับรางวัลแทน
การคัดเลือกของหอโอสถได้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนต่างก็บอกลากัน
นักปรุงยารุ่นเยาว์ที่เข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องกลับไปทบทวนในสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้มาจากหอโอสถ
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ ข้าอยากจะขอให้มู่เฉียนซีอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน ไม่ทราบว่าจะทำให้พวกท่านเสียเวลาหรือไม่”
อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว “ไม่เสียเวลาแน่นอน หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินเอ็นดูสาวน้อยซีเช่นนี้ พวกข้าก็ดีใจ!”
นี่เป็นสวัสดิการที่พิเศษแน่นอน อีกสองคนที่เข้าไปในชั้นหกนั้นก็ไม่ได้มีสวัสดิการพิเศษเช่นนี้
เสียงของเจ้าเฒ่าจ้าวซือผู้นั้นดังขึ้นว่า “เจ้าเฒ่า คงจะพอใจแล้วสินะ! ก็ไม่รู้ว่าสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเจ้าต้องทำบุญอีกกี่ร้อยชาติถึงจะได้เจอกับผู้ที่ล้ำค่าเช่นนี้สักคน”
ไป๋เหลิ่งชวงเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซี และกล่าวว่า “เรื่องการทดสอบ ต้องขอบใจเจ้าแล้ว กลับไปครานี้ ข้าจะเก็บตัวฝึกฝนให้ดี ข้าต้องตามเจ้าทันแน่”
“สู้ ๆ ล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันแล้ว มู่เฉียนซีและพวกก็ได้อยู่ที่หุบเขาโอสถต่อ ส่วนอวี้เหลียนชิงที่หมดสติไปก็ยังไม่ได้กลับไป ท่านผู้อาวุโสสูงสุดของหุบเขาโอสถได้ตรวจร่างกายของอวี้เหลียนชิง และกล่าวว่า “เจ้าเด็กผู้นี้หมดสติไปนานเช่นนี้ไม่ใช่เพราะไฟริษยาในใจธรรมดาแล้ว แต่เป็นเพราะตอนที่อยู่ในหอโอสถเพื่อให้ผ่านด่าน เขาได้ใช้ยาวิญญาณระดับสูงของอาจารย์เขามากเกินไป ร่างกายของเขารับไม่ไหว เขาจึงได้กลายเป็นเช่นนี้”
มันคือพิษของยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นยาที่มีความบริสุทธิ์ไม่พอ เพื่อการเอาชนะ อวี้เหลียนชิงจึงไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น สุดท้ายเขาจึงได้ทำร้ายตัวเองจนน่าสังเวชเช่นนี้
“อีกไม่นานก็ฟื้นแล้ว หลังจากที่เขาฟื้นขึ้น รีบพาเขากลับไปยังหุบเขาหมอเทวดาให้เร็วที่สุด” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว
หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว “พวกเรารีบไปหาสาวน้อยผู้นั้นก่อนเถอะ! นางคืออนาคตของหุบเขาโอสถของพวกเรานะ”