มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ได้ เจ้าหลับตาลงก่อน”
เชียนอ้าวเซี่ยดีใจแทบบ้า เขารีบหลับตาลงอย่างเร็วรี่
จิ่วเยี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด เวลานี้เตรียมพร้อมที่จะทำลายล้างเชียนอ้าวเซี่ยไม่ให้เหลือซากแล้ว ที่เขาสั่งสอนเมื่อครู่นี้ยังไม่พออีกหรือ ?
— ปัง! —
มู่เฉียนซียกขาขึ้น เตะเชียนอ้าวเซี่ยออกไป
— แกรก! แกรก! —
ผลึกน้ำแข็งที่อยู่รอบ ๆ เริ่มแตกออกบ้างแล้วเมื่อถูกกระแทกเข้าไปเช่นนั้น เชียนอ้าวเซี่ยตกลงมากระแทกอย่างอนาถ เขากล่าวพลางทำท่าทางน่าสงสาร “เสี่ยวซีซี ข้าเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุใดเจ้าถึงโหดร้ายกับข้านัก ?”
“เจ้าทำตัวให้มันปกติหน่อยมิได้รึ ? หากเจ้าทำตัวปกติ ข้าก็จะไม่ลงมือกับเจ้า”
“ข้าเป็นผู้ที่สง่างามมากถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ใจเต้นกับข้าบ้าง ?” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิดหงุดง่านใจเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีคร้านจะสนใจเขา จึงเดินจากเขาไปดื้อ ๆ เชียนอ้าวเซี่ยปีนป่ายลุกขึ้นยืนด้วยขาที่กะเผลก “เสี่ยวซีซี รอข้าด้วย”
“เสี่ยวซีซี เจ้าเป็นสตรีไร้ความรู้สึกที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา” เชียนอ้าวเซี่ยบ่นพร่ำ มู่เฉียนซีมองเชียนอ้าวเซี่ยด้วยสีหน้าอ่านยาก “เจ้าเซี่ยผู้อวดเก่ง เจ้ากล่าวเหมือนกับว่าเจ้ามีความรู้สึก ข้าขอร้องเจ้าแล้วว่าให้เลิกเล่นละคร ข้านั้นไม่มีค่าละครให้เจ้า”
ดวงตาสีดำเงาคู่นั้นแข็งทื่ออย่างรุนแรง เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวโดยยังไม่ลืมทำท่าทางให้น่าสงสาร “เสี่ยวซีซี เหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อข้า ?”
มู่เฉียนซี “ข้าเชื่อในตัวข้าเอง ข้าเชื่อในญาติและมิตรสหายของข้า ส่วนเจ้าที่มักแสดงละครตบตาอยู่ตลอด เหตุใดข้าต้องเชื่อ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยกําหมัดแน่น “เสี่ยวซีซี ข้าจะทำให้เจ้าเชื่อข้าให้ได้ ข้าสาบานกับผืนพสุธา ณ ตรงนี้เลย”
มู่เฉียนซีไม่ต้องการกล่าววาจาไร้สาระกับเขามากนัก นางส่ายศีรษะก่อนจะเดินไปข้างหน้าต่อ มู่เฉียนซีมองเห็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ที่ด้านหน้า สายน้ำสีขาวที่ไหลรดลงมาเหมือนดั่งหิมะโปรย มันหล่นร่วงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ แผ่เป็นละอองเหมือนไอน้ำร้อนออกมา
“เสี่ยวซีซี นั่นเหมือนจะเป็นบ่อน้ำพุร้อน ข้ากับเจ้าเราเข้าไปอาบน้ำที่ด้านในหุบเขากันดีหรือไม่ ?” เชี่ยนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้น ไม่พอเพียงเท่านั้น เขายื่นมือมาดึงมู่เฉียนซี หมายจะให้นางกระโดดเข้าไปข้างใน
มู่เฉียนซีหยิบภาชนะและตักน้ำบางส่วนเข้าไปใส่ในนั้น เมื่อมองดู มู่เฉียนซีถึงกับตะลึงงัน “นี่ไม่ใช่น้ำแต่เป็นไขกระดูกหิมะ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าที่นี่จะมีของเช่นนี้”
มู่เชียนซีมองไปที่เชียนอ้าวเซี่ย นางกล่าวว่า “ไขกระดูกหิมะสามารถช่วยเจ้าชําระล้างไขกระดูกและปรับเส้นลมปราณได้ แม้ว่าจะเป็นเส้นชีพจรที่มีปัญหามาแต่กำเนิด ก็อาจปรับสมดุลให้ดีขึ้นได้ เจ้าจะไม่ลองหน่อยหรือ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยห่อตัวลงแล้วกล่าวขึ้น “ไม่… เสี่ยวซีซี ข้านั้นกลัวความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ข้าไม่กล้า…” “เจ้าเป็นชายชาตรี ยินยอมที่จะเป็นผู้ที่ร่างกายไร้ประโยชน์เช่นนี้ไปตลอดชีวิตรึ ?”
เชียนอ้าวเซี่ย “ร่างกายไม่ได้เรื่องก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ เสี่ยวซีซี เจ้าจะปกป้องข้าใช่หรือไม่ ?”
“ข้าไม่ว่าง” มู่เฉียนซีตอบกลับทันควันพลันหันหน้าไป นางคร้านที่จะสนใจเจ้าคนลมปราณผิดปกติผู้นี้แล้ว และเริ่มเก็บไขกระดูกวิญญาณหิมะ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากโดยแท้
เชียนอ้าวเซี่ยมองไขกระดูกหิมะสีขาว เขาบ่นพึมพำกับตนเอง “น่าเสียดายนัก มาเจอมันก็เมื่อสายเกินไปแล้ว”
เวลานี้ เขามองเห็นดวงตาที่ล้ำลึกคู่หนึ่ง สิ่งที่เขาแสดงมาทั้งหมดนั้น เหมือนกับได้ถูกเปิดเผยออกมาจนหมดสิ้น
“ไปกันเถอะ! มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นหลังจากที่นางเก็บไขกระดูกวิญญาณหิมะเสร็จเรียบร้อย
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
อาวุธนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา ทว่ากระบี่มังกรเพลิงได้ออกโรง กวาดผ่านอากาศไป
มู่เฉียนซีเอ่ยเรียก “อู๋ตี้ เสี่ยวหง…”
มู่เฉียนซีนางเข้ามาที่ด้านใน ทั้งอู๋ตี้และเสี่ยวหงหยุดสู้กับงูเหลือมนั้นเป็นการชั่วคราว และได้กลับไปอยู่ข้างกายผู้เป็นนาย
กลไกบางอย่างที่พุ่งเข้ามาได้ถูกกันไว้โดยพวกมันทั้งสองตัว เชียนอ้าวเซี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังของมู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เสี่ยวซีซี ข้านึกแล้วว่าเจ้าจะต้องปกป้องข้าเป็นอย่างดี”
พวกอู๋ตี้เวลานี้โกรธจนระเบิดเป็นเพลิงสูงสามจั้ง
อู๋ตี้กล่าวขึ้น “นายท่าน จัดการฆ่าเจ้าหน้าขาวนี่เสียเลยดีไหมเล่า ? ข้ารำคาญจะแย่”
เชียนอ้าวเซี่ย “ข้าไม่ใช่เจ้าหน้าขาวสักหน่อย แหม ทำมาว่าข้า เจ้าเคยเจอบุรุษหน้าขาวที่สง่างามเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ล่ะ ? ข้าเป็นสิ่งล้ำค่า ข้าหายาก!” “ที่ว่าหายาก เจ้าหมายถึงเจ้าเป็นกะเทยที่ไม่ใช่สตรีหรือบุรุษน่ะรึ ?” เสี่ยวหงกล่าวหยอกเย้า
“เจ้าบ้า! ข้านั้นเป็นบุรุษ สักวันหนึ่งเสี่ยวซีซีจะได้พิสูจน์เอง” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างมั่นใจเต็มสิบส่วน
มู่เฉียนซีสีหน้าหม่นคล้ำ นางรู้สึกอยากจะสับเขาเป็นชิ้น ๆ
กลไกเมื่อครู่นี้ได้ถูกจัดการจนหมดสิ้นแล้ว พวกเขาก้าวไปด้านในได้ไม่กี่ก้าว ก็พบเข้ากับแม่น้ำสายหนึ่ง
มู่เฉียนซีหยิบยาออกมาแล้วโยนลงไปในนั้น ในตอนที่ยาร่วงลงไปในแม่น้ำ มันกลายเป็นน้ำแข็งทันที บนผิวของแม่น้ำนั้นมีน้ำแข็งลอยตัวอยู่หลายก้อน ดูเหมือนว่าพอที่จะให้คนเหยียบข้ามไปได้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายหรือไม่
อู๋ตี้กล่าวขึ้น “ความเร็วของข้านั้นจัดได้ว่าว่องไวมาก ข้าจะไปลองทางให้นายท่านเอง”
ร่างเล็ก ๆ ของอู๋ตี้ลงไปบนก้อนน้ำแข็งนั้น ไม่นานนักมันก็ข้ามไปถึงฝั่งตรงข้ามได้โดยไม่มีปัญหา
มู่เฉียนซี “เจ้าเซี่ยผู้อวดเก่ง เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่แล้วกัน ที่ตรงนี้บุรุษนุ่มนิ่มอย่างเจ้าข้ามไปเกรงว่าจะมีอันตราย”
เชียนอ้าวเซี่ยอ้าแขนทั้งสองข้างออก “แต่เสี่ยวซีซีอุ้มข้าข้ามไปก็ได้แล้วนี่” สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นคล้ำลงอีกครั้ง “เจ้าฝันไปเถอะ!”
“งั้นข้าเอง ข้าแบกเสี่ยวซีซีข้ามไปเอง”
เงาร่างสีม่วงไม่ฟังบุรุษตรงหน้า นางกระโดดลงไปบนก้อนน้ำแข็ง “เอาล่ะ เจ้าจะเลือกเช่นไร คิดจะทำเช่นไรข้าไม่สนแล้ว ข้าขี้เกียจจะมายุ่งกับเจ้าแล้ว”
มู่เฉียนซีเดินตามเส้นทางที่อู๋ตี้ไป ไม่มีปัญหาอันใดเกิดขึ้นกับอู๋ตี้ แต่กลับเกิดเรื่องขึ้นกับนางแทน
จู่ ๆ ก้อนน้ำแข็งที่นางเหยียบอยู่นั้นก็จมลง!
เงาร่างสีขาวพุ่งเข้าไปอย่างฉับพลันและผลักมู่เฉียนซีขึ้นไปอยู่บนก้อนน้ำแข็งอีกก้อนหนึ่ง ร่างส่วนล่างของเขานั้นได้ลงไปจุ่มอยู่ในน้ำ ขาทั้งสองข้างของเขาแทบจะถูกแช่กลายเป็นน้ำแข็ง
“เสี่ยวหง”
มู่เฉียนซีเรียกเสี่ยวหงออกมา นางให้มันหลอมละลายน้ำแข็งที่อยู่รอบ ๆ เชือกเส้นหนึ่งถูกโยนออกไปและลากเชียนอ้าวเซี่ยมาถึงฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
— ปึก! —
เชียนอ้าวเซี่ยถูกโยนลงบนพื้นอย่างหยาบคาย เวลานี้ขาของเขานั้นกลายเป็นสีม่วงและไร้ซึ่งความรู้สึกไปเสียแล้ว เขากล่าว “เสียวซีซี เจ้าอ่อนโยนกับข้าหน่อยได้ไหมเล่า ? ข้าเจ็บนะ ขาข้าแข็งไปหมดแล้ว” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวถามพลางขมวดคิ้ว
“แย่แล้ว!” มู่เฉียนซีมองเขาจากศีรษะจรดปลายเท้า
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบทำร้ายตนเองอย่างมาก ซ่อนพลังความสามรถเอาไว้แล้วทำร้ายตนเอง เจ้าสนุกมากนักรึ ?” ในตอนนั้นที่นางเหยียบแล้วก้อนน้ำแข็งจมลง เขามาช่วยนางเร็วมาก ความรวดเร็วของเจ้าบุรุษน่ารำคาญผู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีร่างกายผิดปกติควรจะมีอย่างแน่นอน ทว่าเชียนอ้าวเซี่ยทำตัวแกล้งโง่กับมู่เฉียนซี เขาทำทีเป็นไม่รู้เรื่องอันใด “เสี่ยวซีซี ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้ากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร ? เมื่อครู่นี้เห็นว่าเจ้ามีอันตราย ข้าจึงรีบเข้าไปช่วยอย่างไม่คิดชีวิตก็เท่านั้นเอง”
มู่เฉียนซี “เจ้าอย่าได้มาไม้นี้ ข้าไม่เชื่อ อันที่จริงแล้วข้าคิดว่าเจ้าต้องมีพลังเป็นแน่”
“จะอย่างไรก็เถอะเสี่ยวซีซี เวลานี้ขาทั้งสองข้างของข้านั้นขยับไม่ได้ เจ้าแบกข้าได้หรือไม่ ?”
ในที่สุดใครคนหนึ่งก็เผยธาตุแท้ออกมา กระบี่มังกรเพลิงกรีดเข้าที่ข้างขาของเขาเป็นรอยแผลลึก
มู่เฉียนซี “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตัดขาทั้งสองข้างของเจ้าทิ้งในทันทีหากเจ้ายังขืนพูดพล่ามไม่เข้าเรื่อง”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีที่มีจิตสังหารเย็นยะเยือก เชียนอ้าวเซี่ยกลับยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับดอกไม้ “ข้าไม่เชื่อ เสี่ยวซีซีคงทำข้าไม่ลง” มู่เฉียนซีนำยาออกมาหลายชนิด หลังจากที่นางปรุงยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ปักเข็มยาเข้าไปที่ขาทั้งสองข้างของเชียนอ้าวเซี่ยอย่างไร้ความปราณี นางไม่สนใจที่จะเบามือเลย
“อ๊ากกกก!” เชียนอ้าวเซี่ยร้องแหกปากออกมาราวกับหมูถูกเชือด บางจังหวะก็ฟังคล้ายกับว่าขาของเขามีไฟลุกไหม้ จากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ได้กลับคืนสู่สภาพปกติ
เชียนอ้าวเซียดีใจจนกระโดดโลดเต้น เขากล่าวขึ้นด้วยความตื่นตะลึงว่า… “เสี่ยวซีซีเจ้าเก่งกาจนัก ข้าตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ไป ข้าจะกอดขาของเจ้าเอาไว้ให้มั่น ไม่ว่าผู้ใดจะทำให้ข้าบาดเจ็บเจียนตาย เสี่ยวซีซีก็สามารถรักษาข้าให้หายดีได้”
มู่เฉียนซีแค่นเสียง “ฝันไปเถอะ”
“ความฝันที่สวยงามนี้ของข้าอาจจะเป็นจริงก็ได้” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวพร้อมยิ้มตาหยี
เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขานั้นบุกฝ่าอันตรายเข้ามาในสุสานของจักรพรรดิอันดับหนึ่งแห่งเซี่ยโจวโดยมีเชียนอ้าวเซี่ยก่อปัญหาให้ตลอดทาง ทว่าไม่น่าเชื่อว่าพวกเขานั้นจะโชคดีเป็นอย่างมากที่สามารถผ่านอุปสรรคทั้งหมดมาได้
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสุสานหลักอย่างปลอดภัยราบรื่น
ห้องโถงตำหนักน้ำแข็ง… พวกเขามาถึงแล้ว
.
Related