“ข้าจะพูด! จะพูด จะพูด! มู่เฉียนซีเป็นผู้หญิงของข้า!” อาถิงกล่าวอย่างไม่เกรงกลัวความตาย
จิตสังหารยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งอาจารย์ใหญ่ซวนก็รู้สึกสะพรึงกลัวจนรีบหลบไปอยู่ไกล ๆ
เจ้าหนุ่มผู้นี้ช่างไม่รู้จักความตายเอาซะแล้ว รนหาที่ตายจริงแท้!
เมื่อรับรู้ได้ว่าศึกครั้งใหญ่ในโลกกำลังจะเกิดขึ้น ในตอนนี้เองมู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “อาถิง นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือยัง เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถวางยาพิษให้เจ้าเป็นใบ้พูดไม่ได้ตลอดไปได้”
มู่เฉียนซีจนปัญญากับเจ้านี่จริง ๆ รนหาที่ตายแท้ ๆ!
นางไม่อยากให้อาถิงกับจิ่วเยี่ยต้องสู้รบกันเป็นวันเป็นคืน จากนั้นอาถิงก็ต้องหลับใหลไปเป็นเวลานานอีกครั้ง คำสาปของจิ่วเยี่ยกำเริบ สถานการณ์เช่นนั้นวุ่นวายยิ่งกว่าการสู้รบที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มาก
อาถิงกล่าว “เจ้าผู้หญิงโง่ พิษเล็กน้อยเช่นนั้นของเจ้า คิดจะทำให้ข้าเป็นใบ้อย่างนั้นเหรอ ต่อให้เจ้าฝึกฝนต่อไปอีกหลายหมื่นปี ต่อให้เจ้าฝึกฝนทั้งชีวิตเจ้าก็ไม่มีทางทำได้”
“นี่เจ้า!”
“เหอะ! เจ้าลำเอียง! เขาพูดได้ แล้วเหตุใดข้าถึงพูดไม่ได้!” อาถิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“วันนี้ข้าจะต้องจัดการกับเจ้าหมอนี่ให้ได้ สู้จนกว่าเจ้าหมอนี่จะกลับบ้านเก่าไปเลย!”
กล่าวจบอาถิงก็พุ่งเข้าหาจิ่วเยี่ยวทันที
แสงสีเขียวอ่อนส่องประกายนำพาพลังแห่งกาลเวลาทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“อวดดี!” เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของอาถิง จิ่วเยี่ยก็พ่นคำสองคำออกมาอย่างเย็นชา
“เหอะ เหอะ เหอะ! ข้านะเหรออวดดี ต่อให้ข้าอวดดีมากกว่านี้ข้าก็เทียบเจ้าไม่ได้หรอก!” อาถิงกล่าวเย้ยหยัน
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสำนักศึกษา อาจารย์ใหญ่ซวนรู้สึกตกใจขึ้น เขากลัวว่าสำนักศึกษาถูกล้างทำลายไปในชั่วพริบตาจริง ๆ
งูพิษอย่างอาถิงนิสัยใจร้อนและเหี้ยมโหด ส่วนจิ่วเยี่ยก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่ยอมให้ผู้ใดมายั่วยุ หากสองคนนี้ปะทะกันแล้วละก็ มีหวังต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเป็นแน่
มู่เฉียนซีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก็รู้สึกเหนื่อยใจ เหตุการณ์ในตอนนี้ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ และนางไม่อาจจะขัดขวางได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนเลยนะ ข้อแรกอย่าได้สู้รบกันที่นี่!”
“ข้อที่สอง อาถิง หากเจ้าสูญเสียพลังมากเกินไป ต่อไปข้าจะเห็นเจ้าเป็นเพียงแค่อากาศ จิ่วเยี่ย หากเจ้าอาการกำเริบเหมือนเดิมอีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว พวกเจ้าจะสู้รบกันก็ได้ แต่ทางที่ดีพวกเจ้าก็ต้องมีขอบเขต ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปก็แล้วกัน!”
ก็มีเพียงแค่มู่เฉียนซีนี่แหละที่กล้าขู่สองคนนี้ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ และทั้งสองคนก็ไม่ได้โกรธนางเลยแม้แต่น้อย
อาถิงกล่าว “เจ้าผู้หญิงโง่ เจ้าวางใจเถอะ เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า ข้าก็สามารถทำให้ชายบัดซบผู้นี้ตายได้แล้ว ไม่เสียพลังไปแน่นอน”
“จัดการกับเขา! ไม่ใช่ปัญหา!” จิ่วเยี่ยก็พ่นคำพูดอันเย็นยะเยือกนี้ออกมาเช่นกัน
สิ่งใดคือจัดการกับเขาไม่ใช่ปัญหา!
อาถิงโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจ ที่เจ้ากล่าวคำนี้ออกมา!”
ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ!
ร่างทั้งสองได้อันตรธานหายไปจากสำนักศึกษา พวกเขาไปที่ยอดเขาที่มีคนอาศัยอยู่น้อย และได้เริ่มต่อสู้กัน
ทันทีที่ทั้งสองคนได้อันตรธานหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซี สีหน้าของอาถิงก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันที เคร่งขรึมอย่างที่มู่เฉียนซีนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน
“หวงจิ่วเยี่ย ต่อให้เจ้าเคยทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยท่านพี่ของข้า แต่ข้าก็ยังอยากจะฆ่าเจ้าอยู่ดี” ดวงตาอันสดใสคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ได้! ขอเพียงเจ้ามีความสามารถนั้นก็แล้วกัน” คำพูดของอาถิงนั้น จิ่วเยี่ยไม่ได้ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย
เจ้านายของอาถิงกับสุ่ยจิงอิ๋งนั้นคือซี ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัยของซี
คนอื่น และเรื่องอื่นทั้งหมดนั้นล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญแล้ว
“เช่นนั้น ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น ว่าข้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!”
ตูม! พลังอันบ้าคลั่งของทั้งสองได้ปะทะกันอย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
อันที่จริงสถานที่ที่ทั้งสองต่อสู้กันนั้นอยู่ห่างกับสำนักศึกษาซวนเสียมาก แต่ก็ยังคงรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้น
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้น พวกเขาทำเกินไปแล้ว คำพูดของนางที่พูดไปพวกเขาทำเป็นหูทวนลมหรือไง ?
อาการบาดเจ็บของนางยังไม่หาย ทันทีที่มู่เฉียนซีก้าวเท้าเดินนั้น บาดแผลของนางก็ทำให้นางเจ็บปวดขึ้น
ร่างสีเขียวร่างหนึ่งเคลื่อนไหวไป ชิงอิ่งปรากฏกายขึ้นข้างกายนางและได้พยุงนางไว้
ชิงอิ่งกล่าวอย่างกังวลใจว่า “เฉียน!”
“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้าไม่เป็นไร!”
อาจารย์ใหญ่ซวนเดินไป และกล่าวว่า “สาวน้อย เจ้าจะไม่ไปห้ามสองคนนั้นสักหน่อยเหรอ ?”
หากปล่อยให้สู้กันต่อไปเช่นนี้ เขากลัวว่าทั่วทั้งเสียโจวคงจะแตกกระจุยกระจายเป็นแน่
ผู้ที่สามารถห้ามพวกเขาได้นั้นเกรงว่าคงจะมีเพียงสาวน้อยผู้ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ผู้เดียวเท่านั้นแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีก็ไม่ได้ห้ามได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว”
นางเหลือบไปมองหัวหน้าหุบเขาซือคงที่หมดสติไป และผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดาที่กลายเป็นเด็กทารกเหล่านั้น มู่เฉียนซีกล่าว “โม่จิ่น!”
สำนักศึกษาซวนเสียเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แน่นอนว่าโม่จิ่นต้องนำกำลังคนมา เพียงแต่เขามาช้าไปก็เท่านั้น ไม่ได้ออกแรงมากมายแต่อย่างใด
“นายท่าน จะสั่งการสิ่งใด ?” โม่จิ่นกล่าวถาม
“เอาตัวคนเหล่านี้ทั้งหมดส่งไปให้ข้า บอกว่าเป็นของขวัญที่หอหมอปีศาจมอบให้กับพวกเขา” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
โม่จิ่นกล่าวถามว่า “นายท่าน แล้วโครงกระดูกเหล่านั้นจะส่งไปด้วยหรือไม่ ?”
“แน่นอน! พวกไร้ประโยชน์นะเหรอ ก็ส่งพวกมันกลับไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ!”
“ขอรับ!”
ของขวัญชิ้นก่อนที่ส่งไป ยังไม่ได้ทำให้หุบเขาหมอเทวดาประพฤติตัวดีสักเท่าไหร่ แต่หากตาเฒ่าประหลาดของหุบเขาหมอเทวดาผู้นั้นได้เห็นของขวัญชิ้นนี้ ก็คงจะประพฤติตัวดีขึ้นสักหน่อยกระมัง!
มู่เฉียนซีหันไปกล่าวกับอาจารย์ใหญ่ซวนว่า “อาจารย์ใหญ่ เรื่องเหล่านี้ของสำนักศึกษาคงต้องรบกวนให้อาจารย์ใหญ่จัดการแล้ว ส่วนค่าชดเชยทั้งหมดให้ไปเอาที่หอหมอปีศาจ”
อาจารย์ใหญ่ซวนยิ้มพลางกล่าว “ถึงแม้ว่าหอโอสถจะไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่สำนักศึกษาของพวกเราเสียหายไปแค่เล็กน้อยแค่นี้ ข้าจัดการเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้หอหมอปีศาจชดเชยหรอก”
การที่สำนักศึกษาซวนเสียเผชิญกับการต่อสู้อย่างดุเดือดครั้งนี้ ก็ได้จบลงไปเช่นนี้แล้ว
หุบเขาหมอเทวดาได้ประสบกับการสูญเสียอย่างหนัก ส่วนสำนักปีศาจดำที่เข้ามามีส่วนร่วมนั้นก็ไม่ได้ดีนัก ส่วนสำนักศึกษาซวนเสียกลับได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตูม ปัง ปัง! เสียงสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง พวกเขาสู้รบกันนานเกินไปแล้ว มู่เฉียนซีก็รู้สึกกังวลใจขึ้น
“ชิงอิ่ง พาข้าไปดูหน่อย!” มู่เฉียนซีกล่าว
“ขอรับ!”
ร่างสีเขียวกะพริบ ชิงอิ่งพามู่เฉียนซีไปถึงสถานที่ที่จิ่วเยี่ยกับอาถิงต่อสู้กัน
“พวกเจ้าจะหยุดกันได้หรือยัง!”
เสียงของมู่เฉียนซีทำให้อาณาบริเวณนี้ที่แผ่ซ่านไปด้วยจิตสังหารกลับกลายเป็นสงบลง
อาถิงกล่าว “ไม่หยุด หากยังฆ่าเขาไม่ได้ ข้าก็จะไม่หยุด!”
“ฆ่าจิ่วเยี่ย ?” มู่เฉียนซีมองอาถิงอย่างพิจารณา
“แต่กลิ่นอายของเจ้ามันยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ แล้ว เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะฆ่าจิ่วเยี่ยได้”
อาถิงโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “ตกลงเจ้าเป็นพันธสัญญากับข้าหรือกับเขากันแน่ ชายผู้นี้อันตรายเกินไปสำหรับเจ้า ฆ่าเขาไปเจ้าถึงจะปลอดภัย”
“คำสาปของจิ่วเยี่ย ข้าก็กำลังคิดหาวิธีอยู่ไม่ใช่เหรอ ในฐานะที่เป็นพันธสัญญากับข้า นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่มั่นใจในตัวข้าเช่นนี้ อาถิง!” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
สำหรับนางแล้วจิ่วเยี่ยคือคนที่สำคัญมากในชีวิตของนาง นางไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับเขา
ทว่า ผู้เป็นพันธสัญญาของนางในตอนนี้ จงเกลียดจงชังเขา คิดจะฆ่าเขาอย่างไม่ยอมรามือ ไม่ได้พูดเล่นเหมือนดั่งเมื่อก่อนแล้ว อาถิงคิดจะฆ่าเขาอย่างจริงจัง
“ข้าเห็นหน้าเขาแล้วอารมณ์ไม่ดี อารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมากเลยล่ะ ไม่เพียงแค่คำสาป ต่อให้ท่านพี่ข้าอยู่ตรงนี้นางก็เห็นด้วยกับข้า” อาถิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“เว้นเสียจากให้เขาออกไปจากชีวิตเจ้า อย่าได้เจอหน้าเจ้าอีก และเขาต้องไม่มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับเจ้า แต่เขาจะทำได้หรือไม่ล่ะ ?” อาถิงขู่