โชคดีที่ชิงอิ่งนั้นไม่ได้ดื้อรั้นเหมือนกับเจ้ากบฏอาถิง เมื่อมู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “ชิงอิ่ง พอได้แล้ว!” หลังจากนั้นชิงอิ่งก็หยุดในทันทีและไม่สู้กับจิ่วเยี่ยอีกต่อไป
ชิงอิ่งได้หยุดการต่อสู้ และจิ่วเยี่ยเองก็ไม่คิดที่จะทำลายหุ่นเชิดตัวนี้ของมู่เฉียนซี เพราะนี่เป็นกำแพงที่คอยปกป้องนางเอาไว้อย่างนึง
“ซี!” จิ่วเยี่ยกลับเข้ามากอดมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็ได้พันแผลให้นางใหม่
เมื่อไม่ทันได้ระวังนั่นจึงทำให้เลือดของนางไหลเป็นสายออกมาจากบาดแผล จิ่วเยี่ยเองก็เกิดความหงุดหงิดขึ้นมาอยู่บ้าง
ชิงอิ่งเห็นทั้งสองนั้นกอดกันไว้แน่น เขาจึงได้หายตัวไปจากที่ตรงนั้นอย่างไร้ร่องรอย
ชิงอิ่งจากไปอย่างรู้เรื่อง จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ถึงต่อให้เป็นหุ่นเชิด ซีก็อย่าได้อยู่ใกล้ชิดเขาเกินไป”
หุ่นเชิดไม่มีความรู้สึกและจะไม่หวั่นไหว จึงไม่ใช่ภัยคุกคามอะไร มันไม่เหมือนกับศาลาเรือนรางเก้าชั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย?”
“จะไม่ฟังหรือ?” ดวงตาของจิ่วเยี่ยฉายแววอันตรายออกมา และไม่สนเลยว่าบนตัวของมู่เฉียนซีนั้นจะมีบาดแผลอยู่ เขาได้จูบนางในทันที
มู่เฉียนซีเบิกตากว้าง เหล่าอาจารย์ที่พอจะมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งของสำนักศึกษาล้วนอยู่ที่นี่! แต่เขา…
“อื้อ…”
แต่เขากลับจูบในทันที
วิธีที่จะทำให้ซีพูดไม่ออกนั้น นี่นับเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
“อะแฮ่ม! สมัยนี้หนุ่มสาวช่างเปิดเผยกันเสียจริง แยกย้ายกันได้แล้ว! แยกย้าย!” อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าวขึ้น
รอจนเมื่อทุกคนได้สติคืนมา ทั้งสองคนนั้นก็ได้หายตัวไปเสียแล้ว
แต่มู่เฉียนซีนั้นไม่ได้ถูกจิ่วเยี่ยปล่อยตัวไปไหน เขาเพียงแค่เปลี่ยนสถานที่และใช้กำลังบีบบังคับจูบก็เท่านั้น
ไม่รู้ว่านี่เป็นการลงโทษที่มู่เฉียนซีดื้อรั้นเมื่อครู่นี้หรือเป็นการเก็บดอกหนี้ที่ค้างมาแล้วหลายวัน อย่างไรเสียมันก็ล้วนแต่ไม่จบไม่สิ้น…
อาการบาดเจ็บที่ตรงไหล่ของมู่เฉียนซียังไม่หายดี แน่นอนว่าจิ่วเยี่ยก็จะไม่จากไปไหนอีกทั้งยังดูแลนางเป็นอย่างดี
“อื้อ!” หลังจากผ่านการต่อสู้มาเต็ม ๆ วัน มู่เฉียนซีได้สูญเสียพลังไปไม่น้อย จึงฟื้นตัวขึ้นมาได้ช้า
เมื่อคืนจิ่วเยี่ยนั้นกอดนางเอาไว้เบา ๆ แล้วหลับไปด้วยกัน โชคดีที่เขานั้นไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่เป็นการรังแกผู้ป่วยขึ้นมา การนอนหลับในครั้งนี้จึงค่อนข้างสบาย
เมื่อนึกขึ้นได้ดังนี้ แขนของจิ่วเยี่ยก็ได้เข้ามาโอบเอวนางเอาไว้ทันที
“มา! เดี๋ยวข้าเปลี่ยนชุดให้”
จิ่วเยี่ยพยุงมู่เฉียนซีลุกขึ้นมา ทันทีที่เขาสะบัดมือก็ได้มีเสื้อผ้าลอยออกมาจากในมิติ
แต่ว่านั่นเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิง!
มิติของจิ่วเยี่ยกลับมีเสื้อผ้าของผู้หญิงอยู่ เรื่องนี้จะต้องทำให้คนในแดนนรกตกใจจนถึงกับเป็นลมไปอย่างแน่แท้
“เอ่อ!” แม้แต่มู่เฉียนซีเองก็ยังตกตะลึง
“จิ่วเยี่ย เจ้า…ทำไมในมิติของเจ้าถึงได้มีเสื้อผ้าเช่นนี้มากมายนัก ?”
“หลังจากกลับไปที่แดนนรก ข้าได้ให้จื่อโยวจัดเตรียมไว้ให้!” จิ่วเยี่ยกล่าว
ถึงแม้ว่าจื่อโยวนั้นจะดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ แต่ว่าเขานั้นรู้จักในสตรีเพศเป็นอย่างดี
ชุดกระโปรงเหล่านี้แต่ละชุดนั้นทำขึ้นมาด้วยความประณีตอย่างสูง มันถูกทำขึ้นมาโดยอิงตามความชอบของมู่เฉียนซีอย่างแน่นอน
“ซีเจ้าจงเลือกมาหนึ่งชุด” จิ่วเยี่ยหันไปมองมู่เฉียนซีแล้วกล่าว
ชุดเหล่านี้ทำให้นางตาลายไปจนหมด! ถึงแม้ว่าตระกูลมู่จะเป็นตระกูลที่ร่ำรวย แต่ว่าเครื่องสวมใส่นั้นนางได้ใช้แบบที่เรียบง่ายมาโดยตลอด และมิได้มากลูกเล่นหลากสีเหมือนดั่งเช่นขององค์ชายจิ่วเยี่ยอย่างแน่นอน
“ข้า… ข้าน่าจะไม่ต้องใช้มัน ตัวข้าเองยังมีเสื้อผ้าอีกมากมาย”
“หากไม่เลือกละก็ ข้าสามารถช่วยซีลองใส่เพื่อให้เลือกดูได้”
จิ่วเยี่ยได้สุ่มหยิบชุดขึ้นชุดหนึ่ง และเตรียมที่จะถอดชุดเดิมของมู่เฉียนซีออกเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่
มู่เฉียนซีรีบถอยไปข้างหลังแล้วกล่าว “เจ้า…เจ้าอย่าเพิ่งขยับนะ ข้าเลือก ข้าเลือกแล้วตกลงไหม?”
จื่อโยวนั้นรู้ใจของผู้หญิงเป็นอย่างมาก ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เหมาะสมกับความชอบของมู่เฉียนซี
ถ้าหากว่าล้วนแต่ชอบแล้วละก็ เช่นนั้นสุ่มเลือกมาสักตัวก็พอแล้ว มิเช่นนั้นแล้วจิ่วเยี่ยคงจะได้ช่วยนางลองใส่ทีละชุด แบบนั้นนางคงจะได้เป็นบ้าอย่างแน่นอน
ในตอนที่มู่เฉียนซีกำลังจะยื่นมือออกไปหยิบชุดมานั้นก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยขวางเอาไว้
“ข้าทำให้เอง!”
จิ่วเยี่ยได้เก็บเอาชุดที่เหลือของเขากลับไป และได้เดินนำชุดตัวที่มู่เฉียนซีเลือกเอาไว้มาอยู่ตรงหน้าของนาง
“ข้าทำเอง ข้านั้นไม่ได้บาดเจ็บจนถึงขนาดไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้” มู่เฉียนซีกล่าว
“ซีได้รับบาดเจ็บ เรื่องเช่นนี้ข้าจะทำให้เอง”
“เจ้า…”
“นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เดี๋ยวซีก็จะชินเอง!”
จิ่วเยี่ยได้อุ้มมู่เฉียนซีขึ้นมานั่งบนตักของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าของมู่เฉียนซีออก
อุณหภูมิเย็นเฉียบที่ปลายนิ้วนั้นทำให้มู่เฉียนซีไวต่อความรู้สึกไปทั่วทั้งเรือนร่าง นางนั้นทรมานเสียแล้ว!
“ข้า…”
“อย่าขยับ!” จิ่วเยี่ยกล่าวตรงข้างหูของนาง ไอร้อนที่พ่นออกมานั้นทำให้ใบหูของมู่เฉียนซีรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
เสื้อผ้าทั้งหมดได้ถูกปลดออก ปลายนิ้วนั้นรูดผ่านผิวหนังอันบอบบางของนางไป นั่นทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว
จิ่วเยี่ยนั้นไม่เคยทำอะไรชักช้ามาแต่ไหนแต่ไร แต่ว่านางนั้นกลับรู้สึกว่าการเปลื้องผ้านี้ ทำไมถึงได้ยาวนานเช่นนี้
ในที่สุดนางก็ได้ถอดชุดที่คลุมอยู่บนร่างของนางเสียเอง มู่เฉียนซีนั้นรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง และนี่ก็มิใช่ครั้งแรกที่ถูกจิ่วเยี่ยมองเห็นทั้งเรือนร่าง
มู่เฉียนซีได้ยื่นมือออกมาปิดตาของจิ่วเยี่ยเอาไว้ แต่ขนตาของเขายังกระดิกระริก ๆ และสีไปที่กลางฝ่ามือของมู่เฉียนซี
“หลับตา!”
“ถ้าหลับตาแล้วไปโดนแผลของซีเข้า ซีจะเจ็บเอานะ!”
“ข้าไม่กลัวเจ็บ!” ความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่น เมื่อเทียบกับสายตาอันเร่าร้อนของจิ่วเยี่ยแล้ว สายตานั่นมันยิ่งทำให้นางรู้สึกกลัวมากกว่าเสียอีก เข้าใจหรือไม่?
จิ่วเยี่ยได้วางตัวนางลงบนพื้น และยืนอยู่ที่ด้านหน้าของนางพร้อมกล่าว “แต่ว่าข้าเจ็บ!”
เขายื่นมือออกไปและได้เปิดมือทั้งสองข้างของมู่เฉียนซีออก
“ข้าไม่ใช่คนอื่นไกล มิต้องอาย!” ดวงตาที่เย็นชานั้นกลับมาเป็นประกายอีกครั้งและมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง
สายตาที่คุกคามประเภทนี้ทำให้ขนทุกเส้นของมู่เฉียนซีลุกตั้งขึ้นมา
มู่เฉียนซีอยากที่จะชิงเสื้อผ้านั้นมาแล้วพุ่งหนีเขาออกไปจริง ๆ แต่ว่านางนั้นไม่สามารถที่จะแย่งมาจากจิ่วเยี่ยได้ จึงทำได้แต่เพียงให้เขาจับตัวเอาไว้
จิ่วเยี่ยแต่งตัวให้มู่เฉียนซีอย่างเชื่องช้าและละเมียดละไม ราวกับว่าเขากำลังเสพสุขกับเวลาเช่นนี้เป็นอย่างมาก และแทบอดไม่ที่อยากจะให้เวลาเดินช้ากว่านี้อีกหน่อย
เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าให้มู่เฉียนซีเสร็จสิ้น ในที่สุดนางก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ จิ่วเยี่ยก็ได้พานางไปที่โต๊ะอาหาร บนนั้นได้มีอาหารเช้าหลากชนิดจัดวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อปลายจมูกของมู่เฉียนซีเริ่มขยับ ก็สามารถดมออกได้ถึงสรรพคุณของยาในอาหารแล้ว มีสรรพคุณในการบำรุงเลือดเสียด้วย
สมุนไพรวิญญาณล้ำค่านานาชนิดรวมอยู่ด้วยกัน ผู้ที่จัดทำอาหารชุดนี้ใจป้ำกว่านางเสียอีก
“ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก จิ่วเยี่ยนี่มันเกินเหตุไปหน่อยหรือไม่?” มุมปากของมู่เฉียนซีค่อย ๆ ยกขึ้น
ทักษะทางการรักษาของนางนั้นดีมาก ถึงแม้ว่าจะมีบาดแผลจากการแทงทะลุ แต่ว่านั่นก็เป็นแค่เพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ
นิ้วมือของจิ่วเยี่ยลูบไล้บนใบหน้าของมู่เฉียนซีเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ซีได้รับบาดเจ็บ แน่นอนว่าข้าจะต้องใช้สิ่งที่ดีที่สุดรักษา”
นี่เป็นความปรารถนาของจิ่วเยี่ย มู่เฉียนซึจึงตัดสินใจที่จะเสพสุขกับมัน เมื่อนางเพิ่งคิดว่าจะนั่งลงนั้น ปรากฏว่านางก็ได้ตกไปอยู่ในอ้อมกอดของจิ่วเยี่ยและถูกเขากอดรัดเอาไว้
“ข้า…”
ช้อนน้ำแกงนั้นได้เข้าไปอยู่ในมือของจิ่วเยี่ย เขากล่าว “ซีไม่ต้องขยับ”
“แม้ว่าข้าจะได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ขวา แต่ก็ยังสามารถใช้มือข้างซ้ายได้!”
เขากระซิบที่ข้างหูของมู่เฉียนซี “แต่ข้าอยากจะลองดูว่าความรู้สึกในการป้อนข้าวซีนั้นเป็นเช่นไร? อย่าได้ปฏิเสธ”
น้ำแกงช้อนแรกได้ถูกยื่นมาที่ด้านข้างปากของมู่เฉียนซี