รอจนถึงตอนที่สูญเสียความสามารถที่จะป้องกันไปได้ทั้งหมด มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าตนเองนั้นได้ติดกับเข้าแล้ว
ทำไมนางถึงได้ถูกจิ่วเยี่ยล่อลวงได้ จากนั้นนางก็เป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน เหมือนดั่งแพะที่ยินดีเดินเข้าปากหมาป่าเองไม่มีผิด!
ในที่สุดการจูบนั้นก็ได้สิ้นสุดลง ริมฝีปากของมู่เฉียนซีในตอนนี้แดงเสียจนแทบจะมีเลือดซึมออกมาแล้ว
ริมฝีปากอันเบาบางสีแดงระเรื่อได้กล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าตั้งใจ! เจ้าตั้งใจอย่างแน่นอน!
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียแหบพร่า “อื้ม! ข้าตั้งใจ”
เขาอธิบายขึ้นว่า “จื่อโยวบอกไว้ว่า เช่นนี้จะสามารถทำให้ซีหยุดยั้งตนเองไม่ได้และพุ่งเข้ามาหาข้าเอง”
หลังจากที่เขากล่าวจบก็มองไปที่มู่เฉียนซี “แต่ซีแค่จูบเท่านั้น ไม่ได้กระโจนเข้ามา!”
“จื่อโยว!” มู่เฉียนซีกัดฟันแน่น
เจ้าบ้านี่นับวันยิ่งจะสอนจิ่วเยี่ยอย่างล้ำลึกเข้าไปทุกที โชคดีที่นางมีสติดี มิเช่นนั้นแล้วใครจะเป็นฝ่ายกระโจนเข้าหาใครนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้
จู่ ๆ จื่อโยวที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในแดนนรกก็อดรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าผู้เป็นนายนั้นได้ขายเขาอีกแล้ว และทำให้มู่เฉียนซีผู้โหดร้ายจดจำอย่างขึ้นใจ
“อื้อ!”
นางเพียงแค่นชื่อของจื่อโยวออกมาเท่านั้น แต่ปรากฏว่านางได้โดนเขาลากเข้าไปอีกจูบครั้งหนึ่ง
ความร้อนรอบด้านนั้นเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
“เจ้า…” ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้ตอบโต้กลับบ้าง มู่เฉียนซีได้ทีก็รีบผลักตัวจิ่วเยี่ยออกไป
เมื่อมองไปยังสายตาที่แฝงการตำหนิของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยก็กล่าวขึ้น “ในตอนนี้ซีไม่ควรจะกล่าวชื่อของผู้อื่นออกมา!”
มู่เฉียนซีเอามือมากั้นปากของเขาเอาไว้แล้วกล่าว “เจ้าอย่าเข้ามานะ! หากเข้ามาอีกละก็ปากของข้าจะต้องบวมขึ้นมาแน่”
“น้ำเย็นแล้ว”
เมื่อจิ่วเยี่ยกล่าวสามคำนั้นจบเขาก็ได้อุ้มมู่เฉียนซีขึ้นมาจากน้ำ จากนั้นก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งเช็ดหยดน้ำที่อยู่บนตัวของนาง
“ข้าสามารถทำเองได้!”
“เจ้าได้รับบาดเจ็บ!”
เหตุผลนี้ทำให้มู่เฉียนซีไม่มีเหตุผลอะไรมาค้านได้
เขาเช็ดตัวของนางอย่างละเอียดลออ และไม่ให้เหลือดหยดน้ำแม้เพียงหยดเดียวบนร่างกายของนาง
มู่เฉียนซีมองดูบุรุษที่งดงามตรงหน้านางอย่างพิจารณา เขาเป็นชายที่ชั่วร้ายและเอาแต่ใจ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะดูแลคนผู้หนึ่งได้เช่นนี้
หลังจากที่เช็ดหยดน้ำเสร็จสิ้น ปลายนิ้วของจิ่วเยี่ยก็ได้ลูบผ่านไปบนผิวของมู่เฉียนซีและไม่ยอมปล่อยมือ
ร่างของมู่เฉียนซีนั้นสั่นไหวเล็กน้อย และมิอาจที่จะเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายนี้ได้เลย
จากนั้นเขาก็ใส่ยาให้มู่เฉียนซีอย่างคล่องแคล่ว
ในตอนนี้ปากแผลนั้นได้ประสานกันแล้ว และไม่ได้มีเลือดไหลซึมเหมือนดั่งตอนที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บหนักมา
หลังจากที่ใส่ยาเสร็จ จิ่วเยี่ยก็ได้จูบลงไปบนปากแผลนั้นอย่างเบา ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นพลัน “เจ้าไม่กลัวยาจะเข้าปากเจ้าไปหรือยังไง ?”
“ไม่เป็นไร! ข้าไม่รังเกียจ!”
มู่เฉียนซีนั้นหมดคำจะกล่าว เขาไม่รังเกียจแต่ว่านางรังเกียจนี่นา!
จูบเดียวยังไม่พอ ยังจะมีอีกจูบหนึ่งตามมาอีก!
เมื่อเห็นว่าเขาเหมือนกำลังเล่นสนุกอยู่จนเป็นการเสพติด มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้น “ข้าหนาว”
จิ่วเยี่ยได้รีบนำชุดนอนมาใส่ให้นางอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อุ้มมู่เฉียนซีไป
จิ่วเยี่ยได้อุ้มมู่เฉียนซีมานอนอยู่บนเตียงด้วยกัน มู่เฉียนซีได้เอาปลายนิ้วของนางไปสัมผัสที่ปลายจมูกของจิ่วเยี่ย ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองกัน
มู่เฉียนซีกล่าว “องค์ชายจิ่วเยี่ย ในตอนนี้ข้าจะขอเตือนเจ้าเอาไว้ว่า ในเมื่อข้าเป็นผู้ป่วยก็ต้องพักผ่อนเสียให้ดี เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าอย่าได้มารบกวนข้า”
จิ่วเยี่ยตอบตกลงอย่างตรงไปตรงมา “อื้ม! ซีนอนเถอะ!”
ในคืนนี้ จิ่วเยี่ยเพียงแค่กอดมู่เฉียนซีเอาไว้เท่านั้น ให้นางได้นอนหลับอย่างสบายและไม่ได้รบกวนนางอีก
วันถัดมายังคงเหมือนเก่า จิ่วเยี่ยป้อนข้าวนางด้วยตนเอง เห็นกันอยู่ว่าเรื่องที่นางได้รับบาดเจ็บนั้นได้ผ่านมาแล้วตั้งสองวัน ยารักษาแผลของนางให้ผลที่ดีมากและในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใดแล้ว
เรื่องของการแต่งกายและการกินดื่มนั้นสามารถทำด้วยตนเองได้แล้ว แต่ว่าจิ่วเยี่ยก็ยังคงแย่งมู่เฉียนซีทำทุกอย่างเช่นเดิม
ส่วนในวันที่สามนั้นแผลได้สมานกันดี แต่ทว่าร่องรอยของบาดแผลนั้นยังคงไม่หายไป
แต่ปรากฏว่าจิ่วเยี่ยยังคงใช้คำที่ว่านางบาดเจ็บเป็นเหตุผล และแย่งนางทำทุกสิ่งอย่างเพื่อดูแลนาง
ในที่สุด อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว
แต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกว่า วันนี้นางนั้นกลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายกว่าเดิม
หลายวันมานี้นางได้รับบาดเจ็บ ถึงต่อให้จิ่วเยี่ยนั่นจะเดรัจฉานไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ออกนอกลู่นอกทางมากไปนัก อย่างมากก็แค่เพียงจูบเท่านั้นเอง
แต่มาวันนี้อาการบาดเจ็บนั้นดีขึ้นมาก มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงสายตาของจิ่วเยี่ยที่เหมือนดั่งหมาป่ากำลังหิวโหยและเตรียมที่จะตะครุบเหยื่ออันโอชะก็มิปาน
และในครั้งนี้ก็ได้ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกเกลียดในยารักษาบาดแผลของตนเองที่มันได้ผลดีเกินไป จึงทำให้นางหายจากอาการบาดเจ็บได้ในเร็ววัน
และมู่เฉียนซีนั้นรู้สึกว่าการที่จิ่วเยี่ยคอยเอาใจใส่นางอย่างละเอียดทุกวันนั้น ก็เป็นเหมือนการขุนให้นางอ้วนพีขึ้นช้า ๆ
พอมาวันนี้ขุนจนอ้วนได้ที่ก็สามารถที่จะกินได้แล้ว เขาจะต้องกลืนกินเข้าไปในคำเดียวเป็นแน่แท้!
มู่เฉียนซีคิดที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของจิ่วเยี่ย
นางกล่าวขึ้น “จิ่วเยี่ย คราวนี้เจ้าปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีสุ้มเสียงสักคำ ทำให้ข้าตกใจอยู่บ้าง”
“อยากเห็นเจ้า ก็เลยต้องมา!” จิ่วเยี่ยกล่าว
“เจ้ากลับไปที่แดนนรก ได้ข่าวของคัมภีร์หมื่นคำสาปมาบ้างหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถามอย่างต่อเนื่อง และนั่นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิตของจิ่วเยี่ย
“ไม่มี!” จิ่วเยี่ยตอบ
ถ้าหากว่าสามารถหาคัมภีร์หมื่นคำสาปได้ง่ายดายเช่นนั้น หลายปีมานี้เขาก็คงจะไม่ต้องพบกับความทรมานมากมายเช่นนั้นหรอก
มู่เฉียนซีถามขึ้นอีก “งั้นเจ้ากลับมารอบนี้แล้วจะกลับไปอีกครั้งเมื่อไร ?”
จิ่วเยี่ยยื่นมืออกมากอดมู่เฉียนซีเอาไว้ เขากระซิบที่ข้างหูของนางว่า “คิดถึงเจ้ายิ่งนัก! ทนไม่ไหวก็เลยกลับมา”
“เดิมทีข้านั้นแค่กะว่าจะมาดูเจ้าเสียหน่อยแล้วกลับไป!”
มู่เฉียนซีตะลึงค้าง จิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันในตอนนั้นมีเป้าหมายเพียงสิ่งเดียว
แต่จนถึงวันนี้เขาได้อยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว
จิ่วเยี่ยกล่าว “ซีได้รับบาดเจ็บหนัก ถึงต่อให้ข้ามีเรื่องใหญ่เท่าฟ้า ข้าก็จะต้องเห็นเจ้าฟื้นฟูจนเต็มที่แล้วถึงจะสามารถไปได้”
“ตอนนี้ข้าฟื้นตัวดีแล้ว…”
“ซีฟื้นตัวแล้ว เช่นนั้นแน่นอนว่าจะต้องชดเชย ใช่หรือไม่?” ไอร้อนนั้นพ่นมาตรงที่ริมหูของมู่เฉียนซี และในน้ำเสียงของเขานั้นก็แฝงความมีเสน่ห์อยู่ด้วย
มู่เฉียนซีรู้สึกสับสนไปชั่วชณะ มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ไม่ใช่! ไม่ใช่! ไม่ใช่อย่างแน่นอน!”
“ตอนนี้อาการบาดเจ็บของข้าหายแล้ว ถ้าหากเจ้ามีธุระกับทางนั้นละก็เจ้าไปก่อนได้!” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน
จิ่วเยี่ยได้ดึงตัวมู่เฉียนซีมาแนบติดที่กายของตนเองเอาไว้ ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นได้กลายเป็นลึกซึ้งขึ้นมา “ซีไม่อยากเจอข้า ?”
“ไม่ใช่!” มู่เฉียนซีส่ายหน้า
“เช่นนั้น ในเมื่ออยู่มาหลายวันเช่นนี้แล้ว จะอยู่ต่ออีกสักช่วงเวลาหนึ่งก็ไม่เป็นไร”
คาดว่าเมื่อลูกสมุนของจิ่วเยี่ยที่แดนนรกได้ยินคำพูดนี้เข้าคงจะร้องไห้ออกมากันเป็นแน่
เมื่อไร้ซึ่งเจ้านายผู้ปกครอง พวกเรานั้นร้อนรนเสียจนกะโหลกแทบจะระเบิดแล้ว
“เจ้าเอาแต่ใจเช่นนี้จะดีจริง ๆ หรือ ?”
จิ่วเยี่ยอยู่ที่นี่มาหลายวัน และได้ถามถึงค่าตอบแทนของการตามดูแลในช่วงที่นางได้รับบาดเจ็บในหลายวันมานี้อย่างดุดัน
มู่เฉียนซีโกรธยิ่งนัก เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ เจ้าหมอนี่ให้นางได้รับการปรนนิบัติดั่งราชินี
รอจนเมื่ออาการของนางหายดีแล้ว เจ้าหมอนี่ก็จะทวงคืนความเป็นจักรพรรดิที่ทรงอำนาจของตนเองขึ้นมาโดยสมบูรณ์
ปล้นสะดมทุกสิ่งที่เขาต้องการไป แม้แต่เหตุผลสักนิดก็ไม่มี มันช่างน่ารังเกียจเสียจริงเชียว!
ยิ่งอยู่กับนางนานเท่าไร จิ่วเยี่ยก็ยิ่งไม่อยากจากไปเท่านั้น
มู่เฉียนซีมองจิ่วเยี่ยที่หาเรื่องไม่อยากจะจากไป เขานั้นไม่เคยปล่อยนางไปสักวัน ร่างของนางนั้นจะสลายแยกออกจากกันอยู่แล้ว
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ตัดสินใจที่จะหยิบไพ่ตายออกมา
“สุ่ยจิงอิ๋ง! รีบส่งเจ้าหมอนี่กลับไป!”
นี่เป็นสิ่งของที่อันตรายอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน ถ้าหากนางไม่ส่งเขากลับไป มู่เฉียนซีจะต้องรับไม่ได้เป็นแน่
เขานั้นมาได้โดยการใช้พลังแห่งมิติของสุ่ยจิงอิ๋ง แน่นอนว่าสุ่ยจิงอิ๋งนั้นก็สามารถที่จะส่งเขากลับไปยังแดนนรกได้
แต่มันทำให้มู่เฉียนซีต้องผิดหวังเสียแล้ว เพราะสุ่ยจิงอิ๋งไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่น้อย
“สุ่ยจิงอิ๋ง นี่เจ้ากบฏผู้เป็นนายเหรอ? สรุปแล้วใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายของเจ้า?”