ผลของการฝึกบำเพ็ญในชั้นที่เก้าของหอจวี้หลิงแห่งสำนักศึกษาซวนเสียนั้นได้ผลไม่เลวอย่างที่คิดเอาไว้ มู่เฉียนซีได้ฝึกบำเพ็ญไปเป็นเวลาครึ่งเดือน ในที่สุดก็ได้เพิ่มพลังความสามารถของตนเองขึ้นไปเป็นจุดสูงสุดของจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่ง
ในตอนนี้ที่สำนักศึกษาได้ประกาศเรียกรวมนักศึกษาทั้งสำนักส่วนในอย่างเร่งด่วน มู่เฉียนซีจึงจำต้องหยุดการฝึกบำเพ็ญเอาไว้ และไปที่ลานกว้างของสำนักศึกษาส่วนใน
อาจารย์ใหญ่ซวนได้ขึ้นบนเวทีเตรียมป่าวประกาศเรื่องที่สำคัญอย่างที่สุด
“คาดว่าทุกท่านคงจะสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก วันนี้ที่เรียกพวกเจ้าทุกคนมาที่นี่ เพราะการจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนของสำนักศึกษาในแดนใต้ที่จะจัดขึ้นทุกเก้าปีกำลังจะเริ่มขึ้น”
ทุกคนต่างเริ่มซุบซิบว่ากล่าวกัน “การประชุมแลกเปลี่ยนของสำนักศึกษาในแดนใต้!”
“นี่เป็นงานประชุมใหญ่งานหนึ่งที่จะเห็นฝีมืออัจฉริยะของสำนักศึกษาอื่น ๆ ได้”
“……”
หลายคนนั้นอดไม่ไหวและรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้ที่กังวลใจอยู่ด้วยเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าเมื่อครั้งก่อนหน้านี้ ผลคะแนนของสำนักศึกษาซวนเสียของเราจะไม่ดีเอาเสียเลย!”
“ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว! ดูเหมือนว่าจะไม่มีครั้งไหนที่จะจบด้วยดีเลย”
“ทวีปเสียโจวของพวกเรานั้นไม่ได้อยู่บนพื้นที่ที่มีพลังวิญญาณและทรัพยากรอย่างเพียงพอของแดนใต้ เช่นนั้นแล้วจึงไม่อาจเทียบได้กับทวีปใหญ่ทวีปอื่นได้เลย”
อาจารย์ใหญ่กล่าวต่อ “ในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ สำนักศึกษาขั้นสำนักนิกายระดับสองทั้งหมดของแดนใต้จะมาเข้าร่วม นี่เป็นโอกาสอันดีที่อัจฉริยะรุ่นหนุ่มสาวจะได้ทำให้ชื่อเสียงของตนขจรไกลไปทั้งใต้หล้า”
“ในการประชุมใหญ่ครั้งนี้นอกจากพวกเราทวีปเสียโจวแล้ว ผู้เข้าร่วมจากทวีปอวิ๋นโจวมีทั้งหมดสิบสำนักศึกษา ทวีปอวี่โจวมีสิบห้าสำนักศึกษา ทวีปอวี้โจวมีสามสิบสำนักศึกษา ทวีปเหลยโจวและทวีปเหยียนโจวทวีปละห้าสิบสำนักศึกษาเข้าร่วม ดังนั้นแล้วการประชุมใหญ่ครั้งนี้จึงถูกเรียกด้วยอีกชื่อหนึ่งว่า การแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก”
“การแข่งขันในครั้งนี้ดุเดือดเป็นอย่างมาก และพวกเราสำนักศึกษาซวนเสียได้จำนวนรายชื่อผู้ที่สามารถเข้าร่วมได้มาเพียงสิบรายชื่อเท่านั้น ดังนั้นแล้วจึงต้องคัดเลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจำนวนสิบคนจากบรรดาพวกเจ้าไปเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ในครั้งนี้”
“การแข่งขันรอบคัดเลือกนั้นง่ายมาก การจับสลากประลองแบบตัวต่อตัวจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าจงเตรียมพร้อมสู้ให้เต็มที่!”
“ขอรับ!”
นี่เป็นการต่อสู้แบบประลองพลัง ไม่มีใครที่จะยอมแพ้อย่างแน่นอน! เช่นนั้นจึงต้องสู้อย่างสุดกำลัง
หลังจากที่ได้แยกย้ายกันไปแล้ว อาจารย์ใหญ่ซวนยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “สาวน้อย ตอนนี้พลังความสามารถของเจ้าถดถอยลง ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่”
มู่เฉียนซีกล่าว “อาจารย์ใหญ่ซวนได้ช่วยข้าไปแล้วอย่างใหญ่หลวงนัก แต่ข้าไม่มีความสนใจในการเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ในครั้งนี้มากเท่าไรนัก”
“อะไรนะ? ไม่ค่อยสนใจ? ทำไมเจ้าถึงไม่สนใจเล่า! ไม่ได้ ไม่ได้!” อาจารย์ใหญ่ซวนร้อนรนขึ้นมา
“สาวน้อย เจ้าจะต้องไปนะ! ถึงแม้ว่าซวนอี้นั้นจะมีความสามารถที่ไม่เลว แต่ถ้าหากเจ้าไปด้วยละก็จะเหมือนกับมีเกราะกันภัยเป็นสองชั้น ข้านั้นรอให้พวกเจ้าลูกกระต่ายทั้งสองตัวไปล้างความอัปยศก่อนหน้าของสำนักศึกษาซวนเสียของเราอยู่!” อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าวขึ้นด้วยอาการตื่นเต้น
มู่เฉียนซีกล่าว “อาจารย์ใหญ่ซวนท่านก็รู้ว่าพลังความสามารถของข้านั้นลดขั้นลงมาและยังไม่ได้ฝึกบำเพ็ญจนเลื่อนขั้น ดังนั้น…”
“นี่มันไม่ได้เป็นผลขัดแย้งกับการฝึกบำเพ็ญนี่นา! เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าสามารถที่จะประลองกับเหล่าอัจฉริยะของทั้งแดนใต้ได้ และยังสามารถที่จะเพิ่มระดับความสามารถได้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย สาวน้อย ถือว่าข้าขอร้องเจ้าละ นับตั้งแต่จัดกิจกรรมเช่นนี้ขึ้นมามันทำให้ข้าเริ่มจนปัญญา สำนักศึกษาซวนเสียของเรานั้นอยู่อันดับแทบสุดท้ายอยู่ร่ำไป!”
“ถึงจะได้ที่ท้าย ๆ ก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากไม่ไปเข้าร่วมพวกเขาก็จะคิดว่าพวกเราสำนักศึกษาซวนเสียนั้นหวั่นกลัว เช่นนี้จึงจำต้องไปเข้าร่วม และน้ำตาสีเลือดนั้นก็ได้ไหลมาอย่างยาวนานจนกระทั่งวันนี้ ต้องขอบคุณเจ้าที่ทำให้สำนักศึกษาซวนเสียในวันนี้มีชื่อโด่งดังในเรื่องการปรุงยาขึ้นมา” อาจารย์ใหญ่นั้นกล่าวไปเรื่อยไม่หยุดหย่อน
ถึงแม้ว่าจะมีชื่อเสียงในโลกแห่งการปรุงยา แต่ผู้ได้หน้านั้นก็คือเจ้าเฒ่าหวงฝู่ เขาเห็นแล้วทั้งริษยาและเจ็บแค้นนัก!
มู่เฉียนซีกล่าว “นั่นก็เป็นเพราะไขกระดูกหยกสีม่วง”
อาจารย์ใหญ่กล่าว “สาวน้อย เจ้าไม่สนใจเช่นนี้เพราะคงไม่รู้ว่าการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้จัดขึ้นที่ใด!ข้าจะบอกเจ้าว่า! มันจัดขึ้นที่สนามรบโบราณ”
“เจ้าอ่านในบันทึกของข้าแล้วก็น่าจะรู้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่กระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตอาจจะกลายเป็นเศษซากจากสงครามเมื่อครั้งโบราณ ตัวกระบี่นั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะอยู่ในสถานที่เช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “อาจารย์ใหญ่ซวน ท่านนี่เป็นจิ้งจอกเฒ่าเสียจริงเลย! ท่านพูดมาเช่นนี้ข้าก็จำต้องไปที่แห่งนั้นสักครั้งหนึ่ง”
อาจารย์ใหญ่ซวนยิ้มอย่างมีความสุข “เจ้าตอบตกลงแล้วช่างดียิ่งนัก เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้นะ”
อาจารย์ใหญ่ซวนนั้นรอให้ปาฏิหาริย์แห่งหอโอสถเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักนี้ และให้เกิดความเจิดจ้าเสียจนให้คนพวกนั้นตาบอด
วันรุ่งขึ้น การคัดเลือกภายในของสำนักศึกษาซวนเสียก็ได้เริ่มขึ้น
การคัดเลือกดำเนินไปได้ไม่นานนัก ก็ได้มาถึงคราของมู่เฉียนซี
คู่ต่อสู้ตรงหน้าของนางนั้นเป็นชายหนุ่มธรรมดาผู้หนึ่ง เขามองมาที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าว “สหายมู่เฉียนซี ออมมือด้วย!”
คนในสำนักศึกษาส่วนในนั้นล้วนรู้กันทั่วว่าพลังความสามารถของมู่เฉียนซีนั้นได้ลดลงไปอยู่ที่ระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งเต็มขั้น แต่พวกเขานั้นไม่ได้ลืมภาพอันแข็งแกร่งเหี้ยมหาญของมู่เฉียนซี แน่นอนว่าพวกเขาหวั่นกลัวมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้านั้นต่ำขั้นกว่าเจ้าถึงสี่ขั้น! ผู้ที่ควรจะออมมือนั้นควรเป็นศิษย์พี่เสียมากกว่าถึงจะถูก!”
“สหายมู่เฉียนซีอย่าได้ล้อเล่นเลย ในตอนนั้นเจ้าต่ำขั้นกว่าศิษย์พี่ซวนอี้ถึงห้าขั้นยังสามารถชนะได้ นับประสาอะไรกับห่างชั้นสี่ขั้น แต่ว่าข้าจะสู้อย่างเต็มกำลังแน่นอน!” เข้ากล่าวเสียงขรึมออกมา
“เริ่มการประลองได้!”
“ฝ่ามือวายุเมฆา!”
“มังกรวารีพิฆาต!”
เงาร่างทั้งสองได้เริ่มขยับกายบนเวทีประลอง และพลังทั้งสองก็พุ่งชนประสานเข้าด้วยกัน!
ปัง! เสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นเงาร่างทั้งสองก็ได้ต่างถอยหลังกันออกไป
แต่จากนั้น ร่างอันบอบบางก็ได้พุ่งกลับเข้าไปอีกภายในเวลาชั่วพริบตา มันรวดเร็วเป็นอย่างมาก!
ในเรื่องของความเร็วแล้ว ฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่อาจเทียบมู่เฉียนซีได้อย่างเห็นได้ชัด จากนั้นกระบวนท่าหนึ่งของมู่เฉียนซีก็ได้ถูกปล่อยลงมา
“ทักษะเทียนซวน!”
พลังความแข็งแกร่งของนางนั้นลดลง แต่ทว่าความคล่องในทักษะเทียนซวนไม่ได้ลดตามลงไปด้วย และไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นได้ถูกมู่เฉียนซีอัดร่วงเวทีไป
“สองกระบวนท่า เพียงสองกระบวนท่าก็ได้ซัดจักรพรรดิระดับขั้นที่ห้าร่วงไปแล้วหนึ่งคน ถึงแม้ว่าสหายมู่เฉียนซีนั้นจะเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูติขั้นที่หนึ่ง แต่นางก็ยังคงวิปริตอยู่เช่นเดิม!”
“ระดับที่ลดถอยไปหนึ่งขั้นจะไปเปลี่ยนความวิปริตที่ติดตัวมาได้อย่างไร พวกเรานั้นช่างไร้เดียงสาเสียจริง”
“หวังว่าพวกเราคงจะไม่โชคร้ายเช่นนั้น ที่ยังไม่ทันที่จะได้เข้ารอบหนึ่งร้อยคนก็ต้องไปเจอเข้ากับสหายมู่เฉียนซี”
มู่เฉียนซีที่ทำให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้ได้ในกระบวนท่าเดียว ก็ยังไม่เท่ากับซวนอี้ เพราะซวนอี้นั้นยิ่งไปกว่านางเสียอีก
เพราะว่าคู่ต่อสู้บางคนที่จับฉลากได้คู่ต่อสู้เป็นเขาล้วนแต่คิดว่าตนเองโชคร้าย เมื่อขึ้นไปบนเวทีก็ได้ยอมแพ้ในทันทีทั้งที่ยังไม่ได้สู้เลยสักกระบวนท่า
มู่เฉียนซีสามารถเข้าไปอยู่ในร้อยอันดับแรกได้อย่างสบาย ๆ แต่ในหนึ่งร้อยอันดับนั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่มีพลังความสามารถของจักรพรรดิระดับที่หก มาตอนนี้หากคิดจะจัดการก็ไม่ง่ายดายเช่นก่อนหน้าเสียแล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดมองดูลูกศิษย์ของตนต่อสู้กับจักรพรรดิแห่งภูตระดับที่หกก็รู้สึกตึงเครียดอยู่บ้าง!
“ระดับพลังความสามารถของสาวน้อยผู้นี้เพิ่งจะลดขั้นลงมา การคัดเลือกในวันนี้นางนั้นเสียเปรียบเป็นอย่างมาก! แต่ถ้าหากยอมแพ้ไปเสียก็น่าเสียดาย”
การแข่งขันในครั้งนี้จัดขึ้นโดยมีสายตาของคนทั้งสำนักศึกษามองดูอยู่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีกะใจเห็นแก่ตัว แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำการใดที่เป็นการลำเอียงได้
อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “เจ้านี่นะ! อย่าได้กังวลใจไปเรื่อย นางยังไม่ได้ชักกระบี่ออกมาเลยนั่น!”
การตะลุยเข้ามาอยู่ในร้อยอันดับแรก มู่เฉียนซียังไม่ได้ใช้กระบี่มังกรเพลิงเลยสักครั้ง
แต่มาตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ในที่สุดนางก็คิดที่จะใช้กระบี่มังกรเพลิงเสียแล้ว
ประจวบเหมาะกับการที่จะได้ทดสอบกระบี่ที่อาจารย์ใหญ่ซวนหลอมขึ้นมาให้ ว่าสามารถใช้ได้หลายครั้งโดยที่ไม่แตกหัก
“มู่เฉียนซีชักกระบี่ออกมาแล้ว!”
“ในที่สุดนางก็ชักกระบี่ออกมาแล้ว”
แต่ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่การแข่งกันของรอบสิบคนสุดท้าย ชักกระบี่ออกมาตอนนี้มันไม่ไวไปหน่อยหรือ?”
“นั่นนะสิ! แล้วกระบี่นี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวก็หักเสียแล้ว”
นักศึกษาของสำนักส่วนในจดจำกระบี่มังกรเพลิงที่ใช้เพียงครั้งเดียวแล้วก็หักได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นพวกเขาจึงรู้ดีถึงคุณสมบัติของมันที่เลวร้ายต่อเจ้านายของตนเอง