พลังของหมัดนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
มู่เฉียนซีกลับนิ่งสงบมาก นางตะโกนอย่างเย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
กำแพงน้ำแข็งปรากฏขึ้นตรงหน้า และได้ปิดกั้นหมัดนี้ของอวิ๋นอ้าวเอาไว้
โครม!
ความแข็งแกร่งของหมัดนั้นได้ทำลายกำแพงน้ำแข็งตรงหน้าแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ตูม!
ชั้นน้ำแข็งได้กลายเป็นผลึกน้ำแข็งบินลอยไปทั่วทุกทิศและได้บดบังสายตาของทุกคนเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ได้ปิดกั้นการรับรู้ของอวิ๋นอ้าวด้วย
มู่เฉียนซีหายตัวไปอีกครั้ง
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“……”
มู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา โจมตีเขาในสองกระบวนท่าติดกัน มังกรเพลิงสองตัวล้อมรอบอวิ๋นอ้าวเอาไว้
เขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะโจมตี แต่มู่เฉียนซีกลับหาโอกาสตอบโต้กลับได้ อารมณ์ของอวิ๋นอ้าวตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก
ปัง! เขารีบสกัดกั้นเอาไว้ ในที่สุดก็ไม่ถูกมู่เฉียนซีทำให้บาดเจ็บสาหัส
“บัดซบ!” อวิ๋นอ้าวพุ่งเข้าไปลงมือกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง
ความเร็วในการป้องกันของมู่เฉียนซีนั้นอยู่เหนือกว่าอวิ๋นอ้าว อวิ๋นอ้าวคิดจะไล่ตามนาง ทำร้ายนางนั้น มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
และมู่เฉียนซีทันทีที่มีโอกาสที่เหมาะสม นางก็จะตอบโต้กลับอย่างโหดเหี้ยมทันที
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของการคัดเลือกในครั้งนี้แล้ว
ทั้งสองได้ต่อสู้กันมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้วก็ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ
ทั้งสองได้ต่อสู้กับต่อไป และในที่สุดอาจารย์ใหญ่ซวนก็เห็นทางแล้ว
“เจ้าอวิ๋นอ้าวน่าสังเวชเข้าแล้ว!”
ยิ่งถ่วงเวลาออกไปนานมากเท่าไหร่ ซวนอี้ก็ยิ่งวางใจมากขึ้นเท่านั้น
เพราะแข่งกันในพลังความทนทานนั้น อวิ๋นอ้าวต้องพ่ายแพ้เป็นแน่
มู่เฉียนซีเป็นถึงนักปรุงยา ประสิทธิภาพของยาฟื้นฟูกำลังเหล่านั้นของนาง ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างอวิ๋นอ้าวจะเทียบได้
ยิ่งต่อสู้ต่อไป สีหน้าของอวิ๋นอ้าวก็เริ่มเคร่งเครียดลงเรื่อย ๆ
ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่เมื่อสิ้นเปลืองพลังไปจนหมด กำลังการต่อสู้ก็เหลือแค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น
ในแต่ละกระบวนท่าที่โจมตีเขาพยายามอย่างสุดกำลัง แต่ไม่โดนมู่เฉียนซีเลย และไม่ต้องจินตนาการเลยว่าเขากลัดกลุ้มใจมากแค่ไหน
บูม บูม บูม!
ในขณะที่มู่เฉียนซีแยกร่าง นางโจมตีกระบวนท่ามังกรเพลิงสังหารออกไปอีกครั้ง!
ตูม ปัง ปัง! การโจมตีนี้กระทบลงบนร่างของอวิ๋นอ้าว ทำให้ร่างของอวิ๋นอ้าวกระเด็นลอยไปที่ขอบลานประลอง
แกร๊ง!
แต่ในตอนนี้ทุกคนก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยแล้ว
นั่นก็คือกระบี่ของมู่เฉียนซีหักอีกแล้ว
“หักอีกแล้ว!”
“ข้าก็คิดว่าจะใช้ได้ตลอดเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าจะหักลงอีกแล้ว เพียงแต่ใช้ได้หลายครั้งก็เท่านั้น หรือว่านักหลอมอาวุธของมู่เฉียนซีท่านนั้นฝีมือเก่งกาจขึ้นแล้ว”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ ตัวกระบี่นี้คุณภาพดีกว่าเมื่อก่อนมาก”
อาจารย์ใหญ่ซวนก็นิ่งอึ้งไป สาวน้อยใช้ไปแค่สิบสองครั้งก็หักแล้ว นี่เกินขีดจำกัดของเขาแล้ว
สมกับที่เป็นกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณจริง ๆ ตัวกระบี่อื่นนั้นไม่สามารถรองรับพลังที่ระเบิดออกมาหลายครั้งของมันได้ ไม่หักก็แปลกแล้ว
ทว่า จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าวกระบี่นี้เป็นเขาที่ตีมันขึ้นมา เพราะจะทำให้เขารู้สึกอับอายขายหน้าเล็กน้อย!
กระบี่ของมู่เฉียนซีหักแล้ว และนี่ทำให้อวิ๋นอ้าวหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“กระบี่ของเจ้าหักแล้ว ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก ยาวิญญาณฟื้นฟูพลังที่เจ้าเอาติดตัวมาเหลือเท่าไหร่แล้วล่ะ พลังวิญญาณไม่เพียงพออย่างเจ้า ไม่มีสิทธิ์มาบอกให้ข้ายอมแพ้!”
“ยาวิญญาณของข้าเหลือไม่มากแล้ว แต่ยาที่ทำให้เจ้าสิ้นเปลืองพลังวิญญาณเช่นนั้น เหลืออีกเท่าไหร่กันเชียว” อวิ๋นอ้าวกล่าว
ตอนนี้ทุกคนรู้สึกสงสารอวิ๋นอ้าวเข้าแล้ว เจ้าหมอนี่ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ถึงจะเพิ่งออกมาจากเก็บตัวจากการฝึกฝนก็ต้องสืบข่าวคราวบ้างสิ!
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น และนางก็หยิบขวดยาออกมาอีกขวด และกลืนมันลงไป
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นนักปรุงยา สิ่งที่ข้าไม่ขาดแคลนนั่นก็คือยาวิญญาณ ดังนั้นตอนนี้ข้ามีติดตัวอยู่เยอะเลยล่ะ”
อวิ๋นอ้าวได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้น “เจ้า…นี่เจ้าเป็นนักปรุงยา!”
แข่งขันยาวิญญาณกับนักปรุงยา นั่นเป็นสิ่งที่เจ็บปวดใจยิ่งนัก
“ดังนั้น คนที่ต้องยอมแพ้ก็คือเจ้า!” ร่างของมู่เฉียนซีพุ่งเข้าโจมตีอวิ๋นอ้าวราวกับสายฟ้าฟาด
“ทักษะตี้ซวน!”
“ทักษะเทียนซวน!”
พวกเขาทั้งสองคนล้วนแต่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก การประลองครั้งนี้ไม่ได้จบลงเร็วเช่นนั้น
ทั้งสองพัวพันกันอีกครั้ง ยาวิญญาณของอวิ๋นอ้าวได้หมดลงแล้ว
จากนั้นพลังวิญญาณก็หมดลง…
ไม่ว่าเดิมทีพลังของเขาจะแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีมากแค่ไหน หากพลังของเขาหมดลงก็มีผลลัพธ์เพียงแค่อย่างเดียว นั่นก็คือความพ่ายแพ้!
ตูม! อวิ๋นอ้าวถูกมู่เฉียนซีโจมตีจนร่างกระเด็นออกไปจากลานประลอง
ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้น และพื้นก็แตกระแหงออกเป็นเสี่ยง ๆ
พรวด! เขากระอักเลือดคำโตออกมา ต่อให้เขาจะพ่ายแพ้ต่อซวนอี้ แต่ก็ไม่ได้พ่ายแพ้จนน่าอับอายขายหน้าเช่นนี้
“มู่เฉียนซีชนะ!”
หลังจากที่ผู้ตัดสินประกาศให้นางเป็นผู้ชนะ มู่เฉียนซีก็กระโดดลงมาจากลานประลอง
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ดื้อรั้นเช่นนี้มู่เฉียนซีรู้สึกถึงอกถึงใจเป็นอย่างมาก
ทว่า ก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ทะลวงพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
ไม่นานนัก รายชื่อสิบอันดับแรกก็ได้รับการยืนยันแล้ว
ซวนอี้ เป็นเพราะว่าคู่ต่อสู้แต่ละคนต่างยอมแพ้ไป จึงไม่ได้ลงมือต่อสู้แต่อย่างใดก็ได้เข้าสิบอันดับแรกแล้ว
สิ่งนี้ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก และคนอื่น ๆ ก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมากเช่นกัน เป็นผลให้…
“สหายมู่เฉียนซี พวกข้ามีเรื่องจะปรึกษาเจ้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “พวกเจ้ามีเรื่องอะไร ?”
“พลังความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ซวนอี้นั้นช่างทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉาริษยาเกินไปแล้ว ไม่ได้ออกแรงแต่อย่างใดก็ชนะแล้ว พวกข้าแต่ละคนก็ล้วนแต่สู้เขาไม่ได้ เช่นนั้นพวกเรารุมเขาเถอะ!”
“ใช่แล้ว ต้องรุม!”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น “ข้าว่าข้อเสนอนี้ไม่เลวเลย การคัดเลือกครั้งนี้ เจ้านั่นสบายเกินไปแล้ว”
“เหอะเหอะ! สหายมู่เฉียนซีตอบรับแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็มีโอกาสชนะแล้ว”
ตอนนี้ซวนอี้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้น และมีลางสังหรณ์ไม่ดี
หลังจากที่อาจารย์ใหญ่ประกาศรายชื่อจบ ก็กล่าวถามว่า “หวังว่าทุกคนจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่หรือไม่ ?”
“ข้ามี!
“ข้าก็มี!”
“ข้าก็มี…”
อาจารย์ใหญ่นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ที่ส่งเสียงออกมานี้ไม่ใช่นักเรียนที่พ่ายแพ้ แต่เป็นนักเรียนี่ได้รับชัยชนะ
อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าวถาม “พวกเจ้ามีปัญหาอะไร ?”
พวกเขายิ้มพลางกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราอยากจะประลองกับศิษย์พี่ซวนอี้สักตั้ง!”
“ใช่ขอรับ ศิษย์พี่ซวนอี้ยังไม่ได้ออกแรงเลย!”
“พวกเราแต่ละคนไม่มีทางเอาชนะศิษย์พี่ซวนอี้ได้แน่นอน ดังนั้นพวกทั้งเก้าคนจึงตัดสินใจจะเอาชนะศิษย์พี่ซวนอี้ เก้าต่อหนึ่ง!”
นั่นหมายความว่า พวกเขาจะต่อสู้กันเป็นกลุ่ม! ใบหน้าที่หล่อเหลาของซวนอี้ก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย
คนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา ศิษย์พี่ซวนอี้นั้นต้องเป็นตำนานของสำนักส่วนในของพวกเขาแน่นอน
เว้นเสียแต่จะถูกมู่เฉียนซีเอาชนะได้แล้ว เขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้ให้ผู้ใดเลย
ตอนนี้หากซวนอี้เอาชนะการต่อสู้แบบกลุ่มนี้ได้ มันจะเป็นการต่อสู้ที่ทุกคนรอคอยเป็นอย่างมาก
อาจารย์ใหญ่กล่าวถามว่า “ไม่ทราบว่าทุกคนอยากจะเห็นผู้ชนะทั้งเก้าคนท้าประลองกับซวนอี้หรือไม่!”
ถึงแม้ว่าซวนอี้จะเป็นศิษย์ของเขา แต่อาจารย์ใหญ่ซวนก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวแต่อย่างใด!
“อยากขอรับ!”
“อยาก!”
“ต้องอยากอยู่แล้ว!”
ซวนอี้มองไปที่มู่เฉียนซี และกล่าวว่า “เฉียนซี เจ้าก็ร่วมด้วยเหรอ ?”
หากต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งเก้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่กล้ารับประกันว่าจะเอาชนะได้เต็มร้อย แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจเจ็ดส่วนสิบ!
ทว่า หากมู่เฉียนซีเข้าร่วมด้วย อย่าว่าแต่เจ็ดส่วนเลย เกรงว่าแม้แต่สามส่วนก็ยังไม่มี
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่มีทางเลือก ข้าต่อสู้ติดต่อกันมาหลายเกม เมื่อเห็นเจ้าไม่ได้ลงมือสักเกมแต่ได้เข้ารอบสิบคนสุดท้ายเช่นนี้ก็รู้สึกอิจฉาเจ้าเล็กน้อย ดังนั้นก็เลย…”ใบหน้าที่งดงามไม่เป็นสองรองใครของมู่เฉียนซีนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไร้ความปรานีขึ้น