“เรื่องนี้ข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะสม ต้องให้พวกท่านตกลงกันเอง ประจวบเหมาะว่าพวกเขานั้นก็อยู่ที่นี่พอดี”
เมื่อรู้ว่าคนจากทั้งสองฝั่งนั้นเขาล้วนแต่ไม่สามารถไปล่วงเกินได้ แน่นอนว่าเถ้าแก่จึงได้เตะลูกหนังลูกนี้โยนไปทางสำนักศึกษาซวนเสีย
คุณชายผู้หน้ากลมเดินเข้ามากล่าว “พวกเจ้าเป็นพวกทวีปไหน?”
อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “พวกเราสำนักศึกษาซวนเสียจากทวีปเสียโจว”
คุณชายหน้ากลมกล่าวอย่างดูแคลน “ก็คือที่ทุรกันดารที่มีสำนักศึกษาที่เป็นสำนักนิกายระดับสองเพียงแห่งเดียวนั่น”
เขาได้ขยับมืออีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นหยกวิญญาณกองใหญ่อีกกองหนึ่ง
“ข้าว่าในชีวิตนี้ของพวกเจ้านั้นยังไม่เคยเห็นหยกวิญญาณมากมายเช่นนี้มาก่อน! พวกเราเองก็จะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจ โรงเตี๊ยมในเมืองเหลยเฉิงในตอนนี้หายากยิ่ง พวกเจ้าไปอยู่ที่โรงเตี๊ยมเดิมที่พวกเราจองเอาไว้ก็แล้วกัน” ชายหน้ากลมกล่าว
สำนักศึกษาจินซินนี่ต้องเป็นสำนักศึกษาที่ร่ำรวยสมชื่อจินซินที่แปลว่าทองคำอย่างแน่นอน
โรงเตี๊ยมที่พวกเขาได้จองเอาไว้จะต้องเป็นที่ที่แพงที่สุดและดีที่สุดอย่างแน่นอน มาให้เงินและยังให้ที่อยู่แก่พวกเขาเช่นนี้ มีแต่คนสติไม่ดีเท่านั้นที่จะมองไม่ออกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล
อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “ช่างเถอะ! ในเมื่อพวกเจ้ามีโรงเตี๊ยมอยู่แต่เดิมแล้ว ก็กลับไปอยู่เสีย! พวกเรานั้นรู้สึกว่าที่แห่งนี้ไม่เลวเลย”
“พวกเจ้ากลับไม่ตอบรับ หรือรู้สึกว่าเงินยังไม่มากพอ!”
ทวีปอวี้โจวนั้นเป็นทวีปที่มั่งคั่งที่สุดในทั่วทั้งแดนใต้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าสำนักศึกษาจินซินจะไม่ใช่สำนักศึกษาที่แกร่งที่สุด แต่จะต้องเป็นสำนักที่ร่ำรวยที่สุดอย่างแน่นอน
ในสรรพสิ่งที่พวกเขารู้จักนั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่เงินไม่สามารถจัดการได้
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่พวกเขาแล้วกล่าวขึ้น “เป็นพวกเจ้าที่สมองพิการหรือพวกเราสมองพิการ? เจ้าควรจะพูดได้แล้วว่าทำไมโรงเตี๊ยมเดิมที่พวกเจ้าจองไว้นั้นไม่สามารถเข้าอยู่ได้? ถ้าหากว่าไม่มีปัญหาพวกเจ้าจะอยากเปลี่ยนทำไม?”
“ไร้ซึ่งปัญหา!” ชายหน้ากลมผู้นั้นกล่าว
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไสหัวไปได้แล้ว” ใช่อยู่ว่าทวีปอวี้โจวนั้นมีเงิน แต่หอหมอปีศาจของนางในตอนนี้เองก็ดูดเงินได้มากเช่นกัน
ถ้าจะเทียบเรื่องการเอาเงินออกมาฟาดกัน ใครจะต้องกลัวใครนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่แน่
ชายหน้ากลมกล่าวอย่างโกรธเคือง “สาวน้อย เจ้ากลับกล้าที่จะกล่าวเช่นนี้กับข้า?”
“มู่เฉียนซีพูดเช่นนั้นกับพวกเจ้าแล้วยังไง? หรือว่าพวกเจ้าอยากจะต่อสู้?”
“อย่าได้คิดว่าพวกเจ้ามีหยกวิญญาณมากมายแล้วจะแน่ ถ้าหากว่าสู้กันขึ้นมาละก็ พวกเราไม่กลัวพวกเจ้าหรอก”
“……”
ก่อนการแข่งกันใหญ่ร้อยสำนักจะเริ่มขึ้น มีกฏว่าห้ามก่อเรื่อง
ถ้าหากก่อเรื่องขึ้นจะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าแข่งขัน ดังนั้นแล้วพวกสำนักจินซินจึงถือว่าตนเองมีเงินแล้วทำโอหัง แต่กลับไม่กล้าที่จะต่อสู้
“พวกเจ้าจะไม่แลกจริงเหรอ? หยกวิญญาณนี่ไม่น้อยเลยนะ” น้ำเสียงของชายหน้ากลมผู้นั้นไม่ได้มีความโอหังแฝงอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องให้พวกเรารู้เหตุผล!”
มู่เฉียนซีที่เป็นหัวหน้าตระกูลผู้ร่ำรวยนั้น ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเชือดแกะอ้วนที่มาหาถึงที่
ชายหน้ากลมกล่าว “โรงเตี๊ยมจิ่นเทียนที่พวกเราอยู่เป็นโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองจิ่วเหลย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีคนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อ (สำนักอสรพิษสวรรค์) อยู่ คนพวกนั้นที่เล่นกับงูน่ากลัวยิ่งนัก ข้ากลัวงูนี่!”
ถึงแม้ว่าหน้าของเจ้าหมอนี่จะมีแต่เนื้ออ้วน ๆ ทั้งหน้า แต่ทักษะการแสดงของเขานั้นไม่เลวเลย
แต่ทว่ามู่เฉียนซีไม่เชื่อคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย
อาจารย์ใหญ่ซวนกล่าว “คนของสำนักเทียนเฉ๋อเหล่านั้นมาจากทวีปอวี่โจว พวกเขานั้นถนัดวิชาการควบคุมอสรพิษ และอสรพิษแต่ละตัวนั้นล้วนแต่มีพิษร้ายแรง!”
อาจารย์ใหญ่ไม่ได้สนใจในหน้าที่การงานใดของสำนักและท่องเที่ยวไปทั่วทั้งแดนใต้ สำหรับกองกำลังต่าง ๆ ทั่วทั้งแดนใต้แล้ว เขาล้วนแต่รู้จักเป็นอย่างดี
สีหน้าของชายหน้ากลมแข็งทื่อขึ้นมาแล้วกล่าว “พวกเขานั้นช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก ถ้าหากพวกนั้นจะฆ่าพวกเรา ก็สามารถบอกกับผู้อื่นได้ว่าพวกเราไม่ระวังและถูกงูป่ากัดตาย เช่นนี้ก็ไม่ผิดกฎแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็คงจะอนาถเสียแล้ว”
“หรือไม่ก็ พวกเรามาพักอยู่รวมกัน! หยกวิญญาณเหล่านี้ล้วนแต่ให้พวกเจ้า”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถ้าหากว่าพวกเจ้าอยากอยู่กับผู้อื่น ก็สามารถไปหาโรงเตี๊ยมที่ดีกว่านี้ได้”
“ข้านั้นชอบพวกเจ้าไม่ได้หรืออย่างไร? ในทวีปอวี้โจวพวกเขาอิจฉาสำนักศึกษาจินซินของพวกเราที่มีเหมืองวิญญาณที่ดีขนาดใหญ่และมีเงิน แต่กลับรังเกียจที่พวกเราอ่อนแอ ส่วนคนจากทวีปใหญ่อื่น ๆ นั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งตัวของพวกเรานั้นมีแต่กลิ่นของทองแดง ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะขี้กลัวไปบ้างเล็กน้อย แต่พวกเจ้าก็ไม่ได้ดูแคลนพวกเรา ดังนั้น…”
ถึงแม้ว่าตอนแรกพวกเขานั้นจะทำตัวโอหังด้วยว่ามีเงินมาก แต่ก็มิใช่พวกที่ไม่ว่าด้วยเหตุผล
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าตอบตกลงแลกเปลี่ยนโรงเตี๊ยมกับพวกเจ้าได้ แต่ว่าพวกเรานั้นจะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย เหมือนว่าหยกวิญญาณที่เจ้าให้มานั้นจะยังไม่เพียงพอ!”
ชายหน้ากลมตะลึงงัน “ไม่นะ! เจ้าตอบตกลงจริงเหรอ! พ่อของข้าได้บอกเอาไว้ว่า ไม่ว่าเงินทองจะสำคัญเช่นไรก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิต นอกจากเจ้าแล้วผู้อื่นล้วนแต่เป็นผู้ชาย อยู่ด้วยกันเช่นนั้นจะไม่มีอะไรหรือ?”
“แม้ว่าพวกเราจะมีเงิน แต่ก็ยังไม่มีถึงขั้นที่สามารถตบแต่งเกี้ยวแต่งงานให้แม่นางได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าจ่ายหยกวิญญาณมาอีกสามเท่า พวกเราจะเปลี่ยนโรงเตี๊ยมกับพวกเจ้าและจะถือโอกาศนี้พนันกับพวกเจ้าด้วย!”
“พนัน?” พวกเขาตะลึงค้าง
“หากพวกเราสามารถผ่านคืนนี้ที่โรงเตี๊ยมจิ่นเทียนไปได้อย่างปลอดภัย พรุ่งนี้ตอนที่พบกันที่เขาจิ่วเหลย จงนำเอาหยกวิญญาณที่ติดตัวพวกเจ้าทั้งหมดมามอบให้กับพวกเรา แต่ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเรา หยกวิญญาณเหล่านี้ที่พวกเรานำมา จะคืนให้แก่พวกเจ้าทั้งหมด” มู่เฉียนซีกล่าว
“เป็นไปไม่ได้! เจ้ามิใช่ไม่รู้ว่างูพวกนั้นมีพิษร้ายขนาดไหน และคนพวกนั้นเองก็น่าขยะแขยงขนาดไหน!” ชายหน้ากลมกล่าว
“ถ้าหากว่าหนึ่งในพวกเราถูกงูพิษทำร้ายเข้า เช่นนั้นจะคืนหยกวิญญาณทั้งหมดให้อย่างแน่นอน พวกเจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่!” มู่เฉียนซีกล่าว
“กล้า! ทำไมจะไม่กล้า?” ชายหน้ากลมกล่าว
มู่เฉียนซีกวักมือเรียกคนของสำนักศึกษาแล้วกล่าว “ไป! พวกเราจะเปลี่ยนไปอยู่ที่โรงเตี๊ยมอันหรูหรา”
“ได้!”
เมื่อตอนที่พวกเขากำลังเดินออกไปจากโรงเตี๊ยม ชายหน้ากลมก็ได้กล่าวขึ้น “นี่! ข้าชื่อว่าจินซ่านซ่าน ถ้าหากว่าพวกเจ้าเจอกับปัญหาวุ่นวายละก็สามารถหนีกลับมาได้ ขอแค่พวกเจ้าคืนหยกวิญญาณให้แก่ข้าเท่านั้น จากนั้นก็ขอร้องข้าอีกครั้ง ข้าสามารถที่จะคิดทบทวนเรื่องที่จะอยู่ด้วยกันกับพวกเจ้าได้”
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าว “พวกเจ้าวางใจได้! เรื่องเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน คืนนี้พวกเราจะอยู่ที่โรงเตี๊ยมจิ่นเทียนได้โดยดี”
เมื่อพวกมู่เฉียนซีจากไปแล้ว ชายชราหลายคนก็ได้เข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่มีความสุขพร้อมกล่าว “นายน้อยจิน! พวกเราได้ตกลงกับสำนักไป๋หลิงเอาไว้แล้ว ว่าจะให้หยกวิญญาณแก่พวกเขาสิบล้านแท่ง พวกเขาก็จะยอมอยู่ร่วมกับเรา”
จินซ่านซ่านกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “สิบล้านให้พวกนั้นปล้นหมดสิ้นนะสิ! ข้านั้นได้จัดการเรื่องโรงเตี๊ยมนี้เป็นที่เรียบร้อยด้วยราคาหนึ่งล้านหยกวิญญาณแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเล็กไปหน่อย แต่ก็ไม่ต้องอยู่กับพวกคนที่เราเกลียด บางทีถ้าโชคดีละก็ พวกนั้นอาจจะรอดกลับมา”
ชายชราตะลึงงัน “นายน้อยจิน ท่านจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร?”
“ให้หยกวิญญาณแก่พวกเขาไปจำนวนหนึ่งล้านชิ้น เพื่อที่จะแลกโรงเตี๊ยมกับพวกเขา!”
“พวกเขาจะไปยอมได้อย่างไร? โง่เหรอ? ยังไม่รู้อีกว่าที่ตรงนั้นมีพวกคนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋ออยู่”
“พวกเขารู้ แต่ก็ยังตอบตกลง!”
“เป็นพวกสำนักศึกษาไหนถึงได้มั่นใจเช่นนั้น! จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก?” ผู้เฒ่าชราถามขึ้น
“แกร่งไม่แกร่งไม่รู้ แต่พวกเขานั้นคือสำนักศึกษาซวนเสียแห่งนั้นที่มาจากทวีปเสียโจว”
“สำนักนิกายระดับสองที่อยู่ลำดับรั้งท้ายอย่างสำนักศึกษาซวนเสีย พวกเขาบ้าไปแล้ว รนหาที่ตาย!”
จินซ่านซ่านเองก็จนปัญญายิ่งนัก “ข้านั้นได้โน้มน้าวพวกเขาแล้วแต่ไร้ประโยชน์ หวังว่าคนของสำนักเทียนเฉ๋อพวกนั้นจะไม่เล่นไฟให้มากเกินไปนัก”
โรงเตี๊ยมจิ่นเทียนเป็นสถานที่ที่สง่างามอย่างแน่นอน ที่เสาทุกต้นของตึกมีแจกันวางอยู่เสาละหนึ่งใบ นั่นล้วนแต่เป็นที่มีราคาถึงทองพันชั่ง
เหล่านักศึกษาของสำนักศึกษาซวนเสียกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง “นี่มันไม่ใช่โรงเตี๊ยมแต่อย่างใดแล้ว หากแต่คือจวนที่หรูหรา”
“พวกเจ้าจินซ่านซ่านนั่นช่างฟุ่มเฟือยเสียจริงเลย”
“แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นพวกเรามาอยู่ที่นี่แทน”
เมื่อตอนที่พวกเขาจะเข้าประตูไปก็ได้พบกับคนกลุ่มหนึ่งที่ดูเย็นยะเยือก
ชายผู้ที่เป็นหัวหน้าที่ผอมเพรียวเหมือนกับอสรพิษตัวหนึ่งได้จ้องมองมาที่พวกเขาอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “พวกสำนักศึกษาจินซินขี้กลัวพวกนั้นกลับแลกที่อยู่กับพวกเจ้า หึหึหึ! พวกเจ้าต้องระวังตัวหน่อยนะ หากไม่ระวังโดนงูกัดเข้าจะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ได้ พวกเจ้าอย่าได้ร้องไห้ละ”