เมื่อเผชิญหน้ากับการคุกคามของเขาเช่นนี้ มุมปากของมู่เฉียนซีก็ยกยิ้มขึ้น และกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็ขอแนะนำพวกเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน ว่าอย่าได้ปล่อยสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้าออกมาวิ่งเล่นตามอำเภอใจล่ะ มิเช่นนั้นอาจจะโดนจับมาตุ๋นซุปงูกินเอาได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะไม่มีตัวช่วย พ่ายแพ้ไปอย่างน่าสังเวช แล้วอย่ามาร้องห่มร้องไห้กับพวกข้าล่ะ!”
คิดไม่ถึงว่าจะกล้าท้าทายพวกเขาเช่นนี้ เหลิ่งหลินมองมู่เฉียนซีอย่างเคร่งขรึม ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ!
มู่เฉียนซีมองเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน ทั้งสองจ้องตากัน ภายในดวงตานั้นซ่อนไปด้วยเจตนาสังหาร
ใครกลัวใครกันล่ะ ?
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เหลิ่งหลินกล่าวเสียงต่ำ
มู่เฉียนซีหัวเราะเบา ๆ “เหอะ เหอะ เหอะ! ดูท่าคืนนี้จะมีมื้อดึกแล้วสิ ตุ๋นซุปงู!”
มู่เฉียนซีเดินเชิดหน้าใส่เหลิ่งหลินไป และรับรู้ได้ว่าเขาถูกนางยั่วยุจนโกรธเกรี้ยวเข้าแล้ว เขากำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นหลังมือกระตุกขึ้น
หญิงสาวผู้นี้คิดจะจับงูที่พวกเขาเลี้ยงไปตุ๋นกิน ฝันไปเถอะ!
โรงเตี๊ยมจิ่นเทียนแบ่งออกเป็นสองด้าน เรือนทางใต้และเรือนทางเหนือ
เรือนใต้เป็นเรือนที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกสำนักศึกษาจินซินจองไว้แล้ว ในตอนนี้ก็กลายเป็นอาณาเขตของสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พวกเจ้าไม่กลัวเหรอ ?”
เรื่องที่นางตอบตกลงเปลี่ยนโรงเตี๊ยมนั้นเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่ได้ปริปากคัดค้านเลยสักคำ
พวกเขาตอบกลับว่า “พวกคนกลุ่มนั้นของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อเป็นคนเย็นชาและน่ากลัวอยู่บ้าง แต่สหายมู่เฉียนซี เจ้าเป็นคนที่วิปริต ยังต้องกลัวพวกนั้นอีกเหรอ ?”
“เจ้าเป็นถึงอันดับหนึ่งของการคัดเลือกหอโอสถ หากยังจะกลัวพิษงูเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นก็ไม่ใช่แล้วล่ะ!”
“เอ่อ คืนนี้จะมีซุปงูให้ดื่มจริงเหรอ ข้าจะตั้งตารอเลย!” ในขณะที่กล่าวนั้นน้ำลายก็แทบจะไหลออกมาแล้ว
หากคนเหล่านั้นของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อได้ยินคำพูดนี้เข้า เกรงว่าจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเป็นแน่
การคัดเลือกของหอโอสถ เป็นการคัดเลือกระหว่างนักปรุงยาด้วยกัน ไม่ใช่คนของพวกเขาแต่อย่างใด เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าผู้เป็นอันดับหนึ่งของการคัดเลือกของหอโอสถนั้น บัดนี้ได้มาเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักแล้ว
และคงจะไม่มีผู้ใดรู้ว่ายังมีคนที่มีฝีมือการปรุงยาแข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันความแข็งแกร่งก็สมบูรณ์แบบอีกด้วย
อาจารย์ใหญ่ซวนยิ้มพลางกล่าว “ข้ายังไม่เข้าใจสาวน้อยอย่างเจ้าจริง ๆ แต่เจ้าก็ไม่ทำเรื่องที่เจ้าไม่มั่นใจแน่นอน ตอนนี้พวกเราไม่เพียงแค่ได้ที่พักดี ๆ แต่ยังได้กินตุ๋นเนื้องูอีก วันพรุ่งก็จะมีการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่อีก สาวน้อยอย่างเจ้าช่างใจดำเกินไปแล้ว”
ซวนอี้ก็เห็นด้วย พวกคนร่ำรวยของสำนักศึกษาจินซินเหล่านั้นก็คงจะคิดไม่ถึงว่าตนเองนั้นตกหลุมพรางเข้าแล้ว!
ส่วนคนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อเหล่านั้น หากกล้าผลีผลามแล้วล่ะก็ เกรงว่าจะต้องน่าสังเวชมากเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าใจดำเหรอ ?”
“ข้าแค่คิดว่าแกะอ้วนมาถึงที่ ก็ต้องรับไว้แค่นั้นเอง” มู่เฉียนซียิ้มอย่างไร้เดียงสา
นางเอาผงยาขวดหนึ่งออกมา และกล่าวว่า “หลังจากที่พวกเจ้าเลือกห้องได้แล้ว เอาผงยาเหล่านี้โรยเอาไว้ในห้องของพวกเจ้า หากมีงูเข้ามาใกล้ก็รอให้มันตายได้เลย รอให้จำนวนของมันเพียงพอแล้วเราค่อยมาตุ๋นซุปกินกัน”
“เพิ่มพลังมื้อใหญ่สักมื้อ วันพรุ่งก็ทำเต็มที่!” มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าว
พวกเขาตอบรับด้วยความชอบอกชอบใจ “ดี!”
“ซุปงู เป็นสิ่งที่ข้าชอบที่สุดแล้ว”
“……”
ทว่า ในเวลานี้ทางด้านสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อก็กำลังปรึกษาหารือกันเช่นกันว่าจะต่อกรกับพวกเขาอย่างไร
“จินซินไม่กล้าเข้ามาพัก แต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีคนมารนหาที่ตายถึงที่ พวกเราจะต้อนรับพวกมันอย่างดีเลยล่ะ” คนผู้หนึ่งของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
เหลิ่งหลินกล่าวถามว่า “ไปสืบมาได้หรือยังว่าพวกมันเป็นใครมาจากไหน”
คนผู้หนึ่งรายงานว่า “พี่ใหญ่เหลิ่งหลิน พวกเราไปสืบมาแล้ว พวกมันมาจากเสียโจว สำนักศึกษาซวนเสีย”
“สำนักศึกษาซวนเสียแห่งเสียโจว ดินแดนทุรกันดารนั่นเอง ทุกครั้งสำนักศึกษาซวนเสียล้วนแต่ได้ที่โหล่” ตอนนี้เหลิ่งหลินรู้สึกประหลาดใจบ้างแล้ว
คนเหล่านี้ของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “มิน่าล่ะว่าเหตุใดพวกนั้นถึงกล้ากล่าววาจาเช่นนั้นกับพี่ใหญ่ ข้าว่าพวกมันก็แค่กบในกะลา เป็นพวกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
เหลิ่งหลินกล่าว “ทันทีที่ฟ้ามืดลง พวกเราก็ลงมือได้เลย ทำให้พวกมันกินกันไม่หมดจนห่อกลับบ้านไปเลยยิ่งดี”
“ขอรับ!”
ครั้นแล้ว ทันทีที่ฟ้ามืดลง คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อก็เริ่มลงมือทันที
พวกเขาใช้ทักษะควบคุมงูให้แอบเข้าไปในห้องของนักเรียนทั้งสิบคนของสำนักศึกษาซวนเสีย
ตอนนี้พวกเขาไม่มีความสามารถพอที่จะลอบโจมตียอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิอย่างอาจารย์ใหญ่และผู้อาวุโสสูงสุด
เดิมทีพวกเขารอคอยฟังเสียงร้องโหยหวนของคนสำนักศึกษาซวนเสียเหล่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้พวกเขากลับผิดหวัง ไม่มีเสียงร้องโหยหวนแต่อย่างใด
เงียบสงบมาก!
“พี่ใหญ่เหลิ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
“เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการตอบสนองใด หรือว่าพวกมันกำลังนอนฝันแล้วถูกพิษงูตายไปแล้ว”
“……”
เหลิ่งหลินกล่าว “ช้าก่อน!”
ทว่า เมื่อเขาได้กลิ่นของเนื้องูตุ๋นที่โชยออกมาจากเรือนทางใต้ก็ไม่อาจที่จะทนได้!
ดวงตาของเหลิ่งหลินเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขานึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องที่หญิงสาวผู้นั้นกล่าวจะเป็นจริง
“บัดซบ! พวกมันคงจะไม่เอางูของพวกเราไปตุ๋นกินแล้วหรอกนะ!” เหลิ่งหลินโกรธมาก
“ไป พวกเราไปดูกัน!”
ทันทีที่พวกเขามาถึงเรือนทางใต้ก็ได้เห็นกับคนกลุ่มหนึ่งกำลังห้อมล้อมหม้อใบใหญ่อยู่กลุ่มหนึ่ง ในหม้อนั้นเป็นงูที่พวกเขาคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยยังไงแล้ว
งูพิษเหล่านี้พวกเขาเป็นคนเลี้ยงดูมันมาด้วยความยากลำบากเชียวนะ!
มู่เฉียนซีเหลือบมองพวกเขาและกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นสหายจากสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อนี่เอง นึกไม่ถึงว่าเมืองจิ่วเหลยจะมีงูเยอะมากมายเช่นนี้ เพียงแค่คืนเดียวก็จับได้ถึงสิบกว่าตัว พอดีทุกคนนอนไม่หลับหน่ะ ก็เลยตุ๋นซุปงูกินซะเลย!”
ตอนนี้คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น พวกเขามองไปที่พี่ใหญ่และกล่าวว่า “พวกมัน…นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะเอางูของพวกเราไปตุ๋นซุปกิน…”
คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อตอนนี้โกรธจนดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว พวกเขากำหมัดแน่น
มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าวว่า “เหตุใดตาของพวกเจ้าแดงก่ำเช่นนี้ล่ะ หรือว่าจะหิวแล้ว ถึงยังไงพวกเราก็มีกันแค่สิบคน กินไม่หมดหรอก เช่นนั้นข้าขายให้พวกเจ้าดีหรือไม่!”
“ไม่แพงนะ แค่หนึ่งแสนหยกวิญญาณเท่านั้น ถึงอย่างไรงูเหล่านี้ตัวนึงก็น่าจะมีค่ากว่าแสนหยกวิญญาณแล้ว”
สำนักศึกษาเทียนเฉ๋อสมกับเป็นสำนักศึกษาที่ร่ำรวยจริง ๆ งูพิษเหล่านี้ล้วนแต่เป็นงูพิษระดับกลางและระดับสูงทั้งสิ้น
พวกเขาแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว ฆ่างูของพวกเขาเอาไปทำซุปกิน ตอนนี้จะขายให้พวกเขา แถมยังเรียกราคาเช่นนี้อีก
“สหายมู่เฉียนซี ได้หรือยังล่ะ กลิ่นมันหอมจนข้าอดใจรอไม่ไหวแล้วนะ”
“ใช่ มู่เฉียนซี!”
“……”
คนอื่น ๆ ของสำนักศึกษาซวนเสียตอนนี้ล้วนแต่จ้องมองซุปที่อยู่ในหม้อ ไม่ได้สนใจคนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้พวกเขาคิดแค่อยากจะกินเต็มทีแล้ว มันช่างหอมเกินไปแล้ว!
คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อก็ได้กลิ่นหอมของซุปเช่นกัน ทว่า ในใจของพวกเขาตอนนี้เจ็บปวดยิ่งนัก!
เหลิ่งหลินกล่าว “งูพวกนี้ เป็นงูที่พวกข้าเลี้ยงมา นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะจับมันมาทำซุปกินเช่นนี้ พวกเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้เช่นไร”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเป็นงูของพวกเจ้าจริง ๆ ก็ต้องเชื่อฟังพวกเจ้าสิ แต่งูพวกนี้เป็นงูที่ลอบเข้ามาในห้องของคนอื่น ไม่เชื่อฟังเช่นนี้น่าจะไม่ใช่งูของพวกเจ้ากระมัง”
“เจ้า…” คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อเหล่านี้โกรธจนแทบจะระเบิดออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวกับเหลิ่งหลินว่า “ตอนที่พวกข้าเข้ามา โชคดีนะที่เจ้าเตือนพวกข้าว่าที่นี่มีงูอยู่เยอะ ข้าก็เลยโรยผงยาเอาไว้แล้วก็จับมันมาได้ อย่างไรก็ต้องขอบใจเจ้ามากนะ”
“ข้าจะฆ่าพวกมัน!” คนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อไม่อาจอดทนต่อความโกรธเกรี้ยวนี้ได้แล้วจริง ๆ