ครืน!
ซวนอี้กลิ้งลงบันไดไป
มู่เฉียนซีที่กำลังเดินขึ้นมาก็ได้เห็นกับร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งกำลังกลิ้งลงบันไดมา จินซ่านซ่านก็กล่าวขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นชายหนุ่มรูปหล่อผู้นั้นของสำนักศึกษาพวกเจ้า”
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
มู่เฉียนซีโบกมือขึ้นสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นตรงหน้าที่ซวนอี้กำลังตกลงมากั้นเขาเอาไว้
เสียง ตุบ! ดังขึ้นหนึ่งครา จินซ่านซ่านตัวสั่นไปทั้งตัว
เขาบ่นพึมพำว่า “เจ็บ มันจะต้องเจ็บเป็นตายแน่”
พรวด! ตอนนี้ซวนอี้กระอักเลือดคำโตออกมา เลือดนั้นได้ย้อมบันไดที่อยู่ตรงหน้าเขา
มู่เฉียนซีรีบพรวดขึ้นไปราวกับว่าเป็นพื้นราบไม่มีขั้นบันไดก็มิปาน
จินซ่านซ่านวิ่งตามนางไปด้วยความพยายามอย่างสุดกำลังพลางกล่าว “รอข้าด้วย!”
มู่เฉียนซีเดินไปตรงหน้าซวนอี้ และได้เอากำแพงน้ำแข็งออก ประคองซวนอี้ขึ้นและเอายาวิญญาณยัดเข้าปากเขา
มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นไปมองเหลิ่งหลินที่กำลังก้มมองพวกเขาอยู่ เหลิ่งหลินกล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “เหอะ เหอะ เหอะ! สาวน้อย คิดจะแก้แค้นข้าก็ตามข้ามาให้ทันก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน”
“แต่หากว่าเจ้าตามไม่ทันก็เป็นไรนะ รอให้ข้าขึ้นไปบนยอดเขาสำเร็จก่อนเจ้าค่อยตามขึ้นไป แล้วข้าก็จะทำให้เจ้าไสหัวลงไปโดยสมบูรณ์”
เขาต้องการโจมตีและเอาชนะผู้หญิงผู้นี้ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่นางจะได้รับชัยชนะ เมื่อถึงตอนนั้นนางต้องพังทลายเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เช่นนั้นเจ้าก็รอดูได้เลย!”
บนร่างของซวนอี้มีร่องรอยของเขี้ยวงู ตอนนี้บนร่างของซวนอี้เต็มไปด้วยน้ำค้างชั้นหนึ่ง ครั้งนี้เหลิ่งหลินใช้งูพิษที่มีพิษรุนแรงมาก
มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่หยุดขึ้นเขา และแก้พิษให้ซวนอี้ก่อน จินซ่านซ่านกล่าวถามว่า “คนงาม แล้วเราไม่ขึ้นเขาแล้วเหรอ เราจะละทิ้งไปง่าย ๆ เช่นนี้อย่างนั้นเหรอ ?”
“ข้าว่าให้เขายอมแพ้แล้วปล่อยให้เขาพักผ่อนจะดีกว่า แล้วพวกเราก็ขึ้นไปแก้แค้นให้เขา” จินซ่านซ่านกล่าวแนะนำ
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “ซวนอี้ จะตกไปตั้งแต่รอบแรกไม่ได้”
“แต่เขาบาดเจ็บหนักเช่นนี้แล้วนะ จะขึ้นไปได้อีกจริง ๆ เหรอ อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ภูขาธรรมดา ๆ นะ!” จินซ่านซ่านกล่าว
“ขึ้นได้แน่นอน หากเจ้าไม่เห็นด้วยเจ้าก็ขึ้นไปเองก็แล้วกัน” มู่เฉียนซีกล่าว
“ไม่นะ ข้าไม่เอาเช่นนั้น เจ้ารับปากข้าไว้แล้วนะ จะกลับคำไม่ได้เด็ดขาด!” จินซ่านซ่านไม่อยากไปคนเดียว ตัดสินใจกอดขามู่เฉียนซีเอาไว้แน่น
จากนั้น พวกเขาที่แซงหน้าคนอื่น ๆ มาหลายคน ตอนนี้ก็ถูกคนเหล่านั้นแซงหน้าไปแล้ว
การที่มู่เฉียนซีหยุดขึ้นเขาเพื่อช่วยคนอื่นเอาไว้เช่นนี้ ในสายตาของคนจำนวนมากเห็นว่านางเป็นคนโง่มาก
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “สาวน้อยผู้นี้ช่างมีไมตรีจิตยิ่งนัก เพื่อสหายร่วมสำนักผู้เดียว นี่นางจะยอมละทิ้งไปเช่นนี้อย่างนั้นเหรอ ?”
“ด้วยความเร็วของสาวน้อยนั่นแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่นางจะเข้ารอบสิบอันดับแรกได้ แต่เป็นเพราะมาล่าช้าเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
“……”
ตอนนี้อาจารย์ใหญ่ซวนก็ร้อนอกร้อนใจราวกับมดที่อยู่ในหม้อน้ำร้อนก็มิปาน “เจ้าซวนอี้ เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “มีสาวน้อยซีอยู่ เจ้าวางใจเถอะ!”
แก้พิษได้แล้ว ทำแผลเสร็จแล้ว และซวนอี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ทว่า อาการบาดเจ็บนั้นยังคงหนักอยู่ เขายังเดินไม่ได้ ยิ่งเรื่องขึ้นเขาจิ่วเหลยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดเลย
ตอนนี้คนกลุ่มต่อไปของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อก็ตามมาทันนางแล้ว “เหอะ เหอะ เหอะ! พวกเจ้าอยู่ตรงนี้ ไม่กล้าขึ้นไปแล้วนะสิ!”
“ก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ดูท่าเหลิ่งหลินจะลงมือด้วยความปรานีอยู่”
“เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อของพวกข้าจะล่วงเกินกันได้ง่าย ๆ”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “หนวกหู น่ารำคาญ!”
“นี่เจ้ากล้าว่าพวกข้าน่ารำคาญงั้นเหรอ เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจัดการกับเจ้าได้”
ทว่า พวกเขาก็ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด “อย่าลงมือก่อนเลย พี่ใหญ่บอกไว้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เก็บเอาไว้ให้เขาเป็นคนลงมือเอง พวกเราอย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่ที่นี่เลย รีบขึ้นไปก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน!”
“ก็จริง ไปกันเถอะ!”
“ไม่กล้าไปก็อยู่ตรงนี้ต่อไปเถอะนะ รอให้ตกรอบไปตั้งแต่รอบแรกเถอะ!” พวกเขากล่าวเย้ยหยัน
เมื่อเห็นแต่ละคนแซงหน้าไปเช่นนี้ จินซ่านซ่านก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจขึ้น
“นี่ตกลงเจ้าจะยอมแพ้แล้วใช่หรือไม่ เจ้ารับปากข้าแล้ว จะยอมแพ้ไม่ได้นะ”
ซวนอี้กล่าว “เป็นเพราะข้าที่ทำให้เฉียนซีต้องลำบาก เจ้า…”
เขาไม่ทันกล่าวจบก็ถูกมู่เฉียนซีกล่าวแทรกขึ้น
“ข้าเป็นนักปรุงยา ข้ารู้ดีว่าร่างกายของเจ้าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะฟื้นฟูกลับมา ดังนั้นเจ้าอย่าพูดมาก”
“สหายมู่เฉียนซี ศิษย์พี่ซวนอี้เป็นอะไรไป ?”
ตอนนี้คนของสำนักศึกษาซวนเสียก็ตามมาทันแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ซวนอี้จะต้องรักษาร่างกายก่อน พวกเจ้ารีบขึ้นไปก่อนเถอะ แล้วก็ระวังคนของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อด้วยล่ะ”
“เอายาแก้พิษ กับยาป้องกันพิษติดตัวเอาไว้” มู่เฉียนซีโยนขวดยาหลายขวดให้พวกเขา
พวกเขาโกรธเกรี้ยวขึ้น “เป็นพวกสารเลวของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อนั่น!”
“นี่พวกมันกล้าลงมือในตอนแข่งขันเลยรึ”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้ารีบขึ้นไปก่อนเถอะ จะต้องแก้ไขสถานการณ์กลับมาได้แน่”
“ตกลง!”พวกเขาพยักหน้าพลางกล่าว
“ศิษย์พี่ซวนอี้ ต้องรีบฟื้นตัวเร็ว ๆ นะ!”
จากนั้นพวกเขาก็รีบขึ้นขึ้นไปอย่างสุดชีวิต
จินซ่านซ่านรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก คนเหล่านี้เชื่อมั่นในตัวนางมากเช่นนั้นเลยเหรอ ไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อยว่านางจะตกรอบในรอบแรก อีกทั้งยังขึ้นเขาไปเช่นนี้อีก
คนที่คุ้นเคยกับนางก็จะเชื่อมั่นในตัวนางเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็คงจะมีความมั่นใจมาก จินซ่านซ่านตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะกอดขามู่เฉียนซีเอาไว้
ทว่า เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกมากขึ้น จินซ่านซ่านก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น
ตอนนี้ซวนอี้ก็ลุกยืนขึ้นแล้ว เขายืดเส้นยืดสายเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฝีมือการรักษาของเฉียนซีช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ตอนนี้ข้าเดินได้แล้วล่ะ”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “แล้วเจ้ามัวรออะไรอยู่อีกล่ะ ตอนนี้ต้องพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะขึ้นไปให้ถึง”
มู่เฉียนซีมองไปจินซ่านซ่านและกล่าวว่า “หากเจ้าตามความเร็วของพวกข้าไม่ทัน เจ้าก็พึ่งพาตัวเองก็แล้วกันนะ!”
จินซ่านซ่านกล่าว “ข้าจะตามไม่ทันคนบาดเจ็บเช่นนี้ได้ยังไงกัน”
“ไปกันเถอะ!”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังพรวดขึ้นไปนั้น จินซ่านซ่านก็แทบจะบ้าคลั่งแล้ว
ความเร็วของเขาไม่อาจเทียบกับคนบาดเจ็บที่อาการเพิ่งจะดีขึ้นได้เลย
หากจะบอกว่าอาการบาดเจ็บของซวนอี้นั้นหายดีแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังประคับประคองอย่างสุดกำลัง
จินซ่านซ่านตามไม่ทัน แต่เมื่อคิดถึงก่อนหน้านี้ที่คุยโวโอ้อวดไป เขาก็หน้าแดงด้วยอับอาย
ไร้ซึ่งหนทาง ต่อให้เขาตามยังไงก็ตามไม่ทันอยู่ดี
เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์กำลังตกดิน มู่เฉียนซีก็ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดจนแซงหน้าคนของพวกเขาไปได้
ยิ่งพวกเขาใกล้ขึ้นไปถึงด้านบนมากเท่าไหร่ความเร็วของพวกเขาก็ยิ่งช้าลงมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นโอกาสที่ทำให้พวกเขาตามทัน
“เหตุใดถึงได้เร็วเช่นนี้ พวกเขาทำได้ยังไง ?”
“……”
“……”
คนเหล่านั้นที่ถูกมู่เฉียนซีแซงหน้าไป มองตามหลังพวกเขาด้วยท่าทีที่ฉงนสงสัย
ทว่า ในตอนนี้เหลิ่งหลินนั้นนำอยู่หน้าสุด และเหลือเพียงแค่สิบก้าวเท้าสุดท้ายก็จะถึงยอดเขาแล้ว
และในตอนนี้เองเสียงตะโกนอันเย็นยะเยือกก็ดังขึ้น!
“ผนึกมังกรวารี!”
มังกรวารีขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพุ่งไปทางเขา
ปัง! เหลิ่งหลินรีบหลบอย่างรวดเร็ว มังกรวารีนั้นพุ่งชนกับบันได
เหลิ่งหลินหันหลังกลับมาด้วยสีหน้าที่โกรธเคือง และเห็นกับมู่เฉียนซีที่กำลังพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขากล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนาน!”