ซวนอี้กล่าว “หุบปากซะ หากยังพูดไร้สาระอีก ข้าจะโยนพวกเจ้าให้ตะขาบกิน”
จินซ่านซ่านกล่าว “สาวงามมู่เป็นคนเช่นไรพวกเจ้าไม่รู้หรอก ลูกพี่ข้าย่อมรู้ดี นางไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
บึ้ม! ในที่สุดพวกเขาก็กัดฟันอดทนและพยายามต่อต้านตะขาบที่ขวางอยู่ตรงหน้าอย่างถึงที่สุด
แต่ก็ยังคงมีบางตัวที่หลุดรอดมาได้ ตะขาบเหล่านี้ฉวยโอกาสพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
ใบหน้าของซวนอี้เปลี่ยนไป “บ้าเอ้ย!”
เฉียนซีกําลังกลั่นยาอยู่! ถ้าเจ้าตะขาบนี้ทําร้ายนาง และทําให้นางปรุงยาไม่สําเร็จ เช่นนั้นก็คงจบสิ้นแล้ว
จินซ่านซ่านกล่าว “สาวงามมู่ ระวังตัวด้วย!”
ในขณะที่ตะขาบทั้งหลายนั้นกําลังจะลอบโจมตีมู่เฉียนซี เข็มยาหลายเล่มก็ได้ลอยออกมา
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาทุกเข็มแทงไปที่เป้าหมายเหล่านั้นอย่างแม่นยํา
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าคือยาในมือของมู่เฉียนซีกลับไม่ระเบิด
ทำสองสิ่งในเวลาเดียวกัน นี่มันช่างวิปริตนัก!
มู่เฉียนซีใส่ยาชนิดสุดท้ายและสกัดมันออกมาอย่างรวดเร็ว
ปัง! นางโยนขวดยาออกไปและธาตุน้ำก็ได้กระจายออกมาทั่วทุกสารทิศ
มู่เฉียนซีกล่าว “บุปผาหลั่งสายฝน!”
ปัง ปัง ปัง!
ยาน้ำนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นกลางอากาศและตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับเม็ดฝน
แต่นั่นมันไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย!
ทุกคนต่างรู้สึกผิดหวัง มู่เฉียนซีตะลึงงันและได้โยนขวดให้พวกเขาอีกสองสามขวด
“ลองโรยที่ตัวเองสิ”
เดิมที นางทําออกมาสองแบบ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตะขาบดํานั่นพวกเขาทําได้เพียงเชื่อมู่เฉียนซีเท่านั้น
พวกเขาเอายามาโรยลงบนตัวพวกเขา ไม่นานพวกเขาก็ได้พบสิ่งที่น่ายินดี นั่นก็คือหลังจากที่พวกเขาโรยยาลงบนตัว ตะขาบเหล่านี้ก็ไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขาอีก
ดูเหมือนว่าบนตัวของพวกเขาจะมีกลิ่นอายที่ทําให้พวกมันเกลียดมาก ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้ไล่ตามพวกเขา แต่กลับแยกย้ายกันไป
“สําเร็จแล้ว!” จินซ่านซ่านยิ้มอย่างมีความสุข
“พระเจ้า มหัศจรรย์ยิ่งนัก!” ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะมองไปที่มู่เฉียนซี
ซวนอี้หัวเราะ “ร้ายกาจ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “พักผ่อนที่เดิมเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่ง”
“ได้!”
พวกเขาถูกไล่ล่ามาเป็นเวลานานจนหมดเรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้ตะขาบเหล่านั้นก็หายไปแล้ว พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากออกเดินทางอีกครั้ง มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “อันตรายจากสนามรบโบราณกําลังตื่นขึ้นแล้ว ต้องระมัดระวังให้มาก อย่าสร้างปัญหาอื่นอีกล่ะ คราวหน้าพวกเราอาจจะไม่ได้โชคดีหาวิธีรับมือได้เช่นนี้”
“อืม! พวกเราเข้าใจแล้ว”
ด้วยบทเรียนในครั้งนี้ ทุกคนต่างระวังตัวมาก และไม่กล้าที่จะประมาทอีก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะหลีกเลี่ยงอันตรายจากสนามรบโบราณนี้ได้ แต่พวกเขาก็ได้พบเข้ากับศัตรูที่คุ้นเคย
“จินซ่านซ่าน พวกเราตามหาเจ้ามาตั้งนาน ในที่สุดก็หาเจ้าพบแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะอยู่กับพวกคนบ้านนอกที่ยากจน เจ้ายิ่งอยู่ยิ่งไร้รสนิยมเสียจริง”
เป้าหมายของผู้ที่มาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นจินซ่านซ่านนักล่าสมบัติผู้นี้
จินซ่านซ่านกล่าว “เจ้าเด็กกลุ่มนี้ที่จากสํานักศึกษาอวี้หลิงของพวกเจ้า อย่ามาขวางหูขวางตาข้า มิเช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว”
หลิงฮั่วฮั่วแห่งสํานักศึกษาอวี้หลิงกล่าวว่า “จินซ่านซ่าน เจ้านี่มันอวดดีขึ้นทุกวันแล้ว เจ้าไม่ดูบ้างเหรอว่าที่นี่ที่ไหน? ต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา เจ้ามันรนหาที่ตายนัก”
“ข้าอวดดี แล้วเจ้าจะทําไม? กัดข้ารึ!” เมื่อจินซ่านซ่านอวดดีขึ้นมา แน่นอนว่ามันน่ายั่วโมโหมาก
หลิงฮั่วฮั่วกล่าว “จินซ่านซ่าน ข้าจะไม่พูดพล่ามไร้สาระกับเจ้าแล้ว ไปกับเรา! เพียงแค่เจ้าทําตามอย่างเชื่อฟัง ข้าก็จะไม่ทําให้เจ้าต้องลําบากใจ”
สํานักศึกษาจินซินได้ครอบครองแร่วิญญาณที่ดีที่สุดในทวีปอวี้โจว และพวกเขาต้องการแร่วิญญาณที่ดีที่สุดสําหรับการฝึกบำเพ็ญ เช่นนั้นพวกเขาจึงต้องซื้อมันจากตระกูลจิน
ดังนั้นต่อให้มองจินซ่านซ่านไม่สบอารมณ์อย่างไร แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าพวกเขาให้แหลกละเอียด
จินซ่านซ่านกล่าว “แม้ว่าพวกเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าดั่งบรรพบุรุษ ข้าก็จะไม่ไปกับพวกเจ้า! พวกเจ้าตัดใจเสียเถอะ รีบไสหัวไปซะ!”
“จินซ่านซ่าน เจ้าไม้อ่อนไม่ชอบ ชอบไม้แข็ง” หลิงฮั่วฮั่วก็โกรธแล้วเช่นกัน
“ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไปกับพวกเจ้าเด็ดขาด ทางที่ดีพวกเจ้าควรไสหัวไปซะ มิเช่นนั้นอย่าได้เสียใจภายหลัง!”
หลิงฮั่วฮั่วกล่าว “จินซ่านซ่าน เจ้าทําให้ข้าโมโหแล้ว เขาไม่ยอมไป จับเขามัดไว้”
ทันใดนั้น มู่เฉียนซีก็ได้ให้สํานักศึกษาซวนเสียลงมือแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “คิดจะพาจินซ่านซ่านไป พวกเจ้ายังไม่ถามพวกเราเลยว่าเห็นด้วยหรือไม่? ตอนนี้สำนักศึกษาจินซินเป็นเพื่อนร่วมทีมของเรา”
“สํานักศึกษาซวนเสียที่อยู่ชนบทห่างไกลความเจริญกลับกล้ามาหาเรื่องพวกข้า ข้าว่าพวกเจ้าคงกินยาผิดเสียแล้ว!” หลิงฮั่วฮั่วกล่าว
“เจ้าพาเขาไปไม่ได้หรอก!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะพาไปให้พวกเจ้าดู!” หลิงฮั่วฮั่วให้คนลงมือทันที
ปัง! ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันแล้ว
คนของสํานักศึกษาอวี้หลิงเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าคนของสํานักอวี้หุน แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามากนัก
ในสถานการณ์ที่จํานวนของพวกเขาห่างกันถึงสองเท่า การจะแย่งตัวจินซ่านซ่านไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
จินซ่านซ่านยิ้มและกล่าวว่า “มาจับข้าสิ! เจ้ามาจับข้าให้ได้สิ!”
“จับไม่ได้ ก็คือจับไม่ได้! ลาลาลา!”
“……”
จินซ่านซ่านกระโดดไปพลางต่อสู้กับเด็กคนหนึ่งของสํานักศึกษาอวี้หลิง
ท่าทางที่ยั่วยุนั้นทําให้หลิงฮั่วฮั่วอยากจะกําจัดเขาเป็นชิ้นๆ
“ตอนนี้ให้เจ้าได้ใจไปก่อนแล้วกัน!” หลิงฮั่วฮั่วกล่าวด่า
“ทะลวงเมฆา!” เขาตะโกนด้วยความโกรธและโจมตีไปทางซวนอี้ด้วยกระบวนท่าที่เหนือชั้น
ซวนอี้หลบไปในทันที และหลิงฮั่วฮั่วก็พุ่งไปที่จินซ่านซ่านอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของจินซ่านซ่านนั้นแน่นอนว่าไม่สามารถหลบได้อย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็ถูกหลิงฮั่วฮั่วจับตัวไว้
มือทั้งสองของเขาถูกยึดไว้ด้านหลัง เขากัดฟันด้วยความเจ็บปวด
“หลิงฮั่วฮั่ว ปล่อยข้า! เจ้ามันรนหาที่ตาย! บังอาจจับตัวข้า!” เขาตะโกน
“เจ้าจะต้องเสียใจ เจ้าจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน!”
“เบาหน่อย!”
หลิงฮั่วฮั่วมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างยั่วยุและกล่าวว่า “ข้าจับได้แล้ว ดูเหมือนว่าจะทำให้พวกเจ้าต้องผิดหวังเสียแล้ว”
“สนามประลองในรอบที่สองนี้ ไม่ใช่ว่าสํานักศึกษาซวนเสียที่อ่อนแออย่างพวกเจ้าจะเข้าร่วมได้ จากไปเสียจะดีกว่า”
สํานักศึกษาซวนเสียกล้าหาเรื่องสํานักศึกษาอวี้หลิงของพวกเขา เขาก็กล้าทำให้พวกเขาตกรอบไปเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อว่า “ทำให้สํานักศึกษาซวนเสียของเราตกรอบ ข้าว่าอวี้หลิงของพวกเจ้าคงไม่มีศักยภาพนี้”
“ศักยภาพ! ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของข้า! เมื่อครู่ไม่ได้ใช้กําลังทั้งหมดของพวกเราด้วยซ้ำ!”
ขณะที่หลิงฮั่วฮั่วกําลังเตรียมให้พวกเขาลงมือ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง พลังวิญญาณทั่วร่างของเขาไม่สามารถใช้ได้
ปัง! ตอนนี้จินซ่านซ่านที่ถูกเขาจับไว้เริ่มโจมตีกลับ และได้รับอิสรภาพจากพันธนาการของเขาในทันที จากนั้นก็ยังอัดเขาไปอีกที
“คิดจะจับข้า ฝันไปเถอะ!”
จินซ่านซ่านไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็เตะหลิงฮั่วฮั่ว
ปัง!
ใบหน้าของหลิงฮั่วฮั่วเปลี่ยนเป็นหม่นคล้ำขึ้นมา “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”