เหลยหมิงเดินไปที่หน้าแผ่นศิลาแผ่นหนึ่ง และนี่ก็คือทางเข้าวังใต้ดินนั่นเอง
พลังของเหลยหมิงนั้นแข็งแกร่ง แต่เขาก็เป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด ไม่มีทางที่จะเปิดประตูทางเข้านี้ได้แน่นอน
ทว่า ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักศึกษาเหลยโจว ของล้ำค่าที่ติดตัวเขามานั้นมีไม่น้อยเลย
เขาเอาค้อนเหลยเทียนที่อาจารย์ใหญ่เหลยได้มอบให้กับเขาออกมา
ทันทีที่แขนของเหลยหมิงขยับ ค้อนเหลยเทียนก็ยกสูงขึ้น ชั่วครู่หนึ่งบนท้องฟ้าก็เกิดเสียงคำรามของสายฟ้าขึ้น
ซวนอี้กล่าวด้วยความตกใจว่า “นี่เป็นพลังความแข็งแกร่งของมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกที่มีพลังธาตุสายฟ้า แข็งแกร่งยิ่งนัก แข็งแกร่งกว่าท่านอาจารย์มาก”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นอาจารย์ใหญ่เหลยลงมือมาก่อน แต่ดูจากพลังนี้แล้ว สมแล้วที่เขาเป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือแห่งดินแดนเหลยโจว”
ตูม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น จากนั้นพื้นปฐพีสั่นสะเทือนขึ้น
แผ่นศิลาทั้งแผ่นถูกโจมตีแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จากนั้นก็ปรากฏทางเดินขึ้น
เหลยหมิงกล่าว “พวกเราไปกันเถอะ!”
เขาเป็นผู้เปิดทาง คนของเหลยโจวเป็นกลุ่มแรกที่เดินเข้าไป และแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีสิ่งใดจะพูด
จากนั้นคนของดินแดนเหยียนโจวก็เดินตามเข้าไป
ไป๋ชางผู้เป็นหัวหน้าของกลุ่มหุบเขาหมอเทวดากล่าว “พวกเราตามไปเถอะ”
หากครั้งนี้หาของล้ำค่าที่วังใต้ดินเจอ ของล้ำค่านั้นก็คงจะแข็งแกร่งกว่าของล้ำค่าที่กระจัดกระจายอยู่ตามสนามโบราณเหล่านั้นเป็นแน่
วู้ด! ทันทีที่เข้ามาในวังใต้ดิน พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดกระโชกเข้ามา
จินซ่านซ่านกรีดร้องขึ้น “มีผี!”
คำพูดนี้เป็นผลให้หลาย ๆ คนต่างต้องกลอกตามองบน
หากมีความกล้าเพียงแค่นี้ก็ไสหัวออกไปเถอะ!
ไป๋ชางก็ขมวดคิ้ว หลังจากที่เขาได้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นมาของพวกเขาแล้ว เขาก็รู้สึกว่ากลุ่มของมู่เฉียนซีและพวก ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ไร้ความสามารถแต่แกล้งว่ามีความสามารถ ทว่า ก็พอไปวัดไปวาได้อยู่
“คนของเหยียนโจวและเหลยโจวล้วนแต่เข้าไปหมดแล้ว พวกเราจะตามหลังอยู่ไม่ได้ รีบตามไปเถอะ!”
เพราะว่าพวกเขาเข้าไปเป็นกลุ่มที่สาม ทางข้างหน้ามีเพียงแค่เส้นทางเดียว ประตูต่าง ๆ และค่ายกลต่าง ๆ ก็ถูกปลดผนึกออกแล้ว
จำต้องบอกเลยว่าเหล่าอัจฉริยะที่สำนักศึกษาระดับสองแห่งแดนใต้คัดเลือกมานั้น ล้วนแต่มีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่เลวเอาซะเลย
ทว่า หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไปในห้องโถงสี่เหลี่ยม ทันใดนั้นเองทั้งมิติก็บิดเบี้ยวขึ้น และพวกเขาก็แตกกลุ่มกันไป
แตกกลุ่มแล้วก็คือแตกกลุ่มแล้ว แต่เหตุใดถึงต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเขาด้วย
ไป๋ชางขมวดคิ้วขึ้นและมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างไม่สบอารมณ์ ดูถูกที่พวกเขาถ่วงความเจริญ
แต่เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ความเป็นสุภาพบุรุษของพวกเขาเอาไว้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่เผยสีหน้าดูถูกเช่นนั้นออกมา
มู่เฉียนซี “จินซ่านซ่าน นำทาง!”
มู่เฉียนซีคิดว่า ด้วยความโชคดีของจินซ่านซ่านแล้ว จะต้องได้ของล้ำค่ามาไม่น้อยแน่
ไป๋ชางมองจินซ่านซ่านและกล่าวว่า “อะไรนะ ให้เขานำทาง ?”
เจ้าอ้วนตัวสีทองไปทั้งตัวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ พลังไม่แข็งแกร่งก็ช่างเถอะ แต่ยังเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวมาก
ให้เขานำทาง ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำยิ่งนัก
จินซ่านซ่านตอบกลับไปว่า “โชคของข้านั้นดีมากเลยนะ ข้านำทาง พวกเจ้าวางใจได้!”
เพียงเพราะว่าเขาโชคดีแล้วจะให้นำทางเนี่ยนะ ไป๋ชางไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
เขากล่าว “สำนักศึกษาหมอเทวดาของพวกเราเป็นกลุ่มหลัก ดังนั้นให้พวกเราเป็นคนนำทางเถอะ อีกอย่างพลังความแข็งแกร่งของพวกเราสำนักศึกษาหมอเทวดาก็ไม่เลวเลย หากมีอันตรายใดพวกเราสามารถปกป้องพวกเจ้าได้”
เขากล่าว “แต่ข้าเชื่อในโชคชะตาของจินซ่านซ่าน หากสำนักศึกษาหมอเทวดาไม่เห็นด้วย เช่นนั้นเราก็คงต้องแยกทางกันไป”
ไป๋ชางกล่าว “พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกัน หากพวกเจ้าแยกทางเช่นนี้ก็จะดูเหมือนไร้จิตสำนึกส่วนรวม”
มู่เฉียนซีตอบกลับ “แต่คุณชายไป๋ไม่ฟังคำแนะนำที่ดีที่สุดจากพวกเราเลย”
หลายวันที่ผ่านมานี้ที่ได้ค้นหาของล้ำค่าในสนามรบโบราณที่สี่แห่งนี้ มู่เฉียนซีก็ยิ่งเห็นถึงความสามารถในการค้นหาของล้ำค่าของจินซ่านซ่านชัดเจนยิ่งขึ้น
มู่เฉียนซี “จินซ่านซ่าน นำทางเถอะ!”
“ได้!”
ครั้นแล้วพวกเขาก็เดินจากไปเช่นนี้ หลังจากที่พวกเขาหันหลังเดินจากไป คนของสำนักศึกษาหมอเทวดาเหล่านี้ก็เผยสีหน้าแห่งความโกรธเกรี้ยวออกมา
“พี่ใหญ่ พวกมันช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาซะเลย!”
“พวกมันไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลยสักนิด!”
“พวกมันคิดว่าตัวเองเก่งสักแค่ไหนกันเชียว นอกจากหยกวิญญาณพวกมันก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ได้ที่โหล่ทุกครั้ง”
ไป๋ชางกล่าว “พวกเราก็ไปกันเถอะ”
และแล้วพวกเขาก็แยกทางกันจริง ๆ แต่หลังจากที่แยกทางกันไป พวกเขาก็ได้มาเจอกันอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ มู่เฉียนซีและพวกได้ของล้ำค่ามาไม่น้อยเลย ส่วนคนของสำนักศึกษาหมอเทวดาเหล่านั้นกลับมีสภาพที่น่าสังเวช เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งราวกับผ้าขี้ริ้วก็มิปาน
มู่เฉียนซีก็ขี้เกียจจะสนใจพวกเขา นางกล่าวกับจินซ่านซ่านว่า “พวกเราไปกันต่อเถอะ!”
จินซ่านซ่านกล่าว “วังใต้ดินแห่งนี้ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริง ๆ พวกเราได้ของล้ำค่ามามากมายเช่นนี้ อันดับหนึ่งต้องเป็นของพวกเราแน่นอน”
ต้องบอกเลยว่าการที่มีจินซ่านซ่านอยู่ในมือ หาของล้ำค่าได้สบายเลย ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากอย่างคนของเหลยโจวและเหยียนโจวเหล่านั้น ตอนนี้ก็หาของล้ำค่าได้ไม่มากเท่าพวกเขา
ทุก ๆ ครั้งที่ไป๋ชางเห็นท่าทางของพวกเขาผ่อนคลายเขาก็เริ่มสงสัยแล้ว สุดท้ายเขาจึงกล่าวว่า “ตามพวกมันไป!”
เขารู้สึกว่ากลุ่มคนไร้ความสามารถเหล่านี้มีบางอย่างที่แปลกประหลาด
ตูม ปัง ปัง! ประตูตรงหน้าจินซ่านซ่านเปิดออก
พวกเขาเดินเข้าไป ในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอาวุธวิญญาณโบราณมากมายหลายชนิด
มู่เฉียนซีและพวกมองดูจนรู้สึกมึนชาไป ตลอดทางก็เจอมาไม่น้อยแล้ว แต่สำนักศึกษาหมอเทวดาที่ตามหลังมา เมื่อเห็นเช่นนี้ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้น
“อาวุธวิญญาณ ล้วนแต่เป็นอาวุธวิญญาณโบราณที่ดีเลิศทั้งนั้นเลย”
“แถมยังมีเยอะมากอีกด้วยนะ ต่อให้พวกเราหาของล้ำค่าในสนามรบโบราณที่สี่นี้เป็นเดือน แต่ก็เทียบกับของในที่ที่ลับตาคนเช่นนี้ไม่ได้แน่นอน”
“……”
ในขณะที่พวกเขากำลังตื่นเต้นอยู่นั้น มู่เฉียนซีกลับหรี่ตายิ้มและเดินไปตรงหน้าไป๋ชาง
“คุณชายไป๋ ก่อนที่พวกเราจะร่วมกลุ่มกันพวกเราก็ต้องตกลงกันก่อน หากมีศัตรูพวกเราก็ต้องต่อสู้ด้วยกัน แต่ของล้ำค่าที่พบในวังใต้ดิน ใครเจอก่อนก็ได้ก่อน ห้ามมีการแย่งชิงกันในกลุ่ม ข้าพูดถูกหรือไม่ ?”
เดิมทีพวกเขาที่มีสีหน้าตื่นเต้นตอนนี้ก็พลันเป็นสงบขึ้นมาทันที แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอย่างมิอาจเปรียบได้
ตอนนี้ไป๋ชางก็รู้สึกเสียใจทีหลังที่ได้กำหนดกฎเกณฑ์เช่นนั้น หากแบ่งเท่า ๆ กันพวกเขาก็คงจะได้ไม่น้อย
ไป๋ชางยิ้มพลางกล่าวว่า “คลังสมบัตินี้พวกเจ้าเป็นคนค้นพบ ต้องเป็นของพวกเจ้าแน่นอน พวกเจ้ารีบเก็บเถอะ เดี๋ยวคนของเหลยโจว เหยียนโจวมาเห็นเข้า”
“พี่ใหญ่ ง่าย ๆ เช่นนี้เลยเหรอ!”
“ของล้ำค่ามากมายเช่นนี้จะตกให้อยู่ในมือของพวกมันเช่นนั้นเหรอ”
“……”
คนของสำนึกศึกษาหมอเทวดาเหล่านั้น แอบหลบอยู่หน้าประตูและซุบซิบกัน
“ก็พวกเราไม่สบายใจหนิ หากได้ของล้ำค่ามากมายเช่นนั้นมา บางทีอันดับหนึ่งอาจจะเป็นของสำนักศึกษาหมอเทวดาของพวกเราก็ได้นะ”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของไป๋ชาง “ไม่ต้องรีบ ปล่อยให้ของเหล่านี้อยู่ที่พวกมันไปก่อนเถอะ ถึงเวลาหากพวกเราคิดจะเอามา มันก็ต้องตกอยู่ในมือพวกเราเป็นแน่”
“เอาตามที่พี่ใหญ่ว่าก็แล้วกัน”
พวกเขาโชคดีจริง ๆ เมื่อเห็นพวกเขาเก็บเกี่ยวของล้ำค่าได้ตลอดทาง คนของสำนักศึกษาหมอเทวดาก็แอบกล่าวอย่างทอดถอนใจ
พวกเขามีความอยากปล้นพวกเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ จึงทำได้เพียงแค่อดทน
“หมดเส้นทางเดินแล้ว!” จินซ่านซ่านกล่าวพลางมองดูกำแพงที่อยู่ตรงหน้า
ไม่มีเส้นทางเดินแล้ว ใช้คนเหล่านี้คุ้มค่าแล้ว และถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงมือแล้ว แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของไป๋ชาง