“การถูกกระบี่นับหมื่นโจมตีจนตายไม่ใช่เรื่องล้อเล่น อย่าคิดว่ามิติส่งตัวระยะไกลของพวกเจ้าจะมีประโยชน์เมื่ออยู่ที่นี่” กระบี่ชิงเจี้ยนกล่าวอย่างเย็นชา
ใบหน้าจินซ่านซ่านซีดเผือด “ไร้ประโยชน์ ? เป็นไปได้อย่างไร ?”
“อุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ในอาณาเขตของข้า ไม่อาจใช้ได้!”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางนึกว่าผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือการตกรอบ
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะต้องมาเผชิญกับสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ และวังใต้ดินแห่งนี้ก็ยากที่จะบุกออกไปได้
“เจ้าเลือกที่จะมีชีวิตอยู่หรือตาย! มาเป็นเจ้านายของข้า เจ้าจะต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งและมีอำนาจยิ่งใหญ่เกินใคร ๆ อย่างแน่นอน ข้าไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าสาวน้อยอย่างเจ้ากําลังคิดอะไรอยู่ ? ถึงได้ปฏิเสธ”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือกอีกครั้ง”
แววตาของมู่เฉียนซียังคงเด็ดเดี่ยว “กระบี่หักอย่างเจ้า เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าทุกคนจะอยากได้นัก ? ข้าปฏิเสธและจะยังคงปฏิเสธต่อไป”
เมื่อถูกปฏิเสธติดต่อกันถึงสองครั้ง กระบี่ชิงเจี้ยนก็โกรธแล้วเช่นกัน
“เจ้านี่มันอยากตายเสียจริง ๆ เช่นนั้นข้าก็จะทําให้เจ้าสมหวัง”
กระบี่โบราณเหล่านี้ที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เริ่มก่อจลาจลขึ้น
พวกเขาพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีราวกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ จินซ่านซ่านกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “ระวังด้วย!”
เขาเป็นห่วง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง
ปัง ปัง ปัง! เงาร่างสีม่วงพุ่งออกไป และมู่เฉียนซีก็ได้พุ่งผ่านตาข่ายดาบนี้ไป
ฟึ่บ! เหยียบดาบและหลบดาบอื่น ๆ
ปัง ปัง ปัง! ผลักพวกมันเข้าหากันทันที
แต่อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ก็ไม่มีทางให้มู่เฉียนซีนั้นหลุดพ้นไปได้
กระบี่โบราณชิงเจี้ยนหมุนอยู่กลางอากาศ มองดูมู่เฉียนซีที่พยายามหลบหลีกอย่างสุดกําลัง มันกล่าวว่า “หยุดดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ได้แล้ว ยอมใช้เลือดของเจ้ามาเซ่นไหว้เจ้าพวกเหงานี้ซะ!”
“เจ้าฝันไปเถอะ!”
ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะไม่ยอมแพ้และยอมจํานนอย่างง่าย ๆ
แคว่ก!
จํานวนกระบี่มีมากเกินไป มู่เฉียนซีไม่สามารถใช้พลังวิญญาณในที่นี้ได้ ดังนั้นตอนนี้จึงได้เลือดแล้ว
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีเกือบจะท้าทายขีดจํากัดของตัวเองเพื่อหลบมัน จินซ่านซ่านดวงตาแดงก่ำ เขากระโจนเข้าไปหาและกล่าวว่า ‘เจ้ากระบี่ปีศาจ ข้าจะสู้กับเจ้า!’
แต่จินซ่านซ่านยังไม่ทันกระโจนไปถึงกระบี่ชิงเจี้ยน ก็ได้ถูกกระบี่โบราณเล่มอื่นโจมตีจนผิวหนังฉีกขาด
ในตอนนี้ อาการบาดเจ็บของเขาน่าสังเวชยิ่งกว่ามู่เฉียนซีเสียอีก
ไม่มีทางหนีได้ ทำได้เพียงต่อสู้ดิ้นรนอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีหมดแรงลงเรื่อย ๆ และอาการบาดเจ็บบนร่างกายก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ กระบี่ชิงเจี้ยนก็กลับให้พวกมันหยุด
ปัง! มู่เฉียนซีล้มลงกับพื้นและรีบรักษาตัวเอง
นางรู้ว่ากระบี่ชิงเจี้ยนเล่มนี้ไม่มีทางปล่อยนางไปง่าย ๆ แน่ ต้องมีแผนการอย่างแน่นอน
ตอนนี้จินซ่านซ่านก็ปีนขึ้นมาตรงหน้ามู่เฉียนซีอย่างสุดกําลังแล้วกล่าวว่า “สาวงามมู่ เอายารักษาอาการบาดเจ็บมาให้ข้าหน่อยสิ! เลือดข้าแทบจะไหลออกเป็นแม่น้ำแล้ว”
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเข้ามายุ่ง ตัวเองเป็นคนโชคดีรักษาตัวไม่นานก็คงไม่เป็นไรแล้ว” มู่เฉียนซีโยนยาให้เขาไปไม่น้อย
“แต่ข้าเห็นสาวงามมู่สู้คนเดียว ข้าทนไม่ได้จริง ๆ!”
“มันมาแล้ว! หลีกไปเร็วเข้า!” ตอนนี้กระบี่ชิงเจี้ยนเข้ามาใกล้มู่เฉียนซีแล้ว นางรีบตําหนิจินซ่านซ่านให้ห่างจากนาง
กระบี่ชิงเจี้ยนกล่าวว่า “มาเป็นเจ้านายของข้า ข้าจะส่งเจ้าและพวกเพื่อนของเจ้าออกไปอย่างปลอดภัย มันคุ้มค่ามากนะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “เปลี่ยนเงื่อนไขเถอะ ข้ามีกระบี่เป็นของตัวเองแล้ว ต่อให้มันหักหลังข้า ข้าก็จะไม่เปลี่ยนมัน”
กระบี่ชิงเจี้ยนกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “กระบี่ของสาวน้อยระดับจักรพรรดิอย่างเจ้าจะเทียบกับข้าได้อย่างไร ข้าจะลิดรอนสิทธิพันธสัญญาของเจ้าเดี๋ยวนี้”
ประกายแสงสีเขียวปกคลุมมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าวิญญาณในกระบี่ชิงเจี้ยนเล่มนี้ได้แทรกซึมเข้าไปในทะเลวิญญาณของนางแล้ว
ในเวลานี้มู่เฉียนซีได้รับความทรงจําเกี่ยวกับกระบี่เล่มนี้ ยอดกระบี่มารเป็นกระบี่ที่จอมมารในสมัยโบราณครอบครอง
และคิดว่าหลังจากสงครามครั้งใหญ่นั้น เศษซากวิญญาณที่เหลืออยู่ได้แฝงตัวไว้กับยอดกระบี่มารและรอเจ้าของกระบี่ที่เหมาะสม
กล่าวคือเจ้าของกระบี่ เหมือนกันกับเป็นทาสกระบี่ มันวางแผนที่จะเอาอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์มาคอยเลี้ยงดูบ่มเพาะอย่างดี เพื่อที่จะให้ช่วยมันฟื้นคืนชีพอย่างถวายหัว
“ข้าพบตราประทับแห่งพันธสัญญากับกระบี่แล้ว ขอเพียงลบตราประทับนี้ออก เจ้าก็จะเป็นทาสกระบี่ของข้าแล้ว”
มู่เฉียนซีเองก็ร้อนใจเช่นกัน จึงติดต่ออาถิงว่า “อาถิง ต่อให้เจ้าไม่ชอบกระบี่มังกรเพลิงเพียงใด เจ้าก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าหมอนี่เปลี่ยนพันธสัญญาของข้าได้ เจ้าอย่าได้ลงมือไปอย่างไม่คิดนะ!”
นางถูกเจ้าเฒ่านี้ตามตื๊อจนน่ารําคาญ แต่อาถิงกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
อาถิงกล่าวอย่างดูแคลนว่า “อยากให้เจ้ากลายเป็นเจ้าของกระบี่ของมัน เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้าหมอนี่จะมีชีวิตหรือไม่”
ขณะที่เจ้าหมอนั่นกําลังจะลบพันธสัญญาระหว่างมู่เฉียนซีกับกระบี่มังกรเพลิง ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีแดงฉานก็ลุกลามออกมา
กระบี่มังกรเพลิงโกรธกริ้วแล้ว!
กระบี่หักไร้ประโยชน์ กล้าแย่งเจ้านายจากมัน ช่างน่ารำคาญเสียจริง
แม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นเพียงปลายกระบี่ที่ไม่มีตัวกระบี่ แต่ก็จะไม่ยอมให้คนเช่นนี้ดีใจกระโดดโลดเต้นต่อหน้ามันเด็ดขาด
ร่างที่เรียกว่าจอมมารพลันสั่นระริก “เปลวเพลิงนี้… เปลวเพลิงนี้…”
ให้ตายสิ! เปลวเพลิงนี้ดูคุ้นเคยอย่างมาก
เศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่อย่างเขานี้ ถูกบีบบังคับออกมา
แสงสีแดงเข้มพุ่งออกมา กระบี่มังกรเพลิงได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่เบื้องหน้าของกระบี่ชิงเจี้ยนโบราณเล่มนั้น
กระบี่โบราณเล่มหนึ่ง ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วล้านปี
กระบี่เล่มใหม่เอี่ยมอีกเล่มหนึ่งราวกับถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่กระบี่โบราณเล่มนี้กลับสั่นระริก อย่างหวาดกลัว!
ปลายกระบี่ที่ร้อนระอุนั้นแผ่กระจายแรงกดดันออกมา ทําให้ตัวของยอดกระบี่มารสั่นสะท้านไปตามสัญชาตญาณ โดยไม่ต้องพูดถึงวิญญาณที่หลงเหลืออยู่นั้นเลย
มู่เฉียนซีเองก็ตกใจเช่นกัน เมื่อกระบี่มังกรเพลิงปรากฏขึ้น ก็ไม่ได้มีกระบวนท่าใดออกมา!
แต่กลับทําให้เจ้านั่นตกใจกลัวได้
เปลวเพลิงสีแดงเข้มห่อหุ้มกระบี่ชิงเจี้ยนทั้งเล่มไว้และเผาวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในนั้นอย่างตกนรกทั้งเป็น จนจำใจต้องออกมา
เขาเอ่ยเสียงสั่น “ท่านวิญญาณเพลิงพิฆาต! ไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้า… ข้าไม่รู้ว่าสาวน้อยผู้นี้เป็นเจ้านายของท่าน ข้าไม่รู้จริงๆ ถ้าข้ารู้ ต่อให้ข้ามีความกล้ามากแค่ไหน ข้าก็ไม่กล้าแตะต้อง!”
ตอนแรกเขาคิดว่าโชคดีจะได้พบกับเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกับความซวย
ในโลกของวิถีกระบี่ กระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตนั้นน่าหวาดกลัวเป็นที่สุดอย่างแน่นอน มันเผาและกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง ฆ่าอย่างกระหายเลือด ทุกสิ่งอย่างที่นอกเหนือจากของเขา ล้วนราวกับเป็นเพียงมด
“ฮึ่ม! ความกล้าเช่นนี้ ยังกล้าให้นางมาเป็นทาสกระบี่ของเจ้าอีก” ประกายแสงสีเขียวอ่อน ส่องประกายอยู่ในพื้นที่อันมืดมิดแห่งนี้
ชายหนุ่มที่เป็นเหมือนปีศาจก็มิปาน ค่อย ๆ เดินออกมาจากท่ามกลางแสงนั้น
พลังลึกลับที่อาถิงปลดปล่อยออกมาทําให้เศษซากวิญญาณที่เหลือยิ่งหวาดกลัว สาวน้อยผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่?
อาถิงชําเลืองมองกระบี่มังกรเพลิงพลางกล่าวว่า “แต่ข้าจะบอกเรื่องหนึ่งแก่เจ้า! เจ้าหมอนี่ไม่ใช่วิญญาณเพลิงพิฆาต ”