สถานการณ์เช่นนี้เลวร้ายเป็นอย่างมากแน่นอน
กลับมีผู้ปลอมตัวแฝงเข้ามาเข้าร่วมการแข่งกันใหญ่ร้อยสำนัก และยังได้ทำให้อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวพิการอีก โทษนี้มิอาจจะละเว้นไปได้
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน ว่านอู๋เทียนได้เอามือคลำใบหน้าของตนเอง และมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างอับอาย เขากัดฟันแล้วกล่าวขึ้น “มู่เฉียนซี”
มู่เฉียนซีกล่าว “คนผู้นี้ได้ใช้ยาเปลี่ยนแปลงโฉมหน้า เช่นนั้นแล้วข้าจึงจำต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งโดยการใช้พิษเพื่อให้เขาปรากฏร่างที่แท้จริงออกมา ต่อจากนี้จะจัดการกับเขาเช่นไร ก็ต้องดูที่อาจารย์ใหญ่เหลยแล้ว”
“พวกเจ้าสำนักศึกษากุ่ยหยู้ (ปีศาจในตำนาน) จะมากเกินไปแล้ว นับแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักอีกแล้ว และพวกเจ้าจะถูกลบชื่อออกจากสำนักนิกายระดับสอง”
ถ้าหากว่าเพียงแค่แปลงโฉมสลับตัวกันแค่เท่านั้นก็ยังไม่เป็นไรมากนัก
แต่ว่านอู๋เทียนยังได้ทำให้เหลยหมิงพิการอีก อาจารย์ใหญ่เหลยเองก็คอยปกป้องเหลยหมิงมาตลอด เช่นนี้แล้วจะให้เจ้าหมอนั่นรอดไปอย่างสบาย ๆ ได้อย่างไร
มู่เฉียนซีกล่าว “ยาเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่สำนักศึกษากุ่ยหยู้จะสามารถหามาได้อย่างง่ายดาย ข้าคิดว่าอาจารย์ใหญ่เหลยควรที่จะพูดคุยกับทุกคนจากสำนักศึกษากุ่ยหยู้ให้ดี ๆ รวมถึงตัวของว่านอู๋เทียนด้วย”
“ผู้ที่คอยบงการอยู่ที่หลังม่านนั่น ข้าจะต้องสืบหาออกมาให้ได้” อาจารย์ใหญ่เหลยมองไปทางพวกสำนักศึกษาหมอเทวดาด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม
ในตอนนี้ ที่กลางฝ่ามือของอาจารย์ใหญ่ไป๋กำลังท่วมไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา เขานั้นรู้ดีว่าอาจารย์ใหญ่เหลยเป็นพวกที่ปกป้องลูกศิษย์อย่างบ้าคลั่งสุดขีด มาตอนนี้ศิษย์รักของเขาได้ถูกทำให้พิการไป ถ้าหากว่าสืบหาความจริงออกมาได้แล้ว ไม่ว่าเรื่องเช่นไรเขาก็สามารถที่จะทำออกมาได้ทั้งสิ้น
บัดซบ! เดิมทีนั้นจะลงมือกับมู่เฉียนซี แต่กลับสร้างปัญหาใหม่ขึ้นบนพื้นฐานปัญหาเดิมด้วยการไปทำให้เหลยหมิงพิการ คราวนี้คงจัดการได้ไม่ง่ายแล้ว
“มู่เฉียนซีเจ้าไปตายเสีย!” ใบหน้าของว่านอู๋เทียนเปลี่ยนเป็นโหดร้ายขึ้นมา และพุ่งฆ่าฟันไปทางมู่เฉียนซี
ถึงแม้ว่าจะถูกกระชากความจริงออกมาว่าเป็นตัวปลอม แต่เขาก็ยังคงต้องการทำภารกิจให้สำเร็จดังเดิม
แน่นอนว่าอาจารย์ใหญ่เหลยจะไม่ยอมให้เจ้าหมอนี่ทำสำเร็จ เข้าได้พุ่งเข้าไปลงมือกับว่านอู๋เทียนในทันที!
เปรี้ยง! สายฟ้าที่ทรงพลังสายหนึ่งได้ฟาดลงไปบนตัวของว่านอู๋เทียน
ปัง! ว่านอู๋เทียนกระเด็นลอยออกไป
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าว “ปลอมตัวเป็นผู้อื่นมาเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก ทำให้ศิษย์ของข้าบาดเจ็บหนักยังมิว่า แต่เจ้ากลับยังจะลงมือทำให้สาวน้อยถึงแก่ความตาย จงตามข้าไปอยู่ที่คุกใต้ดินแต่โดยดี!”
ถึงแม้ว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ใช่คนของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจว แต่ที่แห่งนี้คือทวีปเหลยโจว เรื่องศักดิ์ศรีของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวนั้น จะไม่ยอมให้ผู้อื่นมาท้าทายอย่างแน่นอน
ขณะที่อาจารย์ใหญ่เหลยกำลังพุ่งไปทางว่านอู๋เทียนอีกนั้น ว่านอู๋เทียนก็ได้จ้องมองมู่เฉียนซีอย่างชั่วร้าย และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สีดำตัวหนึ่งที่มีขนาดเท่าแขนก็ได้พุ่งไปทางมู่เฉียนซี
และมันยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอีกด้วย!
“สาวน้อย ระวัง!” ในตอนนี้อาจารย์ใหญ่เหลยไม่คิดที่จะสนใจตัวว่านอู๋เทียนแล้ว เขาอยากที่จะช่วยมู่เฉียนซี
แต่ในตอนนี้เองว่านอู๋เทียนได้พัวพันรั้งตัวอาจารย์ใหญ่เหลยไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย!
ด้วยความรวดเร็วของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้น แม้ผู้อื่นจะพุ่งเข้าไปแต่ก็ไม่ทันเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนี้เองเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เสี่ยวหง ออกมา!”
เปลวเพลิงสีแดงเข้มแผ่กระจายไปทั่วลานประลอง แรงกดดันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามทำให้อสรพิษสีดำตัวนั้นตัวสั่นในทันใด
หมูตัวน้อยสีแดงเหมือนเปลวเพลิงตัวหนึ่งได้พุ่งเข้าไปในทันที กีบหมูข้างหนึ่งได้ไปเหยียบอสรพิษสีดำตัวนั้นเอาไว้
ถึงแม้ว่าจะอยู่ระดับเดียวกัน แต่เสี่ยวหงกลับแข็งแกร่งกว่าอสรพิษตัวนี้มากนัก
ตุบ ตุบ ตุบ! เสี่ยวหงใช้กีบเท้าของมันกระทืบลงไปที่อสรพิษตัวนั้น
“เจ้านี่ช่างไม่รู้จักอะไรควรมิควรเสียจริง กลับกล้าที่จะทำร้ายเจ้านายของข้า เจ้ารนหาที่ตายเสียจริง! รนหาที่ตาย! รนหาที่ตาย!”
พวกเขานั้นมองดูเสี่ยวหงที่เป็นหมูตัวน้อยน่ารักได้ทรมานอสรพิษสีดำที่ดุร้ายนั่นเสียจนไม่เหลือสภาพความเป็นอสรพิษ
ทุกคนต่างกล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม มู่เฉียนซีมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สาม!”
“อีกทั้งยังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ร้ายกาจเป็นอย่างมากอีกด้วย ว่านอู๋เทียนกลับกล้าปล่อยสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อที่จะลอบทำร้ายมู่เฉียนซี ช่างน่าขันให้ตายยิ่งนัก”
“คิดที่จะเอาเปรียบผู้อื่นแต่ผลกลับเป็นตนที่เสียเปรียบและยังต้องเสียสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามไปอีกตัวหนึ่ง”
ดวงตาของจินซ่านซ่านส่องประกายออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เสียทีที่เป็นหัวหน้าของข้า ช่างน่าเกรงขามเสียจริง! นางได้ทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม”
พรวด! ในตอนนี้ว่านอู๋เทียนที่ถูกอาจารย์ใหญ่ซวนทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักได้กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ และเมื่อรู้สึกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสัตว์พันธสัญญาได้ตัดขาดออกจากกันเขาก็ได้เริ่มกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“เจ้า…มู่เฉียนซี เจ้ากลับกล้าฆ่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำพันธสัญญาของข้า!”
มู่เฉียนซีมองเขาอย่างเย็นชา “ข้ากล้าฆ่าแม้กระทั่งเจ้า แล้วนับประสาอะไรกับสัตว์พันธสัญญา!”
มู่เฉียนซีค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอย่างช้า ๆ จิตสังหารที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นจากตัวนางนั้นทำให้ว่านอู๋เทียนรู้สึกหวาดกลัวเข้าแล้ว
“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ข้านั้นเป็น…”
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เป็นอะไร? หรือว่าเบื้องหลังเจ้ายังมีกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสองที่แข็งแกร่งกว่าสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวคอยให้การสนับสนุนอยู่ ?”
“เจ้า…เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า!” ว่านอู๋เทียนกัดฟันกล่าวออกมา
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวขึ้น “ขอเชิญท่านที่เหลือจากสำนักศึกษากุ่ยหยู้ออกไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะขอพูดคุยกับเขาเสียหน่อย!”
คนของสำนักศึกษากุ่ยหยู้มิได้ต่อต้านแต่อย่างใด และอาจารย์ใหญ่ซวนได้ลงมือทำให้ว่านอู๋เทียนพิการเสียสิ้น
ถูกบุคคลระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตผู้หนึ่งลงมืออย่างหนักและทำให้กลายเป็นผู้พิการ หากไม่มีสมุนไพรวิญญาณระดับสวรรค์แล้ว แม้แต่มู่เฉียนซีก็ยังยากที่จะประกันได้ว่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บเช่นนั้นได้
แน่นอนว่านางหวังจะให้ว่านอู๋เทียนรีบตายแล้วรีบไปเกิดใหม่ เพราะไม่สามารถที่จะรักษาเขาได้เลย
เหล่าผู้คนต่างเริ่มซุบซิบกัน อาจารย์ใหญ่ซวนนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการปกป้องศิษย์แบบสุดโต่งอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ
อาจารย์ใหญ่ไป๋กล่าว “อาจารย์ใหญ่เหลย ลงมืออย่างหนักหน่วงต่อชายหนุ่มผู้หนึ่งเช่นนี้ ท่านตัดใจทำลงไปได้เช่นไร?”
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวสวน “ศิษย์รักของข้าอายุน้อยกว่าเจ้าตัวปลอมนี่เสียอีก! ทำไมมันถึงใจร้ายทำได้ลง?”
นี่เป็นการที่เขาต้องการจะแก้แค้น ลองกล่าวมากความกว่านี้ดูอีกสักประโยคหนึ่งดูสิ?
ในตอนนี้อาจารย์ใหญ่เหลยได้สงบอารมณ์ลงมาแล้วจึงกล่าวขึ้น “การแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเป็นความประมาทเลินเล่อของข้า ผลของการแข่งขันคือ สำนักศึกษากุ่ยหยู้ตกรอบ ส่วนมู่เฉียนซีนั้นมีความดีความชอบในการเปิดเผยความจริง ถึงแม้ว่าจะใช้พิษก็ตาม แต่ด้วยฝ่ายตรงข้ามเริ่มการใช้พิษก่อน จึงถือว่าไม่เป็นการผิดกฎ”
“สำหรับการตัดสินในครั้งนี้ มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่ ?”
อาจารย์ใหญ่เหลยกล่าวมีเหตุผล และเหตุผลนั้นก็แข็งแรงเป็นอย่างมากเสียด้วย ผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้นยังจะมีผู้ใดกล้าคัดค้าน ?”
“ต่อจากนี้ไปเป็นการประกาศผลคะแนนของรอบที่สาม”
มู่เฉียนซีได้อันดับหนึ่ง ส่วนซวนอี้เองก็อยู่ในสิบอันดับแรก นอกจากสองรอบแรกแล้ว ในรอบที่สามนี้สำนักศึกษาซวนเสียนั้นก็เป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่ผลรวมของคะแนนทั้งหมดนั้นยิ่งเกินจริงไปกว่าเดิมอีก คะแนนภาพรวมของมู่เฉียนซีได้ที่หนึ่ง คะแนนภาพรวมของซวนอี้ก็ได้ที่หนึ่งเช่นกัน และสำนักศึกษาซวนเสียก็ได้คะแนนในภาพรวมเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนักในครั้งนี้
เมื่อตอนขึ้นไปรับรางวัล อาจารย์ใหญ่ซวนก็ยิ้มหน้าบานขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ทุกครั้งล้วนแต่เห็นผู้อื่นได้ขึ้นไปยืนบนนั้น ส่วนสำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาถูกผู้อื่นกล่าวเสียดสีและดูถูก
ให้คนทั้งแดนใต้ได้รู้ว่า พวกเขาสำนักศึกษาซวนเสียถึงแม้ว่าจะอยู่ในทวีปเสียโจวที่กันดาร แต่ก็ไม่เคยละทิ้งความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนให้แข็งแกร่งขึ้นเลย
ไม่ว่าผลคะแนนเมื่อก่อนหน้านี้จะเป็นเช่นไร ไม่ว่าทรัพยากรของพวกเขาชาวเสียโจวจะขาดแคลนขนาดไหน พวกเขาสำนักซวนเสียจะไม่ยอมถูกผู้อื่นดูถูกอย่างแน่นอน
เขานั้นได้ชุบเลี้ยงซวนอี้ด้วยหัวใจดวงหนึ่ง แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะส่งของขวัญล้ำค่าอีกอย่างหนึ่งมาให้เขา นั่นคือมู่เฉียนซี
นางทำให้สำนักศึกษาซวนเสียเปล่งประกายมากขึ้น ทำให้สำนักศึกษาซวนเสียได้รับเกียรติอันสูงสุดในการแข่งขันใหญ่ร้อยสำนัก
หลังจากการรับมอบรางวัลได้จบลงทุกคนก็ต่างได้แยกย้ายกันไป แต่เพราะมู่เฉียนซีมีธุระบางอย่างจึงได้อยู่ต่อ มู่เฉียนซีได้ไปหาอาจารย์ใหญ่ซวน “อาจารย์ใหญ่ซวน เกิดปัญหาอันใดขึ้นหรือไม่?”