“เจ้ากล้าลงมือก็ลองดู”
แม้ว่าเชียนอ้าวเซี่ยจะมีเสน่ห์งดงาม เขาเองก็เป็นคนที่มีอารมณ์โกรธเช่นกัน
ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กัน เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเชียนอ้าวเซี่ยมากกว่าเล็กน้อย องค์หญิงรองและพวกไม่มีทางเลือกอื่น
มู่เฉียนซีกล่าวเตือน “พาหมอยาที่ไม่ได้เรื่องมาด้วยนับว่าเป็นความโชคร้ายไปหลายภพชาติ เมื่อโดนพิษ หากไม่ใช้บุรุษแก้ แท้ที่จริงแล้วสามารถฝังกลบไว้ในหิมะสิบชั่วยามก็สามารถแก้พิษได้เช่นกัน”
องค์หญิงรองร้องตะโกน “สิบชั่วยาม เจ้าอยากให้ข้าแข็งตายรึ ?”
มู่เฉียนซี “หากว่าเจ้ากลัวแข็งตาย องครักษ์ของตระกูลเจ้าร่างกายกำยำแข็งแรงทุกคน เจ้าเลือกดูเอาแล้วกัน ส่วนชายผู้นั้นเจ้าจับตัวเขาไม่ได้หรอก”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “โอ้แม่สาวน้อย แท้ที่จริงแล้วเจ้าก็ใส่ใจข้าเช่นกัน ข้ามีความสุขเหลือเกิน” เมื่อได้รับสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีที่ตนเองต้องการแล้ว มู่เฉียนซีไม่อยากที่จะอยู่กับองค์หญิงเจ้าเล่ห์และคุณชายบ้าบอนี่ต่อแม้แต่น้อย จึงหันหลังเดินหนีไปไม่หันกลับมามอง
นางมาเพื่อฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะเสียเวลากับพวกเขา
ทว่าทันทีที่มู่เฉียนซีจากไป นางก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารในความมืด เงานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในการใช้ย่างก้าวพันเงา เท้านางเหยียบไปบนพื้นหิมะสีขาวแล้วลอยขึ้นไปอยู่บนกองหิมะกองหนึ่ง จากนั้นเข็มยาเข็มหนึ่งก็ได้ไปจ่อเข้าที่คอของคนผู้หนึ่ง นางกล่าวถามขึ้น “ใครส่งเจ้ามา ?”
คนผู้นี้เป็นนักฆ่า และน่าจะเป็นนักฆ่าของหอเงามืด
นักฆ่าผู้นั้นตะลึงงัน จิตสังหารของเขาฝึกจนถึงขั้นที่สามารถควบคุมได้ดั่งใจแล้ว แต่ก็ยังคงถูกสตรีผู้นี้ตรวจจับได้ และทำให้เขาตกอยู่ในกำมือฝ่ายตรงข้าม
ขณะที่เขากําลังงุนงง เสียงอ่อนโยนราวกับหิมะเกล็ดนุ่มก็ดังขึ้นมา “คนงามของข้ากำลังถามเจ้าอยู่ เจ้าเหม่อลอยอะไรเล่า ?”
นักฆ่าผู้นั้นกล่าวว่า “ข้าได้รับภารกิจให้มาฆ่าสังหารชายผู้นี้ แต่ข้ากลับตกอยู่ในมือพวกเจ้าแล้ว จากนี้จะฆ่าจะแกงก็ตามใจพวกเจ้าเลย”
เชียนอ้าวเซี่ยไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงต้องการจะฆ่าเขา แต่กลับมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความดีใจ “แม่นางคนงามทำเป็นไม่สนใจข้า แต่ความจริงแล้วยังคงห่วงใยข้าอยู่ ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่ช่วยข้าจากน้ำมือของนักฆ่าผู้นี้ เจ้าพูดมาสิว่าหรือว่าไมใช่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”
“แม่นางคนงาม เจ้าก็รู้นามข้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าบอกนามของเจ้าแก่ข้าบ้างได้หรือไม่ ?”
— ปัง! —
มู่เฉียนซีจับนักฆ่าผู้นั้นโยนลอยออกไปและเตะไปทางเชียนอ้าวเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ “ในเมื่อเขามาเพื่อฆ่าเจ้า เจ้าก็จัดการเองเถอะ ข้าไม่เล่นด้วยแล้ว” มู่เฉียนซีหันหลังจากไป
เชียนอ้าวเซี่ย “นักปราชญ์ท่านได้กล่าวเอาไว้ว่าผู้ที่มีคุณในการช่วยชีวิต ก็ต้องตอบแทนกันด้วยกายและใจ ในเมื่อเจ้าช่วยข้าเอาไว้ เช่นนั้นก็อย่าได้ปฏิเสธการตอบแทนจากข้าเลย”
มู่เฉียนซีกําลังเดินอยู่บนหิมะ แต่เดิมนางเหยียบก้าวเดินไปบนหิมะได้อย่างไร้รอยเท้า แต่เมื่อได้ยินคํากล่าวเหล่านี้ของเชียนอ้าวเซี่ย นางก็เหยียบลงบนหิมะจนบุ๋มเป็นรอยเท้า
มู่เฉียนซีหันกลับไปมองเชียนอ้าวเซี่ยด้วยดวงตาดําสนิทอันไร้อารมณ์ มุมปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย “ตอบแทนด้วยกายและใจ เจ้าไม่มีความสามารถเลย คิดที่จะมาตอบแทนข้าด้วยกายและใจ แม้จะมาเป็นผู้ช่วยหลอมปรุงยาของข้า ข้าก็รู้สึกว่ายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”
หัวใจของเชียนอ้าวเซี่ยสั่นสะท้าน ดวงตาของเขาทาบทาความมืดครึ้ม มองร่างสีม่วงที่กำลังจากไปนั้น
“คุณชาย…” เมื่อเห็นคุณชายผิดหวังเช่นนี้ สำหรับพวกเขาที่เป็นเหล่าองครักษ์ก็เป็นกังวลใจยิ่งนัก
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวตัดพ้อกับตนเองว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะถูกเกลียดชังเสียแล้ว”
“จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ ? คุณชายนั้นใครพบใครเจอก็รัก เดินผ่านดอกไม้ดอกไม้ก็เบิกบาน จะไปถูกผู้อื่นเกลียดชังได้อย่างไรเล่าขอรับ”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวด้วยท่าทางคับข้องใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ “แม่นางคนงามรังเกียจความอ่อนแอของข้า”
เหล่าองครักษ์จนปัญญาที่จะปลอบโยนแล้ว ใครใช้ให้คุณชายของพวกเขามีชีพจรไม่ปกติแต่กำเนิดเล่า ชาตินี้ทั้งชาติจึงไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ พวกเขาช่วยกันกล่าวปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะขอรับ ไหน ๆ แม่นางผู้นั้นก็เก่งกาจถึงเพียงนั้น บุรุษของนางจะอ่อนแอก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่เพียง ‘ความสามารถในด้านนั้น’ ไม่อ่อนแอก็พอแล้ว ใช่ไหมขอรับ ?”
ยกโทษให้พวกเขาเถิด พวกนั้นอยู่กับคุณชายมานานแล้ว คุณธรรมศีลธรรมอะไรกัน ? สิ่งเหล่านั้นได้ถูกสับแล้วโยนไปให้สุนัขกินเรียบร้อยแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเชียนอ้าวเซี่ยก็ส่องประกายออกมา “ใช่แล้ว เจ้ากล่าวได้ถูกเผง!”
“ข้าอ่อนแอแล้วอย่างไร ? แม่นางคนงามแข็งแกร่งปานนั้นจะต้องปกป้องข้าได้แน่นอน ข้านั้นคอยปรนนิบัตินางก็เพียงพอ” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้นมาอย่างได้สติ
องครักษ์เหล่านั้นล้วนแสดงสีหน้ามืดครึ้มกันทั้งหมด คุณชาย… ในเวลานี้มีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้นที่คิดว่าให้สตรีมาปกป้องแล้วตนเองกินอยู่อย่างสบายเป็นเรื่องที่สมด้วยเหตุด้วยผล พวกเขานั้นล้วนแต่กล่าวอะไรไม่ออก “แม่นาง รอข้าด้วย แท้ที่จริงแล้วข้านั้นเก่งกาจมาก” บนพื้นน้ำแข็งนั้น เชียนอ้าวเซี่ยไล่ตามสาวงามอย่างไม่หยุดยั้ง
ในเวลานี้เอง ตรงหน้ามู่เฉียนซีปรากฏเสือดาวหิมะระดับเจ็ดที่มีใบหน้าแข็งกร้าวอย่างที่สุด ความเร็วของมันนั้นไม่ได้น้อยไปกว่านางเลย
“พลังตี้ซวน!”
— ครืนนน! —
เสียงดั่งสนั่นลอยมา มู่เฉียนซีโจมตีเสือดาวหิมะนั้นด้วยฝ่ามือเดียว
“มังกรวารีพิฆาต!”
“เจ้ายอมจำนนเสียโดยดีเถอะ!”
แม้ว่าเสือดาวหิมะนั้นจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด ถึงมันจะยังไม่ถึงขั้นของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่ทว่าความสามารถในการพัฒนาของมันที่ซ่อนเร้นอยู่นั้นมีอยู่อย่างมาก มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจที่จะนำมันเข้าไปไว้ในแหวนมังกรเทพวารี
เสือดาวหิมะกล่าวเหยียดหยาม “เจ้ามนุษย์น่ารังเกียจ เจ้าอย่าได้คิดว่าเพียงแค่กระบวนท่าที่แข็งแกร่งท่าเดียวก็ไร้เทียมทานแล้ว ข้านั้นไม่แพ้ให้แก่เจ้าแน่”
— ตูม! — เสือดาวหิมะนี้ไม่ยากนักที่จะจัดการ แต่สิ่งที่ยากจะจัดการนั้นอยู่ที่ด้านหลังของนางต่างหาก
แน่นอนว่าเสียงสั่นสะเทือนเช่นนี้จะดึงดูดให้ชายผู้ที่ชอบมาติดหนึบเหมือนดั่งกาวหนังสุนัขนั้นมาถึง เชียนอ้าวเซี่ยเห็นมู่เฉียนซีที่เป็นสาวน้อยผู้อ่อนแอต้องเผชิญหน้ากับเสือดาวที่เป็นสัตว์วิญญาณระดับเจ็ด จึงรีบชี้นิ้วสั่งให้ลูกน้องของตนนั้นไปช่วยเหลือ
“เร็วเข้า รีบไปช่วยแม่นางคนงามเร็ว!”
มู่เฉียนซีโกรธจัด นางกล่าว “พวกเจ้าทุกคนยืนอยู่ที่ฝั่งนั้น ห้ามขยับ!”
เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวที่มีความเป็นผู้นำแฝงอยู่ในน้ำเสียงทำให้เหล่าองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ เชียนอ้าวเซี่ยตกตะลึง สตรีผู้นี้ยังอายุน้อยอยู่แท้ ๆ แต่กลับมีท่าทางน่าเกรงขามเช่นนี้ได้
“คุณชาย…” พวกเขามองไปที่เชียนอ้าวเซี่ย หวังว่าเขาจะตัดสินใจให้ได้
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “เชื่อฟังนาง อย่าได้ทำให้นางโกรธเคือง”
ความเร็วของเสือดาวหิมะนั้นถือว่ารวดเร็วมาก มันเกือบจะพุ่งไปที่คอเรียวระหงของมู่เฉียนซีอยู่หลายครั้ง ผู้คุ้มกันที่มองกันอยู่ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
สตรีผู้นี้เป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับห้าเท่านั้น ทว่านางถึงกับกล้าสู้กับสัตว์วิญญาณระดับเจ็ดโดยที่ไม่ยอมให้ผู้ใดช่วย ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย
ทุกครั้งที่หลบการโจมตีได้อย่างน่าหวาดเสียว พวกเขานั้นรู้สึกได้ว่าท่าทางของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นเข้มแข็งอย่างรวดเร็ว
ต่อมาก็…
— ตูม! —
นางนั้นได้ก้าวผ่าน กลายเป็นปรมาจารย์ภูตระดับหกแล้ว!
พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อย สตรีผู้นี้อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีกลับฝึกฝนได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกรงว่าพรสวรรค์ของนางคงไม่อ่อนด้อยไปกว่าคุณหนูใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นเยียนผู้นั้นเลย
พวกเขาหันกลับไปมองก็เห็นคุณชายของตนเองมองสตรีชุดม่วงผู้นั้นด้วยความชื่นชมอย่างหาที่เปรียบมิได้
“ช่างเก่งกาจนัก! แม่นางช่างเก่งกาจโดยแท้ สมแล้วที่เป็นสตรีที่ข้าให้ความสำคัญ”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงเข้มส่งเสียงคำรามออกไป สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้แก่เสือดาวหิมะ
หลังจากที่พลังซัดใส่เสือดาวหิมะอย่างดุดัน ก็ได้ทำให้มันสลบไป
องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นกับเชียนอ้าวเซี่ย “พวกเราไปกันเถอะขอรับคุณชาย สตรีผู้นี้แตกต่างจากสตรีคนก่อน ๆ เกรงว่าคุณชายคงควบคุมนางไม่ได้”
ทักษะและความกล้าหาญของนางที่พวกเขาเพิ่งประจักษ์แก่สายตา ต่อให้พวกเขาอยู่ในระดับราชาหรือระดับจักรพรรดิก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนกับความน่ากลัวของนาง
.
Related