“ท่านผู้นำตระกูลจิน!” แน่นอนว่ามู่เฉียนซีกับจวินโม่ได้ไปพบผู้นำตระกูลจินแล้ว
ผู้นำตระกูลจินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “แม้ว่าหุบเขาหมอเทวดาจะเป็นสำนักปรุงยาที่เป็นอันดับหนึ่งในแดนใต้ แต่ทว่ากำลังอำนาจของพวกมันได้ถูกหอหมอปีศาจกดทับเอาไว้ หอหมอปีศาจนับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ส่วนหุบเขาหมอเทวดาก็เลือกที่จะทำตัวเป็นคนเก็บคมในฝัก นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกหุบเขาหมอเทวดาไม่กล้าที่จะเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขา”
มู่เฉียนซีตะลึงงัน “ข้าไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดท่านผู้นำตระกูลจินถึงได้กล่าวเรื่องนี้ขึ้นมา”
ผู้ำตระกูลจินกล่าว “หุบเขาหมอเทวดาทำเรื่องต่างๆด้วยความหยิ่งยโสและบ้าอำนาจ พวกมันดูเหมือนจะเป็นกลุ่มคนที่ซื่อสัตย์และทรงคุณธรรม แต่แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นพวกที่มีจิตใจโหดเหี้ยม ที่ใต้ร่มเงาของพวกมันเองก็มีศัตรูอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย หากมีผู้ที่ต้องการจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขานั้นก็เป็นเรื่องปกติ ซ่านเอ๋อร์นั้นยากนักที่จะหามิตรสหายที่แท้จริงได้ ถ้าหากพวกเจ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือ ขอแค่เพียงข้ายังเป็นผู้นำตระกูลจินอยู่ ก็จะสามารถช่วยเหลือได้”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ท่านลุงจินมองออกเสียแล้ว”
ผู้นําตระกูลจินตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อมู่เฉียนซีได้เปลี่ยนคำเรียกขานอย่างกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของพวกเจ้าจะดูธรรมดา แต่ทว่าการกระทำในเรื่องต่างๆนั้น ข้าจะดูไม่ออกเลยหรือ?”
“ถ้าหากว่ามีอะไรที่ต้องการให้ท่านลุงจินช่วยเหลือ ข้าจะไม่เกรงใจอย่างแน่นอน ท่านลุงจินเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปูเส้นทางให้จินซ่านซ่านแล้ว เพราะอีกไม่นานนักท่านก็จะพบว่าเขาจะไม่เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านกังวลใจอีกต่อไป”
เมื่อได้เห็นจอมมารมาเป็นอาจารย์ให้แล้ว บวกกับความโชคดีที่ดีจนขั้นฝืนลิขิตฟ้าของจินซ่านซ่านนั้น จะต้องไปได้ดีอย่างแน่นอน
บางทีเขาอาจจะเหนือกว่าผู้เป็นบิดาก็เป็นไปได้
“เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ข้าก็สบายใจแล้ว!” ผู้นำตระกูลจินยิ้มตาหยี
หลังจากที่จำนวนรายชื่อได้ถูกกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ได้เดินทางมุ่งหน้าไปเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดาในทวีปอวี่โจว
ถึงแม้ว่าจินเลี่ยฮั่วจะพ่ายแพ้ให้แก่มู่เฉียนซี แต่ทว่าในเรื่องของพลังความสามารถนั้นนับว่านางเป็นสุดยอดของตระกูลจิน แน่นอนว่าจะต้องส่งนางไปด้วย
จินเลี่ยฮั่วถลึงตามองมู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้น “การประลองในคราวก่อน เจ้าจะต้องตั้งใจอย่างแน่นอน สรุปแล้วเจ้าไปถึงระดับขั้นใดกันแน่?”
“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีหน้าที่ที่จะต้องไปบอกเจ้า!”
เพราะว่ามีจดหมายแนะนำจากตระกูลจิน การสมัครในครั้งนี้ของมู่เฉียนซีจึงมิได้ถูกปฏิเสธตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า หากแต่สำเร็จเป็นอย่างมาก
แดนใต้มีพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล กลุ่มกองกำลังเล็กใหญ่ที่ติดต่อกับหุบเขาหมอเทวดานั้นมีจำนวนอยู่ไม่น้อย เช่นนั้นแล้วผู้เข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้อย่างต่ำจึงมีถึงสามพันคน
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถบินได้ได้พาพวกเขาเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง และผู้อาวุโสผู้นำกลุ่มนั้นก็กล่าวขึ้น “ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเข้าไปในสวนร้อยโอสถเพื่อเก็บสมุนไพรวิญญาณ ทุกคนจะได้กระดาษรายการโอสถไปหนึ่งใบ ภายในสามวันจะต้องหาสมุนไพรวิญญาณที่เขียนเอาไว้บนกระดาษนั่นให้ครบจึงจะถือว่าผ่านรอบแรกไปได้”
“ตอนนี้ พวกเจ้าสามารถออกเดินทางได้แล้ว”
ทุกคนล้วนเข้าไปในสวนร้อยโอสถนั้น
ที่แห่งนี้เป็นสวนสมุนไพรของหุบเขาหมอเทวดา แน่นอนว่าจะไม่มีสัตว์วิญญาณที่ร้ายกาจอยู่ในนี้ เช่นนั้นแล้วจึงไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับผู้ที่เข้าไปด้านใน
แต่ทว่า….
เมื่อกลุ่มคนจากตระกูลจินเปิดกระดาษออกอ่านดู ก็พบว่าบนกระดาษแผ่นเล็กนั้นได้เขียนอัดแน่นไปด้วยชื่อของสมุนไพรวิญญาณอย่างเบียดเสียด ทุกคนนั้นล้วนตะลึงงัน
“ทำไมมันถึงมากขนาดนี้?”
“หุบเขาหมอเทวดาคงไม่ตั้งใจที่จะแกล้งให้พวกเราลำบากกระมัง”
“ต้องเป็นเพราะจินซ่านซ่านไปก่อเรื่องเอาไว้แน่ พวกเราถึงได้โชคร้ายเช่นนี้”
“ในที่แห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดกว่าห้าสิบชนิด เวลาสามวันนั้นไม่สามารถที่จะหาได้มากเช่นนั้นแน่”
กระดาษใบน้อยที่อยู่ในมือของมู่เฉียนซีและจวินโม่ซีก็เช่นกัน จวินโม่ซีเบ้ปากแล้วกล่าว “คนของหุบเขาหมอเทวดายังคงจิตใจคับแคบอยู่เช่นเคย เพียงรอบแรกก็ได้เริ่มขัดแข้งขัดขาเสียแล้ว”
“โดนขัดแข้งขัดขาในรอบแรกนั้นก็ช่วยไม่ได้ ขอแค่เพียงมีสมุนไพรวิญญาณที่อยู่บนกระดาษในสวนแห่งนี้ เช่นนั้นก็สามารถที่ทำสำเร็จได้”
คนอื่นๆที่เหลือนั้นก็ร้อนใจดังไฟเผา “ทำเช่นไรดี? ยอมแพ้?”
“ไม่ยอมแพ้แล้วจะทำเช่นไรได้? นี่มันไม่มีทางที่จะทำได้สำเร็จเลย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตระกูลจินเลือกพวกเจ้ามาเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดาก็เพื่อที่จะให้พวกเจ้าตกรอบไปตั้งแต่รอบแรกหรือ?”
“แต่พวกเรา…..”
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นไปไม่ได้ ระยะเวลาสามวันนี้พวกเจ้าคิดที่จะหลบอยู่แต่ในมุมแล้วไม่ทำอะไรเลยหรืออย่างไร?”
“ใช่แล้ว ในเมื่อได้มาเข้าร่วมแล้ว ถึงแม้ว่าจะทำไม่สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะสามารถหาสมุนไพรมาได้แค่เพียงชนิดเดียวก็ถือว่าได้ผลเก็บเกี่ยวมาบ้าง!” เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของจินเลี่ยฮั่วลุกโชนขึ้นมา
“แยกย้ายกันไปจัดการ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเรายังสามารถแลกเปลี่ยนกันได้” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น
จินเลี่ยฮั่วพึมพำ “ใครจะไปแลกเปลี่ยนกับเจ้าและช่วยให้เจ้าผ่านด่านแรกไปกันเล่า”
ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งสิบคนได้แบ่งกันเป็นสองคนต่อหนึ่งกลุ่ม แน่นอนว่ามู่เฉียนซีและจวินโม่ซีนั้นจับกลุ่มด้วยกัน
จวินโม่ซีกล่าวขึ้น “สาวน้อย สมุนไพรวิญญาณในที่แห่งนี้กระจัดกระจายมิได้อยู่รวมกัน พวกเราทำอย่างสุดกำลังในเวลาสามวันก็เกรงว่ายังไม่อาจที่จะหาได้ครบอย่างง่ายดายเช่นนั้น”
มู่เฉียนซีได้หยุดฝีเท้าแล้วกล่าว “จวินโม่ซี เจ้าคิดหรือว่าการคัดเลือกรอบแรกของหุบเขาหมอเทวดานี้จะเป็นแค่เพียงการที่ให้ทุกคนเข้ามาเก็บสมุนไพรวิญญาณที่ง่ายดายเช่นนั้น?”
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ การคัดเลือกในรอบนี้เพิ่งเริ่มขึ้นได้ไม่นานเท่าไร พวกเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกกลุ่มหนึ่งได้ต่อสู้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ใส่ชุดคลุมยาวของหุบเขาหมอเทวดา “หากไม่อยากเจ็บตัว ก็ส่งมอบสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดที่พวกเจ้าหามาได้ออกมา”
“พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ขอโทษด้วยนะ! นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบเช่นกัน” เหล่าศิษย์พี่พวกนั้นของหุบเขาหมอเทวดากล่าวพร้อมยิ้มตาหยี
ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายนั้นห่างชั้นกันมาก พวกเขาจึงจำต้องยอมประนีประนอม
จวินโม่ซียิ้มแล้วกล่าว “สาวน้อย เจ้าเดามิผิด การคัดเลือกในรอบแรกของหุบเขาหมอเทวดามิได้ง่ายดายเช่นนั้น”
“ใช่ มันไม่ง่ายดาย แต่ว่าสำหรับพวกเรานั่นมันทำให้ง่ายดายขึ้นมากแล้ว”
หุบเขาหมอเทวดาได้ส่งตัวพวกที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะมาปล้นชิงพวกผู้เข้าร่วมการทดสอบ ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายนั้นห่างกันมากนัก ไอ้พวกเล่ห์เหลี่ยมมากพวกนั้นจะต้องได้ผลเก็บเกี่ยวมาอย่างไม่น้อยเป็นแน่แท้
ถ้าหากว่าพวกเขาถูกเล็งเป็นเป้าหมายแล้ว หากคิดที่จะหาสมุนไพรวิญญาณจำนวนมากเช่นนั้น มันจะไม่ยากเย็นอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ พวกมากเล่ห์พวกนั้นได้นำเอาของที่ปล้นชิงมาได้จากผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดไป
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จัดการ!”
พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนทำตัวเหมือนดั่งสำนวนที่ว่า ตั๊กแตนจับจั๊กจั่นนกกระจอกรอโฉบรวบอยู่ด้านหลัง เมื่อไม่ทันได้ระวังก็ได้ถูกไม้กระบองของจวินโม่ซีเคาะเข้าเสีย
พวกมากเล่ห์เหลี่ยมที่ถูกเข้าปล้นพวกนั้นกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ “พวกเจ้า….พวกเจ้ากลับกล้าลอบโจมตีศิษย์พี่…..”
“ลอบโจมตีแล้วไง? ชนะแล้วก็สิ้นเรื่อง!” จวินโม่ซีเก็บสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นขึ้นมา
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราต้องการมันเลยขอเอาไปก่อน หากพวกเจ้าไม่ยอม สามารถสู้กับพวกเราได้!”
พวกเขาส่ายหน้า นางกล้าแม้แต่ที่จะโจมตีศิษย์พี่ของหุบเขาหมอเทวดา ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะสู้นั้นลืมไปได้เลย!
หลังจากที่พวกเขาได้เก็บสมุนไพรวิญญาณส่วนที่มู่เฉียนซีและจวินโม่ซีไม่ต้องการ พวกเขาก็เตรียมที่จะจากไป แต่มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “พวกเจ้าหยุด!”
“พวกเจ้ายังต้องการอะไรอีก?”
“เอาใบรายการสมุนไพรของพวกเจ้ามาให้ข้าดู!”
“พวกเจ้าเอาไป!” ใบสมุนไพรของพวกเขาไม่มีประโยชน์อันใดต่อผู้อื่น ดังนั้นพวกเขาจึงให้ไปอย่างสบายใจ
มู่เฉียนซีมองดูใบกระดาษสมุนไพรแล้วก็เกิดปะทุไฟแห่งความโกรธขึ้นมา “ช่างดียิ่งนักเลยเชียว!”
ของคนอื่นๆนั้นอย่างมากที่สุดในใบนั้นมีเขียนเอาไว้ห้าชนิด แต่ของพวกเขานั้นกลับมากขั้นไปเป็นสิบเท่า นี่ถือว่าหุบเขาหมอเทวดาตั้งใจหาเรื่องให้ลำบากกัน ช่างทำมากเกินไปนัก
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยว พวกเขาเองก็หวั่นกลัวอยู่บ้าง
พวกเขากล่าวขึ้นด้วยเสียงอันเบา “พวกเรา….พวกเราไปได้หรือยัง?”
“ไป!”
จวินโม่ซีกล่าว “ในเมื่อหุบเขาหมอเทวดาหลอกลวงเราเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็สามารถไปจับตัวลูกศิษย์ของพวกมันได้ และปั่นหัวพวกมันให้ตาย!ถ้าหากจะกล่าวโทษก็ต้องโทษที่พวกมันได้ส่งลูกศิษย์มาเข้าร่วมด้วย ประจวบเหมาะกับให้โอกาสพวกเราได้แก้แค้น!”
มุมปากของมู่เฉียนซียิ้มยกขึ้นเล็กน้อย “ข้าเองก็กำลังคิดอย่างนี้เช่นกัน!”