“สรุปแล้วพวกเจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ต้องขอบคุณศิษย์พี่หุบเขาหมอเทวดาทุกท่านที่ช่วยเหลือ ถ้าหากไม่ได้พวกเขาช่วยละก็ พวกเราก็คงไม่อาจที่จะทำการสอบในรอบแรกนี้ให้สำเร็จอย่างราบรื่นได้”
เหล่าผู้อาวุโสต่างรู้สึกงุนงง ลูกศิษย์เหล่านั้นถูกส่งตัวออกไปเพื่อให้ไปปล้นชิงพวกเขา และเพิ่มระดับความยากลำบากให้กับการสอบในรอบแรก แล้วจะไปช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไรกัน
เมื่อผู้อาวุโสเห็นลูกศิษย์หุบเขาหมอเทวดาของพวกเขาเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา ในตอนที่เหล่าศิษย์ที่มีจมูกช้ำใบหน้าบวมปูดขึ้นมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขานั้น ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้เข้าแล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ไอ้พวกไม่ได้เรื่องพวกนี้ มิเพียงแต่ไม่สามารถปล้นชิงผู้อื่นได้ กลับกันยังถูกผู้อื่นปล้นเสียอีก
มู่เฉียนซีถามขึ้น “สมุนไพรวิญญาณเหมือนตามที่กำหนดเอาไว้ไม่มีขาด ถือว่าพวกเราสอบผ่านหรือไม่?”
ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสซีดเผือด แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะกลับคำพูดได้ จึงทำได้เพียงหยักหน้าแล้วกล่าว “แน่นอนว่านับว่าผ่านด่านแรกแล้ว”
หลังจากที่ผ่านด่านไปแล้ว พวกจินเลี่ยฮั่วก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการตั้งใจทำให้ประสบกับความยากลำบากของพวกหุบเขาหมอเทวดา พวกเขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสที่จะผ่านได้เลยแม้แต่นิดเดียว
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะพลิกผัน ด้วยความแข็งแกร่งของสองคนนั้นที่พวกเขาเกลียดเป็นที่สุดได้จัดการเหล่าศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาเข้าเสีย
ในบรรดาผู้ที่มาเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ใหม่ของหุบเขาหมอเทวดาจากกลุ่มกองกำลังใหญ่ต่างๆ มีแต่เพียงผู้เข้าร่วมจากตระกูลจินเท่านั้นที่ผ่านรอบแรกไปได้หมดทุกคน
จากผู้เข้าร่วมทั้งหมดสามพันคนได้ถูกคัดเหลือเพียงหกเจ็ดร้อยคนเท่านั้น จากนี้หกเจ็ดร้อยคนเหล่านี้จะถูกพาไปที่หมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่นอกหุบเขาหมอเทวดา
“ที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่สอบด่านที่สองของพวกเจ้า เนื้อหาของการสอบในครั้งนี้จะเป็นการสอบโดยการเขียนคำตอบเพียงอย่างเดียว พวกเจ้าจะถูกจับรวมกลุ่มอยู่ที่ด้านนอกของห้องปรุงยา ที่ด้านในห้องนั้นจะมีผู้อาวุโสปรุงยาอยู่ด้านใน พวกเจ้าจะต้องวิเคราะห์สมุนไพรวิญญาณที่ต้องใช้ในการปรุงยานั้นออกมา กลุ่มหนึ่งจะแบ่งเป็นสิบคน ผู้ใดที่ตอบถูกทั้งหมดจะถือว่าสอบผ่าน”
นี่คือการทดสอบพื้นฐานของการกลั่นยา โดยการวิเคราะห์จากกลิ่นยาที่ได้กลิ่น จากนั้นก็เริ่มวิเคราะห์ส่วนผสมออกมา
มู่เฉียนซีไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่หุบเขาหมอเทวดาแบ่งแต่ละกลุ่มเป็นกลุ่มละสิบคน ความใจคับใจแคบของพวกเขานั้นก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งได้เจอเป็นครั้งแรก
แต่ละกลุ่มได้ถูกจัดตำแหน่งไปที่ด้านนอกของห้องปรุงยา จากนั้นผู้อาวุโสก็ได้ประกาศขึ้น “เริ่มการทดสอบได้!”
หลังจากที่การทดสอบได้เริ่มขึ้น พวกเขาก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นของยาจากด้านในนั้น ไม่มีกลิ่นลอยออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขานั้นสามารถได้กลิ่นของห้องปรุงยาที่อยู่ข้างๆได้แล้ว แต่ตรงห้องปรุงยาของพวกเขานั้นกลับไม่มีกลิ่น!
สีหน้าของพวกจินเลี่ยฮั่วซีดเผือด “ไม่มีกลิ่นของยา พวกเราก็ไม่มีทางวิเคราะห์ได้ ดูแล้วพวกหุบเขาหมอเทวดาใช้วิธีสกปรกกับพวกเราอีกครั้งแล้ว และครั้งนี้มันก็เป็นครั้งที่สองแล้วด้วย พวกเราผ่านรอบแรกมาได้แต่กลับจะตกรอบสอง”
จวินโม่ซีกล่าวขึ้น “เงียบก่อน ใครบอกว่าเป็นไปไม่ได้”
ในตอนนี้มู่เฉียนซีกับจวินโม่นั้นไร้ซึ่งความตึงเครียด หากแต่พวกเขากำลังหลับตาเพื่อรวมสมาธิ นั่นจึงทำให้พวกเขาเองก็สงบอารมณ์ลงมาได้ จะต้องมีหนทางอย่างแน่นอน ต้องมีแน่!
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในครั้งก่อนหน้าทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นในตัวมู่เฉียนซีและจวินโม่ซีเป็นอย่างมาก
“การสกัดยาเสร็จเรียบร้อย เริ่มเขียนคำตอบได้!”
มู่เฉียนซีจับพู่กันขึ้นมาแล้วเริ่มเขียน เมื่อเขียนเสร็จแล้วนางก็กล่าว “นี่เป็นคำตอบที่ถูกต้องรีบลอกเร็วเข้า!”
พวกเขารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เห็นกันอยู่ว่าไม่มีกลิ่นเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมนางถึงรู้ได้
จวินโม่ซีกล่าว “พวกเจ้าไม่ลอกเดี๋ยวข้าลอกเอง!”
“พวกเจ้า…พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน?” ผู้อาวุโสที่คุมสอบอยู่เห็นพวกเขากล้าลอกกันตรงนี้อย่างบังอาจจึงเกิดโทสะขึ้น!
มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “ผู้อาวุโส ท่านเองก็มิได้บอกว่าไม่สามารถดูคำตอบของผู้อื่นได้นี่!”
“ใช่ ข้าไม่ได้พูดเอาไว้!”
เพราะกลุ่มกองกำลังต่างๆได้ถูกจับแยกผสมกับผู้เข้าร่วมจากที่อื่น ซึ่งเป็นการจับแยกกันสอบกับคนของกลุ่มกองกำลังของตนเอง เช่นนั้นแล้วทุกคนจึงล้วนแต่ต่อสู้แก่งแย่งชิงดีกัน จะไปให้ผู้อื่นดูคำตอบของตนได้อย่างไร
แต่ยกเว้นกลุ่มของตระกูลจิน ซึ่งเป็นกรณีพิเศษ!
เพื่อที่จะทำลายพวกเขาเสียให้สิ้นในคราเดียว ผู้อาวุโสผู้คุมสอบจึงคิดว่า “อย่างไรเสียก็เป็นการเขียนคำตอบมั่วๆ ล้วนแต่ผิดทั้งนั้น ก็ปล่อยให้พวกเจ้าลอกกันไปก็แล้วกัน”
ไม่นานนักก็ได้มีการประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านในด่านนี้ออกมา พวกจินเลี่ยฮั่วนั้นตึงเครียดอย่างเป็นที่สุด
แต่ปรากฏว่ากลับมีรายชื่อของพวกเขาอยู่ในชื่อที่ถูกประกาศออกมา!
ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกทั้งสิบของตระกูลจินสอบผ่านทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสที่ออกโจทย์หรือผู้อาวุโสที่คุมการสอบ ล้วนแต่ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ทำได้อย่างไรกัน!
ยาที่พวกเขาสกัดนั้นเป็นถึงยาเม็ดที่ไร้กลิ่น ไม่อาจที่จะจับกลิ่นอะไรได้เลย ทำไมถึงได้วิเคราะห์ออกมาแม่นยำเช่นนั้น
“มู่เฉียนโม่ เฟิงเยี่ยซี แล้วก็…..”
“พวกเจ้าออกมา!”
“สรุปแล้วพวกเจ้าตอบถูกได้อย่างไรกัน?”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเราอยู่ที่ด้านนอกไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วข้าเลยวิเคราะห์ว่าผู้อาวุโสที่ปรุงยาอยู่ด้านในกำลังปรุงยาเม็ดไร้กลิ่น ข้าก็เลยเดาสุ่มเข้าไปชนิดหนึ่ง”
“แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะถูกชนิด! ข้านี้มีโชคที่ไม่เลวเลยจริงๆ”
คำอธิบายนี้ของมู่เฉียนซี มีเหตุผลเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี!
นั่นก็ช่างโชคดีเกินไปเสียแล้ว! เพียงเลือกสุ่มเข้าชนิดหนึ่งก็เลือกถูกเข้าเสียแล้ว
ผู้ที่ผ่านรอบนี้ไปได้มีทั้งหมดสามร้อยคน เหล่าผู้อาวุโสคุมสอบกล่าว “ในตอนนี้ผู้ที่ผ่านการสอบคัดเลือกในรอบที่สองสามารถตามข้าเข้าไปในหุบเขาได้”
พวกจินเลี่ยฮั่วเองก็มองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความสงสัย ในตอนนั้นนางกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่านั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง และไม่ได้บอกเลยว่าเป็นการเดาสุ่มเลยนี่!
แล้วก็มิใช่ว่าทุกคนจะมีโชคดีเหมือนดั่งจินซ่านซ่าน นางจะต้องรู้คำตอบที่ถูกต้องอย่างแน่นอน แต่ทว่าไม่มีใครรู้ว่านางรู้ได้อย่างไร
จวินโม่ซีเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของมู่เฉียนซี “สาวน้อย แมวน้อยสีขาวของเจ้ากลายเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับที่สี่แล้วและก็ใช้งานได้ดีทีเดียว”
แต่จวินโม่ซีกลับรู้ว่ามู่เฉียนซีได้ทำอะไรลงไป นั่นเป็นเพราะอู๋ตี้!
อู๋ตี้เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่จึงมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก สามารถเข้าไปในห้องปรุงยาได้โดยไม่มีใครพบเห็น มันได้เห็นขั้นตอนทั้งหมดที่นักปรุงยาทำแล้วนำไปบอกแก่ผู้เป็นนายของมัน แน่นอนว่านั่นทำให้มู่เฉียนซีรู้ถึงสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดที่เขาใช้ปรุงยา
นางรู้แต่แรกแล้วว่าพวกนั้นจะเล่นสกปรก แน่นอนว่านางจึงได้ซ่อนไพ่เอาไว้
ถึงแม้ว่าหุบเขาหมอเทวดาจะใช้กระบวนค่ายกลขนาดใหญ่ปกป้องหุบเขาเอาไว้ แต่เมื่อมีคนของหุบเขาหมอเทวดาเป็นผู้นำทาง แน่นอนว่าพวกเขาสามารถเข้าไปด้านในหุบเขาหมอเทวดาได้อย่างราบรื่น
เมื่อตอนที่มู่เฉียนซีเหยียบย่างเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดานั้น ต้องยอมรับเลยว่าที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีฮวงจุ้ยที่ล้ำค่า มีพลังวิญญาณสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
ผู้อาวุโสกล่าวแนะนำ “หุบเขาหมอเทวดาแบ่งออกเป็นหุบเขาส่วนในกับหุบเขาส่วนนอก การทดสอบด่านสุดท้ายของพวกเจ้าจะถูกจัดขึ้นที่หุบเขาด้านนอก การสอบในครั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้วจะเหลือเอาไว้เพียงหนึ่งร้อยคน”
“แต่ละคนจงถือป้าย แล้วเข้าไปที่ห้องปรุงยาของหุบเขาส่วนนอก!”
ในรอบสุดท้ายนี้ง่ายดายเป็นอย่างมาก นั่นก็คือเข้าไปปรุงยาตามที่กำหนดในห้องปรุงยา
แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉียนซีเกิดความประหลาดใจอยู่บ้างก็คือ คนเหล่านี้ของหุบเขาหมอเทวดาได้หยุดใช้วิธีการสกปรกกับนางเสียแล้ว
ยาที่กำหนดให้สกัดออกมานั้นเป็นยาระดับต่ำขั้นที่หนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยมากชนิดหนึ่ง ระดับความยากเช่นนี้ไม่ยากนักสำหรับนาง!
“ผู้อาวุโสหวง ไม่ต้องรับตัวพวกคนเหล่านั้นจากตระกูลจินแล้ว! ไอ้พวกเจ้าหนูนั่นทำลายกิจการร้านโอสถทั้งหมดของพวกเราในทวีปอวี้โจวไปจนหมด! ท่านกลืนความแค้นนี้ลงคอไปได้อย่างไร!”
“ท่านผู้เฒ่าได้พูดเอาไว้แล้ว ครั้งนี้จะต้องคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีไปสักสองสามคน! ด้วยการแสดงออกเมื่อสองรอบก่อนหน้าของพวกคนตระกูลจินนับว่าดีเยี่ยมนัก! ไม่แน่ว่าบางทีท่านผู้เฒ่าอาจจะชอบพวกเขาก็เป็นได้!”
“ท่านว่าคำสั่งของท่านผู้เฒ่าสำคัญหรือการแก้แค้นสำคัญกว่า?”
“แน่นอนว่าคำสั่งของท่านผู้เฒ่านั้นสำคัญกว่า!”
มู่เฉียนซีสกัดยาออกมาสำเร็จอย่างราบรื่น ส่วนผู้อื่นก็ทยอยสกัดเสร็จสิ้นออกมาเช่นกัน ผู้เข้าร่วมจากตระกูลจินทั้งหมดผ่านการคัดเลือกในรอบที่สามทั้งหมดห้าคน ในห้าคนนี้รวมมู่เฉียนซีและจวินโม่ซีอยู่ในนั้นด้วย
จำนวนของผู้เข้าร่วมจากตระกูลจินหายไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็นับว่าเป็นผลคะแนนที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลจินแล้ว
“นับแต่นี้ไป พวกเจ้าก็คือสมาชิกผู้หนึ่งของหุบเขาหมอเทวดาแล้ว”
ผู้อาวุโสกล่าวประกาศ และได้เริ่มจัดแจงเรื่องที่อยู่ให้แก่ทุกคน และแต่ละคนนั้นได้ห้องพักเดี่ยว
มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย แผนการแทรกซึมเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาสำเร็จแล้ว!
มู่เฉียนซียังไม่ทันที่จะได้เข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาก็ได้หาข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาและที่ตั้งของหม้อพิษสามอสูร แต่ก็ได้มีคนเข้ามาหานางด้วยท่าทีดุดัน
จวินโม่ซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีอะไร? คราวก่อนยังถูกซัดไม่พอ ยังอยากที่จะโดนอีกสักหมัดใช่หรือไม่?”