ที่จริงแล้วในตอนที่ผู้ดูแลใหญ่เปิดกล่องยานั้นแล้วได้กลิ่นหอมของมัน เขาก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาทันที
ยาเม็ดหนึ่งที่ดีเช่นนี้มอบให้กับเจ้าคนไร้ค่าซือคง มันเป็นการสิ้นเปลืองเกินไปหรือไม่!
ควรไปขอคำชี้แนะจากท่านผู้เฒ่าก่อนสิถึงจะดี!
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “มีอะไรหรือผู้ดูแลใหญ่? รีบนำยาให้ท่านหัวหน้าหุบเขาลองเร็วเข้า”
ผู้ดูแลใหญ่รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก เขามอบยาเม็ดนั้นให้แก่หัวหน้าหุบเขาซือคงอย่างจนปัญญา
ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว หากเขาจะกลับคำก็ไม่ได้! มิอาจที่จะกล่าวแล้วคืนคำได้!
เขามองไปที่มู่เฉียนซีอย่างจนปัญญา เด็กสาวกับเจ้าหนุ่มนี่ใจกว้างมากเกินไปหน่อย! ยาที่ดีเช่นนี้กลับเอามามอบให้ผู้อื่นส่งเดช
เขาเคยได้ยินมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเพื่อที่จะได้ฝึกเรียน แม้แต่ยาเม็ดระดับที่เก้าพวกเขาก็สามารถยอมส่งมอบให้ได้ แต่ว่ายาเม็ดนี้มันล้ำค่ามากกว่ายาเม็ดระดับเก้ามากนัก มันเป็นถึงยอดแห่งยาในระดับเก้าเชียว!
ไม่รู้เป็นเพราะว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นสั่งสอนมาให้เสียคน หรือเป็นตระกูลจินที่ใช้เงินดั่งดินทำให้พวกเขาเสียคน
ตระกูลจินอยู่ดีๆก็โดนกล่าวโทษไปเสียดื้อๆ
หลังจากที่หัวหน้าหุบเขาซือคงกินยานั้นเข้าไปแล้วก็รู้สึกสบายไปทั้งตัวขึ้นมา
เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “ข้า….ข้ารู้สึกว่ามีพลังวิญญาณหมุนเวียนในเส้นเลือดลมแล้ว”
“ข้า…”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “เช่นนั้นท่านหัวหน้าหุบเขาซือคงพักผ่อนให้ดีๆ ขอให้ท่านหายดีในเร็ววัน!”
ผู้ดูแลใหญ่กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ยานั่นกลับได้ผลเร็วเช่นนี้”
“ข้าขอตัวก่อน!”
เขาไปรายงานต่อผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาอย่างหดหู่ ผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาเองก็ตกตะลึงแล้วกล่าวขึ้น “เป็นไปได้อย่างไร?
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ข้านั้นเป็นที่หนึ่งในโลกแห่งการปรุงยาของแดนใต้ ยังจะมีใครมาเทียบกับข้าได้!”
ฝ่ามือข้างหนึ่งของเขาตบลงไปที่บนหน้าของตนเอง ผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดารู้สึกว่าบนหน้าของตนนั้นมีอาการแสบๆร้อนๆ
“ท่านผู้เฒ่า ผู้นั้นเป็นเพียงแค่นักปรุงยาระดับสูงผู้หนึ่ง เขาเทียบกับท่านไม่ได้เลย! บางทีอาจจะเป็นเพราะสูตรยาของยานั่น ข้าได้ยินเด็กสาวนั่นบอกว่า นั่นเป็นถึงสูตรยาโบราณเชียว!”
“ใช่ใช่ใช่! จะต้องเป็นเพราะสูตรยาอย่างแน่นอน ต้องใช่แน่!” เมื่อหาเหตุผลข้อหนึ่งให้แก่ตนเองได้ ผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
“ในภายหลังสูตรยานั่นจะต้องเป็นของข้าอย่างแน่นอน คอยจับตาดูเจ้าเด็กสองคนนั้นเอาไว้ให้ดู” ผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดากล่าวพร้อมยิ้ม
“ขอรับ!”
หลังจากมอบยาเม็ดให้แก่หัวหน้าหุบเขาไปแล้ว มู่เฉียนซีและจวินโม่ซีก็ได้ใช้ชีวิตตามปกติเช่นเดิม
สามวันต่อมาหัวหน้าหุบเขาซือคงก็ได้ฟื้นฟูจนหายดีอย่างสมบูรณ์
แต่อย่างไรก็ตามเขาได้สั่งให้เก็บข่าวนี้เอาไว้เป็นความลับ นอกจากตนเองกับบุตรชายและเหล่าผู้ที่สามารถเชื่อใจได้ เขามิได้แพร่งพรายแก่ผู้ใดเลย
ความคับข้องใจในหลายวันมานี้เขาจะต้องทวงคืนอย่างแน่นอน
เจ้าสุนัขนั่นกล้าที่จะมาขี่หัวของเขา เขาจะต้องให้พวกนั้นได้รับความลำบากแน่ ในตอนนี้ปล่อยให้พวกนั้นได้ใจไปอีกสักสองสามวันก่อน!
“สาวน้อยกับเจ้าหนุ่มน้อยนั่น ข้าจะต้องขอบคุณพวกเขาให้ดีเสียหน่อย! ชเวเอ๋อร์ ช่วยพ่อจัดการเรื่องเรื่องหนึ่ง!”
ซือคงชเวรู้ว่าบิดาของตนหายดีแล้ว วันที่เขาจะได้กลับมาผงาดอีกครั้งอยู่อีกไม่ไกล
อย่าว่าแต่บิดาของเขาให้เขาทำเรื่องเรื่องหนึ่งเลย ถึงต่อให้เป็นร้อยเรื่องเขาก็ยินดี!
“ขอรับ! ข้ารู้แล้ว! ท่านพ่อ!” ซือคงชเวกล่าว
จวินโม่ซีกล่าว “เจ้าว่าพวกเราช่วยเขาแล้ว แต่เจ้าหมอนั่นกลับไม่รู้จักขอบคุณเอาเสียเลย คนของหุบเขาหมอเทวดานี่ช่างเป็นจิตใจคับแคบกลุ่มหนึ่งเสียจริง!”
ในตอนนั้นตระกูลโอสถของจวินโม่ซีก็เคยช่วยเหลือพวกเขามาก่อน แต่สุดท้ายก็ถูกทรยศ!
มู่เฉียนซีกล่าว “ใครบอกว่าเขาจะไม่มากล่าวขอบคุณกันเล่า นั่นมิใช่ว่ามาแล้วหรือ?”
จวินโม่ซีผลักประตูเปิดออก และเห็นชายหนุ่มรูปงามที่เดินมาหาเขา ชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มแล้วกล่าว “ท่านผู้นี้ก็คือพี่ชายมู่! แล้วแม่นางมู่อยู่หรือไม่?”
จวินโม่ซีตอบ “อยู่ ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นใคร? มาหาพวกเรามีอะไร?”
ซือคงชเวกล่าว “ข้ารู้ว่าเจ้าทั้งสองคนที่มีนิสัยสบายๆ อีกทั้งยินดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่นและเป็นคนตรง ดังนั้นแล้วข้าเลยอยากที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเจ้า!”
มู่เฉียนซีเดินออกมาแล้วกล่าว “ข้ามีความสุขนักที่ได้เป็นเพื่อนกับชายหนุ่มรูปงามที่หล่อเหลาเช่นเจ้า”
จวินโม่ซีที่อยู่ด้านข้างรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาราวกับหนังไก่
เจ้าสองคนนี้ช่างเป็นพวกที่ใส่หน้ากากเข้าหากันเสียจริง!
ซือคงชเวยิ้มแล้วกล่าว “ขอบคุณศิษย์น้องมากที่กล่าวชม!”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีหมองคล้ำ นางแสยะมุมปาก ศิษย์น้อง!
ดังนั้นแล้วซือคงชเวจึงได้มาหาพวกเขาทุกวี่วัน ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาได้พึ่งพิงนายน้อยแห่งหุบเขาผู้นี้เข้าให้แล้ว
“หึ! บ้าจริง! อย่าได้คิดว่ามีซือคงชเวคอยคุ้มครองอยู่แล้วพวกเราจะไม่กล้าทำอะไร” เก๋อเหลียงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
เก๋อซือกล่าว “ถ้าหากว่าซือคงชเวมาขัดขวางละก็ ก็จัดการมันด้วยกันเสีย! อย่างไรเสียผู้เป็นบิดาของมันก็ใกล้จะตายแล้ว มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก”
“ศิษย์น้องชายมู่” จวินโม่ซีเห็นหน้าซือคงชเวทุกวัน ก็อยากที่จะเข้าไปซัดเสียสักหมัด แต่ในที่สุดเขาก็อดทนเอาไว้ได้
ในตอนนี้เขาทำได้เพียงแต่รอให้มู่เฉียนซีทำตามแผนการได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการที่จะเห็นเจ้าหมอนี่ที่นาขยะแขยงไปทุกวี่วัน
จวินโม่ซีถามขึ้น “มีอะไรหรือไม่?”
“หุบเขาหมอเทวดาของพวกเราได้ข่าวมาว่า มีการพบไขกระดูกราชาหยกเขียวที่ป่าฉงอวี่ หุบเขาหมอเทวดามีแผนที่จะส่งคนเข้าไปซึ่งนำกลุ่มโดยผู้อาวุโสสามคน ในขณะเดียวกันก็จะนำลูกศิษย์รุ่นหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งออกไปฝึกฝนด้วย นอกจากตัวข้าแล้วข้าได้เสนอชื่อพวกเจ้าแก่บิดาของข้าไปแล้ว ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่าพวกเจ้ายินยอมที่จะไปหรือไม่?”
“ไขกระดูกราชาหยกเขียว หมายถึงไขกระดูกราชาหยกเขียวที่พันปียากจะหยดลงมาสักหยดนั่นหรือ?” เสียงอันไพเราะเสียงหนึ่งลอยออกมา มู่เฉียนซีได้พักการฝึกบำเพ็ญแล้วเดินออกมา
ไขกระดูกราชาหยกเขียวก็เป็นหนึ่งในบรรดาสมุนไพรวิญญาณที่นางต้องการ นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้ข่าวนี้จากพวกหุบเขาหมอเทวดา แน่นอนว่านางจะไม่ยอมพลาดโอกาสไปแน่
“ในเมื่อศิษย์น้องรู้จักไขกระดูกราชาหยกเขียวชัดเจนเช่นนี้ คาดว่าเจ้าคงจะไม่พลาดโอกาสในครั้งนี้ไป”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเองก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว อยากที่จะออกไปฝึกฝนสักหน่อย นอกจากพวกเราแล้วยังมีผู้อื่นไปอีกหรือไม่?”
เมื่อกล่าวถึงผู้อื่น สีหน้าของซือคงชเวไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด “ยังจะมีใครอีกเล่า? ก็เจ้าสองพี่น้องไร้ค่าตระกูลเก๋อนั่นไง”
ดวงตาของมู่เฉียนซีฉายแววอันหม่นหมองออกมา “ไปกับพวกเขาจะไม่เกิดเรื่องอะไรวุ่นวายขึ้นหรือ? ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้กลัวพวกเขาก็ตาม”
ซือคงชเวกล่าว “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน ให้พวกมันลองลงมือดูสิ!”
พลังความสามารถของซือคงชเวแข็งแกร่งกว่าเก๋อซือบวกกับบิดาของตนที่เป็นหัวหน้าหุบเขาได้ฟื้นคืนพลังขึ้นมาแล้ว เขามิจำเป็นต้องเกรงกลัวสองคนนั้นเลยแม้แต่น้อย
“อื้ม! เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน!”
เช้าวันรุ่งขึ้น ซือคงชเวก็ได้มารับตัวพวกเขาออกไปที่ด้านนอกของหุบเขาหมอเทวดา
ปรากฏว่าเมื่อเห็นสามคนที่คุ้นตาตนเดินเข้ามา เขาก็กล่าวด้วยความเกรี้ยวโกรธ “พวกเขาสองคนมาได้อย่างไร? สองคนนั้นมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย?”
ซือคงชเวกล่าว “ศิษย์น้องมู่ทั้งชายหญิงล้วนแต่เป็นมิตรสหายของข้า ข้าเป็นผู้เชิญเขามาเอง เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?”
ผู้อาวุโสที่หนึ่งกล่าว “สองคนนี้เป็นศิษย์ใหม่ที่แม้แต่ท่านผู้เฒ่าก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ จึงได้พาออกไปเพื่อฝึกฝนให้มีประสบการณ์บ้างเล็กน้อย นั่นก็เป็นเรื่องประจวบเหมาะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก”
เก๋อเหลียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ เขาได้ไปบีบบิดาของตนอยู่ตั้งนานถึงได้ยอมให้ตนติดตามผู้เป็นพี่ใหญ่ออกมาได้ พวกเขาสองคนมาใหม่นั้นมีสิทธิ์อันใด?
เก๋อซือดึงตัวน้องชายของตนเอาไว้แล้วกล่าว “มันออกมาด้านนอกแล้วก็ดี เช่นนี้ถึงจะมีโอกาสจัดการพวกมันมิใช่หรือ?”
เมื่อเก๋อเหลียงได้ยินเช่นนั้นบนใบหน้าก็เผยความยินดีออกมา
“จะตามไปก็ตามไปแล้วกัน เมื่อถึงเวลาจงอย่ามาถ่วงพวกเราแล้วกัน!”
มู่เฉียนซีเปิดปากกล่าว “แม้แต่กับข้า เจ้ายังสู้ไม่ได้ ถึงต่อให้มีคนที่เป็นตัวถ่วง คนผู้ที่ถ่วงนั้นก็คงจะเป็นเจ้า!”