ซือคงชเวกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ข้ามิใช่แบบที่ที่ศิษย์น้องชอบ เจ้าหลอกข้าแน่! หากนางต้องการอะไรข้าก็มีให้หมด แล้วจะไม่ใช่คนแบบที่นางชอบได้อย่างไร?”
จวินโม่ซีกล่าว “ให้ข้านึกถึงมาตรฐานของผู้ที่นางชอบสักหน่อยนะ!”
“รีบบอกมา!” ซือคงชเวกล่าว
“ข้อแรกคือ ต้องแข็งแกร่งกว่านาง” จวินโม่ซีกล่าว
“พลังความสามารถของข้าแข็งแกร่งกว่าศิษย์น้องถึงสามขั้น มันยังไม่พออีกหรืออย่างไร?” ซือคงชเวกล่าวถาม
“นายน้อย เจ้าได้ใช้ยาอะไรไป พวกเราที่เป็นนักปรุงยาล้วนแต่รู้กันดี ถึงแม้ว่าตอนนี้สาวน้อยนั่นจะยังระดับขั้นต่ำกว่าเจ้า แต่หลังจากนั้นไปเกรงว่าคงไม่ใช่แล้ว”
จะไปยึดถือเอาอะไรกับระดับที่สูงกว่าเพียงสามขั้น? ด้วยความวิปริตของสาวน้อยผู้นั้น เวลาเพียงครึ่งปีนางก็สามารถไล่ตามได้ทันอย่างไม่เป็นปัญหา
สีหน้าของซือคงชเวแข็งทื่อ “ประสิทธิภาพของยานั้นมันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น มันจะไม่คงอยู่ยาวนานนักหรอก”
จวินโม่ซียิ้มแล้วกล่าว “แล้วก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง! เจ้าเด็กสาวนั่นค่อนข้างจะเอาตนเองเป็นใหญ่ ถ้าหากว่าคนที่นางชอบไปทำให้นางโกรธ พิษของนางจะไม่เกรงใจด้วยเป็นแน่ พิษของนางนั้นมิได้ด้อยไปกว่าการปรุงยาของนางเลย นายน้อยต้องคิดให้ดี ๆ นะ”
ซือคงชเวรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก “หน้าตาก็ไม่ได้สวยกลับยังมีมาตรฐานสูงเช่นนั้นอีก บ้าจริง!”
“นายน้อยว่าอะไรนะ?” สายตาของจวินโม่ซีส่องประกายอันเย็นวาบออกมา
“ไม่มีอะไร ข้าจะพยายามไปให้ถึงมาตรฐานของศิษย์น้อง ถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่ในมาตรฐานของนางแต่ก็ห้ามมิให้เจ้าทำให้ศิษย์น้องชอบเจ้า” ซือคงชเวกล่าวคุกคามแล้วเดินจากไป
“ในเมื่อยังมีใจไม่ยอมแพ้ เดินทัพอย่างยากลำบากแต่มิรู้จักถอย ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!” จวินโม่ซีมองตามเงาร่างของเขาไป
วันนี้เรื่องของซือคงชเวก็ได้เงียบสงบลงมาแล้ว จวินโม่ซีที่เป็นโล่กันลูกศรก็นับว่าทำงานได้ดีสมกับหน้าที่
แต่ทว่าถึงแม้กันท่าซือคงชเวเอาไว้ได้แล้ว ก็กลับมีคนอีกผู้หนึ่งมาหาถึงที่อีก “เฟิงเยี่ยซีอยู่ที่ไหน? นางปีศาจจิ้งจอกจงไสหัวออกมา”
“คิกคัก! ปีศาจจิ้งจอก!”
จวินโม่ซีได้ยินผู้อื่นเรียกมู่เฉียนซีเช่นนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังอดหัวเราะมิได้
ปัง ปัง ปัง! จวินโม่ซีไปเคาะประตูห้องมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ผู้ที่มาคราวนี้ไม่ใช่ซือคงชเว แต่เป็นหญิงสาวนางหนึ่ง นี่มิได้อยู่ในขอบเขตที่ข้าจะต้องจัดการ เจ้ามาจัดการเอาเอง!”
มู่เฉียนซีเดินออกมาจากห้องแล้วกล่าว “จัดการเองก็จัดการเอง”
“ข้าว่าเจ้าซือคงชเวนั่นเป็นปัญหาวุ่นวายอย่างหนึ่ง อย่างไรเสียก็วางยาพิษให้นอนต่อไปยาว ๆ อย่างไม่ทันรู้ตัวเสียจะดีกว่า” จวินโม่ซีกล่าว
“อย่างไรเสียก่อนที่จะได้สัมผัสใกล้ชิดกับไอ้เฒ่านั่น จงอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเสียจะดีกว่า”
“แน่นอนสิ เพราะว่าเจ้ามิได้เป็นผู้เผชิญหน้ากับเขาก็เลยพูดได้สบาย ๆ ข้านั้นเกือบที่จะเอาไอ้คนน่าขยะแขยงที่หลงตัวเองจับยัดกระสอบแล้วซัดสักครู่จากนั้นก็เอาไปโยนที่หน้าผาไปหลายรอบแล้ว
“บางทีในอนาคตเจ้าอาจได้โอกาสนั้นแต่ไม่ใช่ในตอนนี้” มู่เฉียนซีกล่าว
“เฟิงเยี่ยซี เจ้าไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะออกมาเจอหน้าข้าหรือ? ปอดแหก” ผู้ที่อยู่ด้านนอกยังคงร้องตะโกนลั่น
มู่เฉียนซีออกมามองผู้ที่อยู่ตรงหน้าของนางอย่างพิจารณา “เจ้ามาหาข้าหรือ?”
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านางสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลือง นางมีเข็มขัดหยกมัดเอวอันบอบบางไว้อย่างเข้ารูป ใบหน้างดงามราวกับดอกชบา ช่างเป็นหญิงสาวที่สวยงามผู้หนึ่งเสียจริง
ช่างกวนเซียงมองหญิงสาวที่รูปลักษณ์หน้าตาธรรมดาๆตรงหน้า นางไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองแม้แต่น้อย
“เจ้า….เจ้าคือเฟิงเยี่ยซี จะเป็นไปได้อย่างไร?”
“สายตาของพี่ชเวไม่ได้แย่เช่นนั้นหรอก!”
“ต้องโกหกกันแน่ๆ ให้เฟิงเยี่ยซีตัวจริงไสหัวออกมา”
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่พูดด้วยแล้ว”
“เจ้า…เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” ช่างกวนเซียงกล่าว
“เจ้าคือเฟิ้งเยี่ยซีจริงหรือ?”
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีไม่สนใจใยดีนาง ทันทีที่ร่างกายของช่างกวนเซียงเริ่มขยับ นางก็ได้พุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี
“ข้าต้องการที่จะท้าประลองกับเจ้า!” ช่างกวนเซียงกล่าว
มู่เฉียนซีหยุดเท้าลงแล้วกล่าวตอบ “ท้าประลองกับข้า เจ้าอยากที่จะประลองยุทธ์กับข้าหรือประลองการปรุงยา?”
“แน่นอนว่าเป็นการประลองยุทธ์!”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ข้าตอบตกลง”
แม้ว่านางจะไปฝึกบำเพ็ญที่เขาโอสถทุกวัน แต่พลังความสามารถที่เพิ่มขึ้นนั้นก็ยังไม่เร็วพอ นางกำลังกังวลในเรื่องที่ไม่มีใครเป็นคู่ให้นางได้ฝึกการต่อสู้จริงอยู่พอดี!”
เพราะในหุบเขาหมอเทวดาแห่งนี้ นางมีความสัมพันธ์กับนายน้อยแห่งหุบเขา เลยไม่มีผู้ใดกล้าที่จะท้าประลองกับนาง
มาตอนนี้มีเป้าเคลื่อนไหวตัวเป็น ๆ ปรากฏขึ้นมา นางยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประลองกับนาง
“เช่นนั้น เจอกันที่สนามประลอง!”
ในหุบเขาหมอเทวดาแบ่งสนามประลองเป็นสองประเภท
ประเภทแรกคือสนามประลองยุทธ์ ส่วนประเภทที่สองคือสนามประลองปรุงยา
การประลองกับศิษย์ในสำนักเดียวกันเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยปกติแล้วมักจะเป็นการประลองปรุงยา เพราะหุบเขาหมอเทวดาเป็นสำนักปรุงยาใหญ่อันดับหนึ่งของแดนใต้
มู่เฉียนซีถามขึ้น “สนามประลองยุทธ์?”
“ทำไมเล่า? กลัวแล้วเหรอ? ดูจากสภาพเจ้าแล้วพลังความสามารถคงจะไม่เท่าไร คงจะเป็นหนอนหนังสือที่เป็นแต่การปรุงยา แต่ถ้าหากว่าเจ้าอยากจะประลองการปรุงยา ข้าก็สามารถประลองกับเจ้าได้!” ช่างกวนเซียงกล่าว
มู่เฉียนซียิ้มบาง ๆ “เปล่า การประลองยุทธ์นั้นกำลังพอดีกับความต้องการของข้า”
“มีความกล้าที่ไม่เลว ไปกันเถอะ!”
ข่าวการประลองระหว่างมู่เฉียนซีกับช่างกวนเซียงได้แพร่กระจายออกไป ก็ได้เกิดความโกลาหลขึ้นจากเหล่าบรรดาศิษย์ไปทั่วทั้งหุบเขาหมอเทวดา
“ศิษย์พี่ช่างกวนออกมาจากการเก็บตัวแล้ว!”
“ศิษย์พี่ช่างกวนถือว่าตนเองเป็นคู่หมั้นของนายน้อยแห่งหุบเขามาโดยตลอด นางคงได้ข่าวว่านายน้อยไปตามตอแยเฟิงเยี่ยซีมาแน่ ๆ นางจึงถึงกับนั่งไม่ติดและออกจากการเก็บตัวฝึกฝนก่อนกำหนด”
“ศิษย์พี่ช่างกวนเป็นถึงหนึ่งในร้อยอัจฉริยะนักปรุงยาแห่งหุบเขาหมอเทวดา อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการฝึกบำเพ็ญมากที่สุดในคนเหล่านั้น เฟิงเยี่ยซีไปประลองยุทธ์กับนางเช่นนั้นได้ตายแน่”
“ช่างกวนเซียงออกมาขัดขวางเช่นนี้! บ้าจริง!” เมื่อซือคงชเวที่มานะฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอดได้ข่าวเรื่องนี้เข้าก็แทบที่จะกระอักเลือดออกมา
เดิมทีเขาเตรียมที่จะบรรลุระดับมหาจักรพรรดิเพื่อที่จะไปให้ถึงมาตรฐานของมู่เฉียนซี แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้แก่สถานการณ์
“ข้าต้องรีบไปที่ลานประลองเพื่อหยุดสตรีทั้งสองนางนั้น” ซือคงชเวกล่าว
ในตอนนี้หญิงสาวทั้งสองได้ยืนอยู่บนเวทีประลองยุทธ์ของหุบเขาหมอเทวดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มุมหนึ่งเป็นหญิงสาวที่งดงาม อีกมุมหนึ่งกลับเป็นหญิงสาวที่ดูธรรมดา
พวกศิษย์ที่มาร่วมชมล้วนแต่คิดว่าถ้าหากพวกเขาเป็นนายน้อยละก็ สิ่งที่เขาเลือกจะต้องเป็นช่างกวนเซียงอย่างแน่นอน มิใช่เลือกเฟิงเยี่ยซี
ช่างกวนเซียงกล่าว “เริ่มลงมือสู้ได้หรือยัง? ข้าคันไม้คันมือมานานแล้ว เจ้าว่าข้าจะสามารถชนะเจ้าได้ในกระบวนท่าเดียวหรือสามกระบวนท่ากันนะ?”
มู่เฉียนซีส่ายหน้าแล้วกล่าว “ขอโทษด้วย ล้วนแต่ไม่ใช่ทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าคงจะทำให้เจ้าผิดหวังเสียแล้ว”
“เช่นนั้น รอถูกข้าเอาชนะในกระบวนท่าเดียวก็แล้วกัน!”
ขณะที่ช่างกวนเซียงคิดที่จะลงมือนั้น ซือคงชเวก็มาได้ทันเวลาพอดี
“ช้าก่อนสาวน้อยทั้งสอง มีอะไรให้สู้กันหนักหนา ล้วนแต่หยุดเสียทั้งคู่!”
ช่างกวนเซียงมองไปที่ซือคงชเวแล้วกล่าว “พี่ชเว ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะออกมาจากการเก็บตัวฝึกได้ แต่เจ้ากลับไม่มาเจอข้า ล้วนเป็นเพราะเจ้าเด็กสาวนี่ใช่หรือไม่?”
ซือคงชเวกล่าว “เซียงเอ๋อร์ เจ้าจะต้องเข้าใจอะไรผิดไปอย่างแน่นอน ข้านั้นชอบศิษย์น้องด้วยใจจริงถึงได้มุมานะเพื่อนาง ข้าไม่อยากที่จะไร้ประโยชน์เสียจนไม่คู่ควรพอกับนาง”
ในตอนนี้ซือคงชเวได้มองไปทางมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง
มู่เฉียนซีแสยะยิ้มเล็กน้อย และทุกคนที่อยู่รอบบริเวณลานประลองนั้นก็เกิดพูดคุยโหวกเหวกกันขึ้นมา
“เดิมทีคิดว่านายน้อยคงแค่อยากลองเปลี่ยนรูปแบบดูก็เท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่ารอบนี้จะเอาจริง”
“ศิษย์น้องผู้นี้มีรูปลักษณ์ที่ธรรมดาแต่กลับทำให้นายน้อยลุ่มหลงได้จนถึงขั้นนี้ ช่างไม่ธรรมดาเลยเสียจริง ๆ!”
“ศิษย์พี่ช่างกวนผู้น่าสงสาร นางจะถูกนายน้อยทอดทิ้งไปหรือไม่?”