เจ้าสำนักเฝินกล่าว “หอหมอปีศาจยังไม่มา”
“หมอปีศาจ!” เมื่อได้ยินชื่อนี้ ซือคงเลี่ยวก็ตกใจสะดุ้งขึ้น
เมื่อนึกถึงชายหนุ่มผู้ที่สามารถย้อนเวลาเพียงแค่โบกมือก็ทำให้คนกลายเป็นเด็กทารกได้ผู้นั้นขึ้น น่ากลัวเกินไปแล้ว
“หอหมอปีศาจ ก็คือหอหมอปีศาจที่ก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่ถึงปีนั่นน่ะเหรอ หอหมอปีศาจไม่ได้เป็นกองกำลังที่มีระดับอันใด เหตุใดถึงได้มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมใหญ่ในครั้งนี้ด้วย!”
“เรื่องนี้ เจ้าพูดผิดแล้ว นักปรุงยาของหอหมอปีศาจนั้นแข็งแกร่งมาก กำลังทรัพย์มากมายมหาศาล ไม่ใช่สิ่งที่สำนักของพวกเจ้าจะเปรียบเทียบได้” หัวหน้าหุบเขาเวินเหรินกล่าว
“แต่หอหมอปีศาจก็เป็นแค่ร้านยาร้านหนึ่งเท่านั้น!”
“ยังไม่นับว่าเป็นกองกำลังระดับหนึ่งเลย พวกเขามีสิทธิ์อันใด?”
ผู้ที่ส่งเสียงกล่าวเช่นนี้ ล้วนแต่เป็นผู้ไม่รู้ชัดในสถานการณ์
แม้กระทั่งสำนักเฝินเยี่ยนก็ยังรู้สึกหวาดกลัวหอหมอปีศาจ
เม็ดยาวิญญาณของพวกเขาล้วนแต่มีประสิทธิภาพดีมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าเอาชนะผู้แข็งแกร่งมามากเพียงใดแล้ว
พิษของพวกเขา ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิก็จำต้องหวาดผวา หากไม่ระวังมีหวังต้องโดนพิษเป็นแน่
หน่วยข่าวของหอหมอปีศาจก็ได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งแดนใต้แล้ว
อีกทั้งความมั่งคั่งของหอหมอปีศาจ ช่างเป็นที่น่าทึ่งจริง ๆ แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจหยั่งรู้ถึงความลึกตื้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งที่หัวหน้าหุบเขาซือคงเป็นกังวล สิ่งที่เขาเป็นกังวลนั้นก็คือ
“หมอปีศาจมาหรือยัง?”
หากเจ้าสำนักเฝินบอกว่าหมอปีศาจมาแล้ว เขาก็มีความวู่วามที่จะวิ่งหนีไปทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นที่สำนักศึกษาซวนเหลยในครานั้น เป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตเขาแล้ว
เจ้าสำนักเฝินกล่าว “หมอปีศาจเก็บตัวอยู่ แน่นอนว่าไม่มา ผู้ที่มาก็คือผู้ที่ดูแลหอหมอปีศาจ”
ในที่สุดซือคงเลี่ยวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ซือคงชัวเห็นการแสดงออกของท่านพ่อตนเองเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจมาก
ต่อให้ท่านพ่อจะอยู่ต่อหน้าท่านผู้เฒ่า แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีที่หวาดกลัวถึงเพียงนี้
หมอปีศาจผู้นั้น เป็นคนเช่นไรกันแน่!
ตอนนี้จวินโม่ซีแอบหัวเราะอยู่ในใจ หากหัวหน้าหุบเขาซือคงรู้ว่าหมอปีศาจกับหัวหน้านักปรุงยาของหอหมอปีศาจนั่งอยู่ข้างเขา ไม่รู้ว่าเขาจะมีความรู้สึกเช่นไร
“ท่านผู้ดูแลโม่ จากหอหมอปีศาจมาถึงแล้วขอรับ!” มีคนรายงานขึ้น
ร่างในชุดสีม่วงเข้มปรากฏต่อสายตาทุกคน รูปงามอย่างไร้ที่ติ บุคลิกโดดเด่น ไม่ใช่ผู้ที่ซือคงชัวจะสามารถเทียบได้
โม่จิ่นเป็นเพียงแค่มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นพลังความแข็งแกร่งที่ต่ำที่สุดในบรรดาพวกเขา
ทว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขานั้นล้วนแต่แข็งแกร่งทั้งสิ้น
อีกทั้งยังมีราชาแห่งพิษ ความพร้อมของกำลังพลนั้นไม่ใช่เล็ก ๆ เลย
เป็นครั้งแรกที่ได้เป็นตัวแทนของหอหมอปีศาจมาเข้าร่วมการประชุมใหญ่ในครั้งนี้ และแน่นอนว่าโม่จิ่นนั้นมาพร้อมกับมาตรฐานที่สูงที่สุด จะให้ใครหน้าไหนมาดูถูกหอหมอปีศาจไม่ได้เด็ดขาด
หอหมอปีศาจได้แย่งชิงการค้าของหุบเขาหมอเทวดาของพวกเขาไป ทั้งสองเปรียบเสมือนน้ำกับไฟ
ทว่า หัวหน้าหุบเขาซือคงเห็นพวกเขาแล้ว กลับไม่กล้าโกรธเกรี้ยวแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้ผู้คนต่างก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ส่วนผู้ที่ตาดีก็ล้วนแต่ดูออกว่าหัวหน้าหุบเขาซือคงนั้นกำลังเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจ
หุบเขาหมอเทวดาที่กระทำเรื่องอันธพาล ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะอดทนเก็บเอาไว้ในใจ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขานั้นล้วนแต่จินตนาการไม่ถึงเลย
ดังนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะกล่าววาจาติฉินนินทาใดใดต่อหอหมอปีศาจ คนผู้หนึ่งสามารถสร้างกองกำลังที่มีอิทธิพลอันทรงพลังได้ในช่วงเวลาสั้นเช่นนี้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่เบื้องหลังจะไม่มีผู้แข็งแกร่งอยู่
เจ้าสำนักเฝินกล่าว “ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว เช่นนั้นเราก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ค่ายกลส่งระยะไกลของแดนใต้ พวกเราจำเป็นต้องซ่อม ข้าได้ส่งคนไปสืบมาแล้ว ในแดนใต้ของพวกเรามีผู้ที่เข้าใจในการซ่อมค่ายกลส่งระยะไกลอยู่ ท่านปรมาจารย์เจีย ตอนนี้ท่านกำลังเก็บตัวอยู่”
“แล้วยังจะรออะไรอยู่อีกล่ะ พวกเราก็ไปเชิญท่านปรมาจารย์เจียให้ออกจากการบำเพ็ญสิ”
“ใช่ ให้เขารีบซ่อมค่ายกลส่งระยะไกล ข้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการที่แดนเหนืออีกด้วย”
“……”
เจ้าสำนักเฝินกล่าว “พวกเจ้าคิดว่าท่านปรมาจารย์เจียเป็นคนที่พวกเจ้าอยากจะเชิญก็เชิญออกมาได้อย่างนั้นเหรอ?”
ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไป ถึงแม้ว่านักปรุงยากับนักหลอมอาวุธจะเป็นผู้มีเกียรติสูงสุดในดินแดนสี่ทิศ แต่ก็ยังมีคนบางอยู่
และคนที่เข้าใจในการซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกล ในแดนใต้เกรงว่าจะมีเพียงแค่คนเดียว
ไม่สามารถบีบบังคับ ไม่สามารถยั่วยุได้ มิเช่นนั้นเขาจะไม่ทำ และเกรงว่าค่ายกลส่งระยะไกลจะไม่อาจซ่อมกลับมาได้อีก
“ปรมาจารย์เจียก็อยู่แดนใต้ ไม่ชอบให้แดนใต้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเช่นนี้แน่นอน!”
“ข้าว่าผู้สูงศักดิ์อย่างปรมาจารย์เจียก็คงไม่อยากให้แดนใต้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นแน่!”
“……”
เจ้าสำนักเฝินกล่าว “ข้าได้ส่งคนไปเชิญปรมาจารย์เจียแล้ว อีกไม่นานคงจะมีข่าวตอบกลับมา!”
พวกเขาทำได้เพียงแค่รออย่างสงบจิตสงบใจ อย่างน้อยมันก็พอมีทางไม่ใช่เหรอ
ไม่นานนัก ร่างในชุดขาวก็ได้ปรากฏตัวขึ้นกลางห้องโถงในที่ประชุม
เขากล่าว “รายงานท่านเจ้าสำนัก ท่านปรมาจารย์เจียบอกว่าสามารถซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกลได้ แต่เพียงแค่ความรู้ความเข้าใจในการซ่อมแซมของท่านปรมาจารย์เพียงอย่างเดียวก็คงจะไร้ประโยชน์ หากหินมิติไม่เพียงพอ ไม่มีใครสามารถซ่อมค่ายกลส่งระยะไกลให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”
ทุกคนต่างก็โกลาหลขึ้น “หินมิติ ตั้งแต่ผู้ที่มีพลังธาตุมิติมีน้อยลง หินมิติก็ได้หายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์แล้ว”
“คิดจะหาหินมิติ ก็คงจะหายากกว่าหาสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์แล้วล่ะ!”
“เดิมทีแดนใต้ของพวกเราก็ขาดแคลนอยู่แล้ว ของล้ำค่าอย่างหินมิติไฉนเลยจะมีอยู่ในแดนใต้ได้”
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง หินมิติ!
ดูเหมือนว่าหากอยากใช้หอฉงโหลวบนเมฆาข้ามมิติ ก็จำเป็นต้องใช้หินมิติเป็นจำนวนมาก
หากสามารถเปิดหอฉงโหลวบนเมฆาได้ ไม่ว่านางอยากจะไปที่แห่งใดในดินแดนสี่ทิศ ก็ย่อมทำได้
ทว่า ได้ทำพันธสัญญากับหอฉงโหลวบนเมฆามานานมากแล้ว แต่นางกลับไม่ได้ข่าวของหินแห่งมิติเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ การซ่อมแซมค่ายกลระยะไกลของแดนใต้ นึกไม่ถึงว่าจำเป็นต้องใช้หินมิติด้วย
เจ้าสำนักเฝินกล่าว “ถึงแม้ว่าหินมิตินั้นจะหายาก แต่ไม่แน่ก็อาจจะมีอยู่ในแดนใต้ก็ได้ ตอนนี้ทุกคนก็อยู่พร้อมกันที่นี่แล้ว เพราะฉะนั้น หวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างสุดความสามารถใช้ทุกช่องทางเพื่อหาที่อยู่ของหินมิติให้ได้”
“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว!”
“พวกเราหอโม่ปิงจะพยายามหาหินมิติอย่างสุดความความสามารถ!” ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่แห่งเหลยโจว หัวหน้าหอโม่ปิงจึงเอ่ยปากกล่าวออกมา
ซือคงเลี่ยวกล่าว “พวกเราหุบเขาหมอเทวดา จะไม่โยนความรับผิดชอบนี้แน่นอน!”
“พวกเรา……”
เจ้าสำนักเฝิน “เช่นนั้นก็ดี แต่ละกองกำลังรับผิดชอบหาในดินแดนของตนเอง และจะต้องหาหินมิติมาให้ได้ภายในเวลาอันสั้น!”
การประชุมในครั้งนี้ไม่ได้กล่าวเรื่องสาระมากเกินไป เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนมาก
แต่ละกองกำลังก็ไม่ได้วางแผนจะโค่นกันและกัน การซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกลนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ก่อนจะออกไปจากสำนักเฝินเยี่ยน หัวหน้าหุบเขาซือคงกล่าวว่า “เรื่องการหาหินมิตินี้ ข้าจะกลับไปหยู่โจวและถ่ายทอดคำสั่ง ส่วนพวกเจ้ารอฟังข่าวอยู่ที่เหยียนโจว”
มู่เฉียนซีไม่มีความเห็น พยักหน้าพลางได้ “ตกลง!”
ซือคงเลี่ยว “นี่ก็น่าจะเป็นครั้งแรกที่พวกเจ้าได้มาแดนเหยียนโจว เหยียนโจวเป็นดินแดนที่ใหญ่ที่สุดในแดนใต้ พวกเจ้าค่อย ๆ เดินเล่นกันก็แล้วกัน ชัวเอ๋อร์ค่อนข้างจะรู้จักมักคุ้นเหยียนโจว ก็ให้เขาอยู่ดูแลพวกเจ้าเถอะ วัยหนุ่มสาวมีความชอบคล้าย ๆ กัน น่าจะมีเรื่องให้พูดคุยกันหลายเรื่อง”
มีคนน่ารำคาญเพิ่มหนึ่งคน มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีนั้นไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
จวินโม่ซีกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก หากข้าไม่ทันระวังทำบุตรชายอันเป็นที่รักของเจ้าตายไป หัวหน้าหุบเขาซือคงจะไร้ทายาทเอานะ”
ตอนนี้สถานะของพวกเขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นทัศนคติของจวินโม่ซีก็ยิ่งเหย่อหยิ่งมากขึ้น
“ศิษย์น้องมู่ก็อย่าได้พูดเล่นไปเลย มีคนดูแลเพิ่มอีกหนึ่งคนดีจะตาย!”
ไม่ว่าจวินโม่ซีจะไม่สบอารมณ์มากเพียงใด หัวหน้าหุบเขาซือคงก็ยังจะยืนกรานให้ซือคงชัวอยู่กับพวกเขา แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี สองพ่อลูกนี้ยังไม่ยอมตัดใจจริง ๆ!