“เจ้านี่ฟื้นตัวช้านัก ข้าไม่อยากที่จะให้สาวงามเช่นสุ่ยจิงอิ๋งมาคอยปกป้องร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้นานนัก”
“ข้าช้านานนัก นั่นมันล้วนเป็นเพราะใครกัน! นั่นมิใช่เพราะข้าได้หาผู้ที่อ่อนแอจนไม่ไหวผู้หนึ่งมาเป็นเจ้านายหรอกรึ!”
“หึหึ! ข้าอ่อนแอ ข้ารู้จักผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากผู้หนึ่ง เจ้าอยากที่จะเปลี่ยนเจ้านายใหม่หรือไม่เล่า!” มู่เฉียนซียิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมกล่าว
“เปลี่ยนเจ้านาย เจ้าฝันไปเถอะ! นางผู้หญิงบ้า เมื่อมีพี่สาวข้าแล้วก็ไม่อยากที่จะได้ตัวข้าแล้วใช่หรือไม่? ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าข้าจะตามติดไปกับพี่สาวของข้าตลอดเวลา เจ้าอย่าได้คิดที่จะสลัดข้าทิ้ง!” อาถิงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
เดิมทีก็ว่ากล่าวกันอยู่ดีๆ แต่สุดท้ายปรากฏว่าทั้งสองก็ได้ทะเลาะกันขึ้นมา
มู่เฉียนซีกล่าว “มิติส่งระยะไกลนี้ไม่มีทางที่จะจัดการได้จริง ๆ แล้วหรือ?”
“หึ! ตอนนี้ข้าไม่อยากที่จะพูดกับเจ้าผู้หญิงบ้า!” อาถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ จวินโม่ซี โม่จิ่น พวกเราไปกันเถอะ!”
อาถิงกล่าว “เห้ย! เจ้าไม่อยากจะรู้จริง ๆ เหรอ!”
“มิใช่ว่าเจ้าไม่อยากพูดหรือ?”
“เจ้าไม่อยากให้ข้าพูด ข้ายิ่งจะพูด!” อาถิงตั้งใจที่จะทำตัวขัดแย้งกับมู่เฉียนซี
เขาเปิดปากกล่าวขึ้น “สิ่งที่คนผู้นั้นกล่าวเอาไว้คือตามหาหินแห่งมิติ จากนั้นก็หาตัวผู้ที่สามารถซ่อมมิติระยะไกลนี้ก็จะสามารถซ่อมมันได้แล้ว! ถ้าหากตามหาหินแห่งมิติไม่พบ พลังของพี่สาวข้าก็ยังสามารถที่จะส่งตัวเจ้าออกจากแดนใต้ไปได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “หินแห่งมิติ! จะต้องหามันให้พบ!”
แต่ถ้าหากว่านางสามารถจากไปได้แต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้นนางคงจะต้องสร้างหอหมอปีศาจในสถานที่อื่นขึ้นมาใหม่
และรากฐานที่ได้วางเอาไว้ในแดนใต้ก็จะไม่ถูกใช้ประโยชน์เลยแต่อย่างใด เหล่าบุคคลที่ได้ฝึกฝนมานั้นก็ไม่สามารถที่จะใช้ได้ เช่นนั้นระยะเวลาในเรื่องการหาข่าวเกี่ยวกับหุบเขาหมอเทวดาของหอหมอปีศาจก็จะยืดยาวออกไปอีกไม่น้อย
ดังนั้นแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ตามเครื่องส่งระยะไกลแห่งนี้จะต้องซ่อมมันให้เสร็จสิ้น
เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซีได้ออกมาแล้ว ซือคงชัวได้วิ่งเข้ามาหาแล้วกล่าว “ศิษย์น้อง ในที่สุดเจ้าก็ออกมาเสียที หิวหรือไม่ เราไป……”
“คุณหนูซี ข้าได้จองอาหารที่หอจิ่วเหยียนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะไปร่วมทานอาหารกับข้าหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้สิ!”
พวกเขาทั้งสามคนจึงได้เข้าไปในห้องส่วนบุคคลที่ดีที่สุด ซือคงชัวทำได้แต่เพียงกร่นด่าสาปแช่งจวินโม่ซีและโม่จิ่นอยู่ที่ห้องส่วนบุคคลที่อยู่ติดกัน
เดิมทีเขานึกว่าเขาจะสามารถแสดงเสน่ห์ของตนได้ที่ทวีปเหยียนโจวและทำให้ศิษย์น้องสนใจเขา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้ดูแลใหญ่อย่างโม่จิ่นโผล่เข้ามา
ไม่ว่าเรื่องรูปลักษณ์ ความสง่างามหรือพื้นหลังด้านการเงินก็ล้วนแต่ได้เหยียบเขาเสียจนแบนติดดิน!
เดิมทีการเผชิญหน้ากับจวินโม่ซีทำให้เขารู้สึกว่าตนเองนั้นอยู่สูงส่ง แต่มาเผชิญหน้ากับโม่จิ่นในวันนี้ เขาถูกสร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจเสียจนโงหัวไม่ขึ้น
เมื่อไร้ซึ่งผู้อื่นมารบกวน มู่เฉียนซีและจวินโม่จึงได้กินอาหารมื้อนี้อย่างยอดเยี่ยม
เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอาหารส่วนบุคคลแล้ว ซือคงชัวก็กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าคิดที่จะหักหลังหุบเขาหมอเทวดาหรืออย่างไร? ถ้าหากว่าท่านผู้เฒ่ารู้เข้าละก็ จะต้องโกรธกริ้วเป็นอย่างมากแน่”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าว “ทรยศหุบเขาหมอเทวดา นายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”
“ท่านผู้เฒ่าไม่เคยออกคำสั่งให้ข้าลงมือกับพวกหอหมอปีศาจ ข้าก็แค่กินข้าวกับผู้ดูแลโม่ก็เท่านั้นเอง เป็นการทรยศที่ไหนกัน?”
คำพูดของมู่เฉียนซีทำให้ซือคงชัวพูดไม่ออก จวินโม่ซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ากล่าวใส่ร้ายศิษย์น้องของข้า เจ้าอยากให้ข้าเชือดเจ้าบัดนี้เลยใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินจวินโม่ซีกล่าวเช่นนี้ ซือคงชัวก็ถอยหลังออกไปหลายก้าว
“ศิษย์น้องมู่ เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ข้าคิดมากเกินไปหน่อย เจ้าอย่างได้โกรธเคือง!”
มู่เฉียนซีกล่าว “นายน้อยรู้ตัวว่าผิดก็ดี หลังจากนี้ไปคำพูดบางอย่างอย่าได้กล่าวมันออกมาส่งเดชเสียจะดีกว่า!”
“พวกเจ้า….”
ในตอนนี้ซือคงชัวอยากที่จะกลับไปหาบิดาของตน เขาไม่อยากที่จะทำต่อไปแล้ว
โม่จิ่นกล่าว “คุณหนูซีเป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง ที่ทวีปเหยียนโจวนี้มีร้านโอสถอยู่จำนวนมิน้อย ไม่ทราบว่าเจ้าอยากที่จะไปดูหน่อยหรือไม่?”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ได้สิ!”
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เริ่มกวาดซื้อโอสถในร้านใหญ่ต่าง ๆ
โม่จิ่นจ่ายเงินให้แก่มู่เฉียนซีอย่างกระตือรือร้น ไม่ว่าจะซื้อมากมายขนาดไหนโม่จิ่นก็ไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย
ซือคงชัวเห็นมู่เฉียนซีซื้อของมากมายก่ายกองเช่นนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบรับไม่ไหว หากไม่มาเดินตลาดจับจ่ายใช้สอยคงไม่รู้ว่าผู้หญิงนางนี้เป็นพวกใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
ถึงจะฟุ่มเฟือยก็ช่างเถอะ แต่ยังมีเจ้าโง่ผู้หนึ่งยินดีที่จะจ่ายเงินให้อีก ซือคงชัวนั้นรู้สึกเหลือเชื่อนัก
นึกไม่ถึงเลยว่ากำลังทรัพย์ของหอหมอปีศาจจะอุ่นหนาฝาคลั่งจนถึงขั้นนี้!
ซือคงชัวมาหาจวินโม่ซีเพื่อพูดคุย “ศิษย์น้องมู่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ศิษย์น้องของเจ้าจะถูกผู้อื่นแย่งไปเสีย เจ้าโม่จิ่นนั่นได้ใช้เงินทองไปเอาชนะใจศิษย์น้อง ช่างหยาบคายและไร้ยางอายเสียจริง”
“หรือว่าเจ้ายินยอมที่จะให้คนนอกมาแย่งชิงศิษย์น้องไป?”
จวินโม่ซีรู้สึกว่าซือคงชัวนั้นเกินที่จะเยียวยาได้แล้ว “ด้วยสติปัญญาเช่นเจ้าคิดที่จะมาก่อให้เกิดความร้าวฉาน เห็นได้ชัดเลยว่าเพลิงมันยังไม่แรงพอ ไม่ว่าสาวน้อยจะทำอะไร ข้าก็ล้วนแต่จะให้การสนับสนุนนาง ไม่จำเป็นให้เจ้าต้องมากล่าวอะไรพร่อย ๆ”
ซือคงชัวกล่าว “เจ้านี่ไม่รู้จักใจคนเสียจริง ๆ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะใจกว้างเช่นนั้น!”
แต่ทว่าจวินโม่ซีใจกว้างเช่นนั้นจริงๆ ให้โม่จิ่นเป็นผู้จ่ายเงินแล้วอย่างไรเล่า?
อย่างไรเสียเงินในกระเป๋าของโม่จิ่นนั้นก็ล้วนแต่เป็นของสาวน้อย รวมถึงตัวของโม่จิ่นเองก็ด้วย
ในตอนนี้ซือคงชัวมิได้ตั้งจวินโม่ซีที่ไม่เอาไหนเป็นศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งอีกต่อไป แต่กลับเอาโม่จิ่นเป็นศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งแทน
โม่จิ่นที่มีท่าทางร่ำรวย และซื้อสิ่งต่าง ๆ มากมายให้แก่มู่เฉียนซี นั่นจึงเป็นการดึงความเคียดแค้นออกไปจากตัวจวินโม่ซีได้สำเร็จ
ในวันนี้ซือคงชัวได้ถูกทำร้ายจิตใจเสียจนยับเยิน
หลังจากกลับไปแล้ว ซือคงชัวก็กล่าวขึ้น “ศิษย์น้อง เจ้าชอบเจ้าโม่จิ่นนั่นใช่หรือไม่? เจ้าอย่าได้ลืมตัวไปว่าเจ้าเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดา”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “นายน้อย เจ้าจะมายุ่งย่ามมากเกินไปแล้ว!”
ในค่ำคืนอันเงียบสงัด ซือคงชัวได้เริ่มแผนการแผนที่สองขึ้น
เหล่าผู้คุ้มกันในจวนนั้นก็ล้วนแต่เป็นคนของบิดาของเขา และจวินโม่ซีนั้นได้ถูกจับตาเฝ้าดูเอาไว้แล้ว
เขาถือก้านควันแท่งหนึ่งแล้วแทรกซึมเข้าไปในจวนของมู่เฉียนซี
ขอแค่เพียงจัดการกับนางที่เป็นศิษย์คนสนิทของผู้เฒ่าหมอเทวดาได้ เขาไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานกับความคับข้องใจเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อถึงตอนนั้นโม่จิ่นเองก็คงทำได้แค่เพียงอิจฉาริษยาเท่านั้น!
ควันของก้านควันแท่งนั้นได้ลอยทะลุเข้าไปทางหน้าต่างและวนเวียนอยู่ในห้อง
ซือคงชัวและหัวหน้าหุบเขาต่างรู้ว่า มู่เฉียนซีเป็นนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ไม่เลวเลยผู้หนึ่ง ยาสลบทั่วไปจึงไม่อาจที่จะใช้ได้ผลกับนาง
ดังนั้นยาสลบนี้เป็นยาที่หัวหน้าหุบเขาให้นักปรุงยาขั้นสูงทำออกมาเพื่อที่จะช่วยให้แผนการใหญ่ของบุตรชายตนเองสำเร็จลุล่วง จึงทำมันขึ้นมาเพื่อนำมาใช้กับมู่เฉียนซีโดยเฉพาะ
ถึงต่อให้มู่เฉียนซีมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง แต่นางก็เป็นเพียงนักปรุงยาขั้นต้นเท่านั้น นางมิอาจที่จะป้องกันตนจากควันยาสลบนี้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อควันนั้นลอยเข้ามามู่เฉียนซีก็ได้กลิ่นของมันเสียแล้ว
สายตาของนางเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกอย่างขีดสุด ใจคิดชั่วของเจ้าหมอนี่ยังไม่เลิกล้มไปเสียอีก
ปฏิบัติการเมื่อครั้งอยู่ในหุบเขาหมอเทวดาล้มเหลวไปแล้ว ก็เลยคิดที่จะมาทำให้สำเร็จที่ด้านนอก ฝันหวานเกินไปแล้ว
แน่นอนว่านางสามารถรู้สึกได้ว่าควันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับนางโดยเฉพาะ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าหากว่าเป็นผู้เฒ่าหมอเทวดาลงมือเอง นางก็คงจะรับมืออย่างจริงจัง
แต่ด้วยระดับเช่นหัวหน้าหุบเขาซือคงนั้น ไม่สามารถที่จะก่อให้เกิดภัยคุกคามใดแก่นางได้เลย
มู่เฉียนซีร้องกล่าวขึ้น “อู๋ตี้! จัดการทำให้มันสลบไปเสีย!”
“ขอรับนายท่าน!”
เงาร่างสีขาวอันเลือนรางได้พุ่งผ่านไป อู๋ตี้พุ่งออกไปทางหน้าต่างแล้วตบเข้าไปที่หลังคอของซือคงชัวหนึ่งครา
ปึก! ซือคงชัวล้มลงไปบนพื้นอย่างหมดรูป
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง ใช้ยานี่ ทำให้เหล่าองค์รักษ์ทั้งหมดสลบไปเสีย” มู่เฉียนซีได้โยนขวดยาออกไปสองขวด