ตุบ ตุบ ตุบ!
พลังความสามารถของเหล่าองค์รักษ์ไม่ได้สูงมากมายนัก อีกทั้งด้วยฤทธิ์ยาพิษของมู่เฉียนซี อู๋ตี้และเสี่ยวหงจึงได้จัดการพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้จวินโม่ซีเองก็ได้เดินเข้ามา และเมื่อได้เห็นซือคงชัวที่ล้มนอนอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องของมู่เฉียนซีก็ถึงกับหมดคำจะว่ากล่าว
“เขาได้ล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่งยังจะกล้ามาทำเช่นนี้อีก! ยุทธวิธีนั้นก็เดิม ๆ ช่างโง่เขลาเสียจนมิอาจเยียวยาได้แล้วจริงๆ”
มู่เฉียนซีกล่าว “เหตุผลหลัก ๆ ส่วนนึงเลยก็คือสติปัญญาของผู้เป็นกุนซือนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาถึงได้อนาถเช่นนี้!”
จวินโม่ซีถามขึ้น “สาวน้อย ครานี้เจ้าคิดที่จะจัดการกับเขาเช่นไร! มาบัดนี้ข้ารู้สึกว่าคราวก่อนนั้นปล่อยเขาง่ายเกินไปนัก”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ใช่แล้ว! คราวก่อนนั้นเมตตาปราณีมากเกินไปจึงทำให้เขาไม่ได้รับบทเรียน ครั้งนี้จะต้องให้บทเรียนที่ฝังลึกแก่เขาเสียหน่อย!”
จวินโม่ซีถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น “อย่าบอกนะว่าเจ้ามีความคิดอะไรดี ๆ แล้วสาวน้อย?”
“มู่เฉียนซีกล่าว “แบกตัวเขาออกไป”
จวินโม่ซีตอบกลับ “ให้ข้าแบกอีกแล้ว?”
“มีละครให้ดูโดยได้เปล่าด้วยรึ แบกคนแค่คนเดียวจะไปเสียหายอะไร? อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าแบกเสียหน่อย”
“แต่ข้าพบว่าเจ้าหมอนี่อ้วนขึ้นกว่าเดิม!” จวินโม่ซีกล่าวด้วยอาการรังเกียจ
“ข้าก็พบว่าเจ้าเองก็อ้วนขึ้นเหมือนกัน วันวันเอาแต่กิน ๆ ๆ ๆ” มู่เฉียนซีมองจวินโม่ซีอย่างพิจารณาแล้วกล่าว
จวินโม่ซีกล่าว “เป็นไปไม่ได้ เจ้าโกหกข้าสาวน้อย! ทรวดทรงของข้ายังคงสวยงามเช่นเก่า!”
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ ไปเรียกตัวโม่จินมา!”
อู๋ตี้หายวับไปในความมืดมิด จวินโม่ซีกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ “เจ้าไปเรียกโม่จิ่นให้มาชมละคร เจ้ามีความลำเอียง”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ามิได้เรียกเขามาชมดูเป็นการพิเศษ แต่เป็นเพราะว่าเขารู้จักเมืองเหยียนโจวแห่งนี้ดีกว่าข้า”
มู่เฉียนซีและจวินโม่ซีได้พาตัวซือคงชัวที่ถูกทำให้สลบจากไป ไม่นานนักโม่จิ่นก็มาถึง
เมื่อเขาเห็นซือคงชัวที่สลบอยู่ก็กล่าวถามขึ้น “นายท่าน เจ้าหมอนี่เป็นอะไร?”
จวินโม่ซีตอบ “จะเป็นอะไรไปได้? ก็มันมาลอบวางควันยาสลบสาวน้อยกลางดึกกลางดื่น มีใจคิดการมิดี!”
โม่จิ่นเดือดดาลขึ้นมา “ไอ้เจ้าสุนัขในร่างคนผู้นี้กลับกล้าวางยาสลบนายท่าน ช่างรนหาที่ตาย! นายท่าน ข้าจะเอาเจ้านี่ไปสับแล้วโยนให้สุนัขกินบัดเดี๋ยวนี้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าแกง แต่ว่าข้าอยากให้เจ้าพาพวกเราไปสถานที่แห่งหนึ่ง!”
โม่จิ่นถามขึ้น “ที่แห่งไหน?”
“แน่นอนว่าไปที่หอเสี่ยวกวาน (โรงชายงาม สถานที่สำหรับผู้นิยมไม้ป่าเดียวกัน) หน้าตาของซือคงชัวก็ไม่เลว จะต้องเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน!”
มุมปากของโม่จิ่นยกกองเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเบา ๆ แผนการที่นายท่านวางนั้นยอดเยี่ยมนัก ความคิดนี้ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
โม่จิ่นกล่าว “ได้ ข้ารู้จักอยู่แห่งหนึ่งพอดี”
ทุกวันนี้โม่จิ่นนั้นเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงของเมืองเหยียนโจวไปแล้ว เมื่อได้ยินข่าวว่าเขาจะเปิดประมูลขายตัวบุรุษผู้หนึ่ง เจ้าของหอชายงามก็ตอบรับอย่างง่ายดาย การประมูลจะเริ่มในคืนนี้
หลังจากตกแต่งอย่างพิถีพิถัน รูปลักษณ์ของซือคงชัวภายใต้แสงไฟนั้นดูดึงดูดเป็นอย่างมาก
แค่เพียงตอนเริ่มต้นของการประมูลก็มีเสียตะโกนแข่งราคากันไม่ขาดสาย ในที่สุดก็ได้ถูกผู้ที่มากในกามผู้หนึ่งประมูลไป
มู่เฉียนซีได้มอบยาขวดหนึ่งให้แก่เจ้าของหอชายงามแล้วกล่าว “นี่เป็นของแถมเพื่อช่วยเพิ่มความสนุกให้แก่แขกผู้นั้น”
“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณท่านแทนแขกผู้สูงส่งผู้นั้นด้วย” เจ้าของหอชายงามยิ้มแล้วกล่าว
จวินโม่ซียิ้มอย่างชั่วร้าย “ยานั่นหากใช้เข้าแล้ว ซือคงชัวคงลุกไม่ขึ้นไปสามวัน เขาจะหมดสภาพไปโดยสมบูรณ์!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องมารบกวน!”
กลางดึกซือคงชัวร้องขอให้ช่วยเหลือราวกับว่าปอดจะฉีกหัวใจจะสลาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจเขา
เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าคืนนี้เป็นคืนที่เขาจะต้องประสบความสำเร็จ แต่ทำไมมันถึงได้กลับกลายเป็นเช่นนี้?”
ใครกันที่ชิงตัวเขาออกมา พวกองค์รักษ์เหล่านั้นทำอะไรอยู่?
มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีได้ไปพักผ่อนอย่างสบาย วันรุ่งขึ้นเหล่าองค์รักษ์พบว่านายน้อยนั้นหายไปแล้ว
“คุณหนูเฟิง นายน้อยหายตัวไปแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อคืนข้าหลับลึกมาก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนายน้อยของพวกเจ้า พวกเจ้าไปหากันเถอะ! คนผู้นี้จะให้หายไปก็คงมิได้”
“ขอรับ!”
ในเมื่อมาถึงทวีปเหยียนโจวแล้ว และไม่มีการรบกวนจากซือคงชัว โม่จิ่นจึงได้รับตัวผู้เป็นนายของตนไปที่หอหมอปีศาจ
“นายท่าน ที่นี่มีงานค้างคาอยู่มากมายรอให้ท่านมาจัดการ ในที่สุดนายท่านก็มาแล้ว!”
โม่จิ่นที่ฟังโอวาทจากมู่เฉียนซีทุกสิ่งอย่างในเมื่อคืน บัดนี้เขาได้เผยสีหน้าที่ดุร้ายเป็นอย่างมากออกมา
เมื่อต้องมีเจ้านายที่เป็นเถ้าแก่ที่ไม่สนใจกิจการแต่อย่างใด เมื่อคิดถึงเรื่องที่หลายวันมานี้เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงคนเดียว เขาจะไม่ทำสีหน้าโหดร้ายได้หรือ?
สุดท้ายปรากฏว่ามู่เฉียนซีได้เลือกเรื่องบางเรื่องที่นางคิดว่าสำคัญแล้วจัดกการมันไป ส่วนเรื่องที่เหลือนั้นก็มอบให้แก่โม่จิ่นไปเช่นเดิม!
โม่จิ่นแทบจะร้องไห้ออกมา “นายท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้! ทำไมท่านถึงทำเช่นนี้ได้เล่า?”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เตรียมเริ่มวางแผนขั้นต่อไป
มู่เฉียนซีได้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้แล้วที่หอหมอปีศาจ ส่วนซือคงชัวนั้นได้ถูกเหล่าองค์รักษ์หาตัวจนพบได้ในอีกสี่วันให้หลัง สภาพเขาในตอนนี้อยู่ในขั้นกึ่งเป็นกึ่งตายไปเสียแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไรนั้น องค์รักษ์ผู้ใกล้ชิดสนิทสนมยังยากที่จะกล่าวออกมาได้
พวกเขาจึงจำต้องเรียกตัวหัวหน้าหุบเขาที่ยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมากมา เมื่อตอนที่หัวหน้าหุบเขาได้เห็นสภาพบุตรชายของตนก็โกรธเสียจนแทบจะกระอักเลือดออกมา ณ ตรงนั้น
“รักษา รีบทำการรักษาเร็วเข้า!”
“ไปสืบมาให้ข้า! ว่าไอ้บ้าที่ไหนมันเป็นคนทำกันแน่”
ซือคงชัวสลบไปสามวันสามคืนถึงได้ตื่นขึ้นมา และหัวหน้าหุบเขาซือคงเองก็สืบจนรู้แล้วว่าผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้คือโม่จิ่น!
โม่จิ่นได้ส่งตัวบุตรชายของเขาไปประมูลขายในสถานที่บ้า ๆ เช่นนั้น บ้าจริง!
ซือคงชัวกล่าวขึ้น “ท่านพ่อ ท่านจะต้องฆ่าไอ้โม่จิ่นนั่นและล้มล้างหอหมอปีศาจ มิเช่นนั้น….ข้า….ฮือฮือฮือ! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!”
“ในเมื่อมันเลวร้ายเช่นนั้น ข้าไม่ฆ่ามันก็คงจะกล้ำกลืนความคับแค้นนี้ลงคอไปไม่ได้!”
คราวนี้มู่เฉียนซีทำเรื่องเลวร้ายได้โดยไม่ต้องหลบซ่อน เพียงแต่ว่าโม่จิ่นนั้นต้องกลายเป็นโล่กันลูกศรไปก็เท่านั้น
ในตอนนี้หอหมอปีศาจของพวกเขาไม่กลัวที่จะเป็นศัตรูกับหุบเขาหมอเทวดาอย่างแน่นอน
ถ้าหากว่าพวกหุบเขาหมอเทวดาต้องการที่จะสู้ พวกเขาก็ยินดีที่จะเล่นเป็นเพื่อนกับพวกนั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรชาย สีหน้าของหัวหน้าหุบเขาก็หม่นคล้ำลง
เขากล่าวกำชับกับบุตรชาย “เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้ดี!”
หากเป็นศัตรูกับหอหมอปีศาจ เขาเองก็ไม่มีความกล้าเช่นนั้น นอกเสียจากผู้เฒ่าหมอเทวดาจะออกโรงเสียเอง!
หากทันทีที่เขาไปทำให้หอหมอปีศาจโกรธกริ้ว เพียงแค่ลงมือก็สามารถทำให้เขานั้นอยู่ไม่สู้ตายได้!
หัวใจของซือคงชัวเย็นวาบ เขานั้นอนาถขนาดนี้ แต่บิดาของเขากลับไม่ล้างแค้นให้เขา
หอหมอปีศาจเป็นแค่เพียงตึกขายโอสถแห่งหนึ่งเท่านั้น มันมิอาจที่จะเทียบกับหุบเขาหมอเทวดาของพวกเขาที่สืบทอดกันมาเป็นพันปีได้เลย พวกนั้นมันมีอะไรกัน?
เนื่องจากทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่เกี่ยวกับการหาหินแห่งมิติ หลังจากที่อาการบาดเจ็บของซือคงชัวดีขึ้นแล้ว หัวหน้าหุบเขาก็ได้จากทวีปเหยียนโจวไปอีกครั้ง
ในตอนนี้ซือคงชัวยังลุงขึ้นยืนไม่ได้ มู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีเองก็มีเวลาว่างเป็นอย่างมาก
การค้นหาหินแห่งมิติยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่ดำเนินมาได้ครึ่งเดือน ก็มีข่าวส่งมาจากทวีปเหยียนโจว
พวกเขามีเบาะแสของหินแห่งมิติแล้ว
เจ้าสำนักเฟินเยี่ยน และสำนักใหญ่ร้อยสำนักระดับสำนักนิกายระดับสองได้มาเพื่อพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
ทวีปเหยียนโจว หุบเขาหัวใจเพลิง มีความผันผวนของมิติอย่างรุนแรง ตามที่พวกเขาได้ไปสำรวจมานั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าที่ตรงนั้นคือหินแห่งมิติ
หุบเขาหัวใจเพลิงเป็นหนึ่งในสถานที่อันตรายที่สุดในทวีปเหยียนโจว
หากต้องการที่จะได้มาซึ่งหินแห่งมิติละก็ ยอดฝีมือของกลุ่มกองกำลังต่าง ๆ จะต้องร่วมมือและพยายามด้วยกันถึงจะถูก
ในเรื่องนี้ทุกคนล้วนแสดงออกว่าเห็นด้วย
ถึงต่อให้มีอันตราย ทุกกองกำลังก็ต้องแบกรับเอาไว้ด้วยกัน จะไม่มีกลุ่มกองกำลังใดที่จะพิเศษแตกต่างออกไป
เรื่องทั้งหมดก็ได้ถูกกำหนดหมดสิ้นแล้ว สำนักใหญ่ทั้งร้อยสำนักได้รวบรวมเหล่ายอดฝีมือและเตรียมที่จะไปยังหุบเขาหัวใจเพลิง
ส่วนมู่เฉียนซีกับจวินโม่ซีนั้นได้ถูกผู้เฒ่าหมอเทวดาขอให้ออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์ ถึงแม้ว่าหุบเขาหัวใจเพลิงจะมีอันตรายแต่พวกเขาเองก็อยากที่จะไปด้วย