ราชาแห่งพิษประลองกับผู้สารพัดพิษของสำนักศึกษาซวนเสีย นี่เป็นการประลองที่ทำให้ผู้คนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และทำให้ทุกคนต่างรอคอยเป็นอย่างยิ่ง
วิธีการประลองนั้นเรียบง่ายและหยาบคายเป็นอย่างมาก นั่นก็คือปรุงยาพิษ และให้คู่ต่อสู้กิน หากผู้ใดไม่สามารถทำการแก้พิษได้ก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป!
หลังจากที่ปรุงยาพิษเสร็จ ต่อไปก็ลองยาพิษ
ไม่นานนักซูเซิงก็ปรุงยาแก้พิษออกมาได้ เขาไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยซึ่งทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างยิ่ง
นึกไม่ถึงเลยว่าหอโอสถจะมหัศจรรย์ถึงเพียงนั้น สามารถทำให้เจ้าหนูผู้นี้ก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ได้
“อ๊า อ๊า อ๊า! ช่วยด้วย นายท่าน รีบช่วยข้าเร็วเข้า!”
ราชาแห่งพิษน่าสังเวชเข้าแล้ว เขาเอามือจับหน้าท้องและขอร้องให้มู่เฉียนซีช่วยชีวิต
นี่แสดงให้เห็นว่าราชาแห่งพิษนั้นได้พ่ายแพ้แล้ว เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งออกไป ไม่นานนักพิษที่อยู่ในร่างของราชาแห่งพิษก็ถูกแก้
ราชาแห่งพิษกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีค่าควรแก่การยกย่องนับถือจริง ๆ ข้าเพิ่งจะได้นั่งตำแหน่งหัวหน้านักพิษของหอหมอปีศาจได้ไม่กี่วัน นึกไม่ถึงว่าจะถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งบีบบังคับให้ออกจากตำแหน่งซะแล้ว”
มู่เฉียนซีแก้พิษที่เขาภาคภูมิใจนั้นได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้จิตวิญญาณการประลองของซูเซิงยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “มู่เฉียนซี ข้ายังอยากจะประลองกับเจ้าสักตั้ง!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าปฏิเสธ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้าได้เป็นหัวหน้านักพิษของหอหมอปีศาจของข้าแล้ว รีบตามมาเอารางวัลกับข้าเถอะ!”
ถึงแม้ว่าซูเซิงจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เพราะรอคอยรางวัลที่ท่านอาจารย์ของตนเองมอบให้ ดังนั้นจึงได้ตามมู่เฉียนซีไป
โม่จิ่นและจวินโม่ซีที่อยากรู้อยากเห็นก็ได้ตามไปด้วย เมื่อไปถึงที่ที่เงียบสงบมู่เฉียนซีก็ได้กล่าวขึ้นว่า “นี่เป็นรางวัลที่อาจารย์ของเจ้ามอบให้”
ซูเซิงเห็นมู่เฉียนซีเอาหม้อยาโบราณสีดำสนิทออกมา บนหม้อยาแกะสลักสัญลักษณ์ไปด้วยบุปผาพิษและสมุนไพรพิษมากมาย
กลิ่นอายโบราณและการกดขี่ข่มเหงที่แผ่ซ่านออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าหม้อยาใบนี้ไม่ใช่หม้อยาธรรมดา
“สามอสูร พรสวรรค์ของเขาเจ้าก็ได้เห็นแล้ว ต่อไปเจ้าอยู่กับเขาเป็นเช่นไร?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
สามอสูรกล่าว “เด็กผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่น่าฝึกฝนให้ยิ่งนัก ในเมื่อเป็นคำขอของท่านผู้ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นข้าก็ไม่ปฏิเสธแน่นอน”
“หม้อยานี้ นึกไม่ถึงว่าจะพูดได้ด้วย นี่คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ มันคือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์!” ซูเซิงตกตะลึงขึ้น
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม มันคือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์”
“ไม่สิ เจ้าบอกข้าว่านี่เป็นรางวัลที่ท่านอาจารย์ของข้ามอบให้ข้าไม่ใช่เหรอ แล้วเหตุใดมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้ถึงได้เชื่อฟังคำพูดของเจ้าล่ะ?” ซูเซิงรู้สึกฉงนสงสัย
มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้ม และกล่าวว่า “อยากรู้คำตอบ เดี๋ยวเจ้าจะได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่ทำให้เจ้าประหลาดใจ เจ้าก็รู้เอง”
หึหึหึ! โม่จิ่นหัวเราะขึ้น
เขาพึมพำว่า “ข้าว่าไม่ใช่เรื่องประหลาดใจหรอก แต่เป็นเรื่องที่ทำให้ตกใจมากกว่า!”
จวินโม่ซีกล่าว “สาวน้อยผู้นี้ช่างหลอกลวงเกินไปแล้ว”
ซูเซิงกล่าวถาม “เรื่องประหลาดใจอันใด?”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “มู่ซีก็คือข้า ข้าก็คือมู่ซี เร็ว รีบเรียกข้าว่าท่านอาจารย์เร็วเข้าสิ!”
นางกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ข้าก็แค่แปลงกายนิดหน่อย พวกเจ้าก็เคารพและเชื่อฟังข้าราวกับเป็นลูกแมวผู้เชื่อฟัง พอข้าแปลงกายกลับมาเป็นตัวเอง พวกเจ้าก็แต่ละคนก็ทำตัวเหมือนเม่น ช่างเป็นนักเรียนที่ไม่เชื่อฟังจริง ๆ!”
“เจ้า……นี่เจ้า……” ซูเซิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ชั่วครู่หนึ่งเขาก็ไม่สามารถแยกแยะคำพูดนี้ของมู่เฉียนซีได้
เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องที่กระตุ้นจิตใจเกินไปแล้ว
จากนั้น ร่างชุดดำร่างหนึ่งก็ได้พามู่เฉียนซีไป เจ้าเด็กผู้นี้ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาได้ทำให้ซีเสียเวลาไปไม่น้อยแล้ว
ส่วนซูเซิงยังยืนอยู่ตรงที่เดิม โม่จิ่นกับจวินโม่ซีล้วนแต่รู้สึกว่าเจ้าเด็กผู้นี้ถูกทำให้ตกใจจนน่าสงสารเสียจริง
โม่จิ่นตบไหล่เขาเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ยินดีกับเจ้าด้วยที่ได้เป็นหัวหน้านักพิษของหอหมอปีศาจ ข้าชื่อโม่จิ่น โปรดชี้แนะด้วย!”
จวินโม่ซีกล่าว “ส่วนข้า จวินโม่ซี หัวหน้านักปรุงยาแห่งหอหมอปีศาจ สาวน้อยผู้นั้นก็ชอบขุดหลุมพลางให้คนอื่นหลงกลไปทั่วเช่นนี้แหละนะ เดี๋ยวก็ชินเอง เดี๋ยวก็ชินเอง เจ้าอย่าได้ใส่ใจไปเลย!”
ซูเซิงกล่าว “มู่เฉียนซีก็คืออาจารย์มู่ ก่อนหน้านี้พวกข้า พวกข้า……เมื่อครู่ข้าก็เพิ่งจะ……”
คาดว่าในคืนนี้ และอีกหลายวันข้างหน้า ซูเซิงก็ไม่สามารถดึงสติกลับมาจากข่าวที่น่ากลัวนี้ได้
ส่วนจิ่วเยี่ยในตอนนี้ก็ได้พามู่เฉียนซีไปในสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดแล้ว
กลิ่นหอมของเหล้าได้อบอวลไปรอบ ๆ ทว่า จิ่วเยี่ยก็ยังคงป้อนเหล้าให้มู่เฉียนซีอยู่เช่นนั้นทีละคำ ๆ
ตอนนี้ ชายหนุ่มผู้รูปงามอย่างไร้ที่เปรียบใช้ปากป้อนเหล้า นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากในใต้หล้านี้
ทว่า นี่ไม่ใช่ผู้รูปงามที่บริสุทธิ์ แต่กลับเป็นปีศาจที่ทำให้คนลุ่มหลงต่างหาก มู่เฉียนซีจับจิ่วเยี่ยเอาไว้ และกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าหยุดยั่วยวนข้าได้แล้ว หากเจ้ายั่วยวนข้าต่อไปเช่นนี้ข้าจะ……ข้าจะกระทำเรื่องเลวทรามต่ำช้ากับเจ้าแล้วนะ……”
จิ่วเยี่ยกัดติ่งหูมู่เฉียนซีเบา ๆ และกล่าวว่า “เช่นนั้น ซีก็ทำให้ข้าดูหน่อยสิ ว่าซีจะกระทำเลวทรามต่ำช้ากับข้าเช่นไร……”
ตุบ!
จากนั้นเหล้าก็ออกฤทธิ์ขึ้น มู่เฉียนซีโผตัวเข้าหาจิ่วเยี่ยและกดทับจิ่วเยี่ยให้นอนลง
“เจ้าอยากจะรู้มากใช่หรือไม่ เช่นนั้นเจ้าก็เบิกตาดูดี ๆ ล่ะ หวงจิ่วเยี่ย ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ ว่าผลลัพธ์ที่เจ้ายั่วยวนข้ามันเป็นเช่นไร……”
ฉึก!
เสื้อผ้าถูกฉีกออก พวกเขาพัวพันกันเป็นเวลานานมาก ก็ไม่รู้เหมือนว่าสุดท้ายแล้วใครกระทำเลวทรามต่ำช้าใครกันแน่……
ณ แคว้นจื่อเยี่ย ตอนนี้ในราชสำนักได้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแล้ว
ขันทีผู้หนึ่งได้พรวดเข้ามาในห้องบรรทมของฮ่องเต้ด้วยความตื่นตระหนก “ฝ่าบาท แย่แล้วพะยะค่ะ มีคนบุกเข้ามาแล้วพะยะค่ะ!”
หลังจากที่คนกลุ่มนั้นได้ทำลายจวนตระกูลมู่เสร็จ ก็บุกเขามาในวังทันที
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกดังขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่าจากที่แย่งกันไปแย่งกันมา สุดท้ายผู้ที่ได้เป็นฮ่องเต้กลับเป็นเจ้า ซวนหยวนหลี่เทียน!”
ซวนหยวนหลี่เทียนเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็ตกใจนิ่งอึ้งไป เขากล่าวเสียงขรึมว่า “นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า เจ้ายังไม่ตาย!”
“มู่หรูเหยียน!”
หญิงสาวตรงหน้ามีคิ้วโค้งโก่งดุจใบหลิว แววตาใสดุจดั่งหยดน้ำ สวมชุดผ้าลายเมฆสีขาวบริสุทธิ์ดุจดั่งดอกบัวในทะเลสาบใสดอกหนึ่งที่ทำให้ผู้คนไม่อาจดูหมิ่นได้
รูปลักษณ์เช่นนี้ หากไม่ใช่มู่หรูเหยียนหญิงสาวที่เคยเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ยแล้วจะเป็นใครไปได้ หากไม่ใช่มู่หรูเหยียนผู้ที่เคยเป็นหญิงสาวของท่านพี่ไท่จื่อของเขาแล้วจะเป็นใครไปได้
“เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ ด้วย!”
ในครานั้น เห็น ๆ กันอยู่ว่านางได้ตกหน้าผาไปกับมู่หรูอวิ๋น เหตุใดนางถึงมีชีวิตรอดมาได้
มู่หรูเหยียนยิ้มพลางกล่าว “ใช่ ข้ายังไม่ตาย นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าสารเลวมู่หรูอวิ๋นนั่นจะลากข้าลงไปตายด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางจะลงนรกไปแล้วหรือไม่ ข้าไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย อีกทั้งข้ายังมีชีวิตใหม่อีกด้วย”
“มีสถานะอันสูงส่งกว่าเดิม และยังมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ตอนนี้คิดจะฆ่ามู่เฉียนซีกับมู่อวู่ซวง ก็ง่ายดายเหมือนกับบีบมดปลวกตัวนึง”
ซวนหยวนหลี่เทียนกล่าว “แต่เจ้าคงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ เจ้าหาตัวซีเอ๋อร์ไม่เจอ หาตัวนายท่านสามแห่งตระกูลมู่ไม่เจอ คิดจะแก้แค้น ล้วนแต่เป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งสิ้น!”
เขารู้สึกดีใจที่บังเอิญโชคดี โชคดีที่ซีเอ๋อร์ออกไปจากเซี่ยโจวแล้ว นางจากไปแดนไกลแล้ว ดังนั้นต่อให้ผู้หญิงบ้าผู้นี้หวนกลับมาอีกครั้งก็ไม่สามารถที่จะทำร้ายนางได้แม้แต่น้อย!
รอยยิ้มของมู่หรูเหยียนแข็งทื่อไปในทันที “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่ายังไง หรือว่าพวกมันจะถูกฆ่าตายแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก!”
ขวับ!
ผ้าแพรไหมสีขาวผืนหนึ่งพุ่งไปที่ซวนหยวนหลี่เทียนจนทำให้เลือดของเขาไหลออกมา
“เจ้าจะไม่ยอมพูดใช่ไหม เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าพูดออกมาเอง!”
เพราะมู่หรูเหยียนได้พาผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิมาหลายคน ทั่วทั้งราชสำนักจึงไม่มีผู้ใดสามารถช่วยซวนหยวนหลี่เทียนได้
ภายในวัง ซวนหยวนหลี่เทียนถูกมู่หรูเหยียนทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ และตอนนี้ก็มีรอยบาดแผลบนร่างกายนับไม่ถ้วน
“เจ้ายังไม่ยอมพูดอีกใช่หรือไม่?” มู่หรูเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา