“ข้าจะไม่ช่วยพวกเจ้าทําอะไรทั้งนั้น ถ้าพวกเจ้าบีบบังคับข้า ก็มิสู้ฆ่าข้าเสียดีกว่า” ปรมาจารย์เฉียแสดงท่าทางกล้าหาญออกมา
เป็นชายชราที่ดื้อรั้นด้วยอาศัยความสามารถนิดหน่อยของตนเองเสียจริง มู่เฉียนซีเองก็ต้องอดทนไว้เช่นกัน
“ตาย! เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าตายง่าย ๆ งั้นรึ? มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายคือสิ่งที่เจ้าต้องได้เจอในที่สุด”
“หึหึหึ! เช่นนั้นสาวน้อย เจ้าแสดงความสามารถของเจ้าให้ข้าดูหน่อยสิ ข้าอยากจะดูว่าเจ้ามีความสามารถอะไรที่จะทําให้ข้าตายทั้งเป็น!”
“ความสามารถมากมาย หากเจ้าอยากลอง ข้าจะสนองความต้องการให้!”
คนหนึ่งแก่ คนหนึ่งเด็ก และสถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น
เจ้าสํานักเฝินรู้สึกจนปัญญา เขากล่าวอย่างร้อนรนว่า “แม่นางมู่ เรื่องนี้ปรึกษาหารือกันดีดีเถอะ!”
ถ้าปรมาจารย์เฉียวางยาพิษหมอปีศาจล่ะก็ นั่นก็คงจะลําบากแล้ว
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าสํานักเฝินไม่เห็นด้วยกับข้าที่ลงมือกับเจ้าหมอนี่หรือ?”
“ทุกอย่างปรึกษาหารือกันได้!” เจ้าสำนักเฝินเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา เขาไม่อาจยอมรับพฤติกรรมที่หยิ่งยโสและไร้เหตุผลของมู่เฉียนซีได้
มู่เฉียนซีเองก็ไม่อยากจัดการชายชราที่ดื้อรั้นผู้นี้โดยไม่ไว้หน้าเจ้าสำนักเฝินเช่นกัน
ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังออกมา
“ไม่จําเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น ด้วยความสามารถของเขา คงซ่อมค่ายกลส่งระยะไกลไม่ได้กระมัง?”
น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยเต็มไปด้วยความดูแคลน ทําให้ปรมาจารย์เฉียระเบิดออกมา
“ข้าซ่อมไม่ได้ หากข้าซ่อมไม่ได้ ทั่วทั้งแดนใต้ก็ไม่มีใครสามารถซ่อมแซมได้แล้ว ตอนนี้พวกเจ้าต้องพึ่งพาข้าเท่านั้น มิฉะนั้นหากอยากที่จะซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกล คงเป็นได้แค่ฝัน!”
มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อว่า “ปรมาจารย์เฉีย เจ้าจะตื่นเต้นขนาดนี้ทําไม? คงไม่ได้มีความสามารถที่จะซ่อมให้เสร็จได้จริง ๆ กระมัง!”
“เพราะเจ้าไม่สามารถซ่อมมันได้ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเจ้าจึงต้องการหินแห่งมิติระดับสุดยอดเพิ่มขึ้น เพื่อให้ตนเองแน่ใจว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะซ่อมแซมได้เพิ่มขึ้น เจ้าบอกมาสิว่าข้าเดาถูกใช่ไหม?” มู่เฉียนซีถาม
ใบหน้าของปรมาจารย์เฉียอดแดงขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าพูดจาเหลวไหล ทุกอย่างเป็นเพราะค่ายกลส่งระยะไกลได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่ใช่ปัญหาที่ความสามารถของข้า”
“จิ่วเยี่ยกล่าวถูกต้องแล้ว เจ้าสำนักเฝิน เขาไม่มีความความสามารถเช่นนี้ พวกเราไม่ควรเสียเวลากับเขาเลย” มู่เฉียนซีกล่าวกับเจ้าสำนักเฝิน
“เสียเวลากับข้า ถ้าพวกเจ้าจากไปในวันนี้ หลังจากนี้มาขอให้ข้าซ่อมแซม ต่อให้ข้าจะตายก็จะไม่ตอบตกลง ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจะหาคนที่ซ่อมค่ายกลส่งระยะไกลในแดนใต้ได้” ปรมาจารย์เฉียตะโกน
เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “ในแดนใต้ไม่มี ไม่ได้หมายความว่าที่อื่นจะไม่มี”
“ในแดนใต้ไม่มี และตอนนี้ค่ายกลส่งระยะไกลถูกปิดผนึกแล้ว นอกเสียจากว่าจะมีวัตถุวิญญาณที่ข้ามผ่านอากาศหรือผู้ที่สามารถฉีกมิติได้ ไม่มีทางที่จะพบการซ่อมแซมอื่นได้… เอ่อ…”
เมื่อปรมาจารย์เฉียกำลังกล่าว ก็เห็นร่างสีดําที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นฉีกกระชากมิติออกไป
เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ซี รอข้ากลับมา!”
จิ่วเยี่ยฉีกอากาศและกลับไปยังแดนนรกอีกครั้ง ครั้งก่อนพาจอมค่ายกลผู้หนึ่งกลับมา เกรงว่าครั้งนี้คงพาจอมภูตธาตุมิติมาด้วย
ปรมาจารย์เฉียและเจ้าสํานักเฝินต่างตกตะลึง “คนเช่นนี้… ทําไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ทางแดนใต้ได้! ไม่สิ ทําไมถึงมาปรากฏตัวในโลกสี่ทิศได้?”
ความสามารถระดับจิ่วเยี่ยนี้ ไม่ใช่ของโลกสี่ทิศเลย!
คนเช่นนี้กลับยืนอยู่ข้างหอหมอปีศาจ นับแต่นี้ไป จะมีผู้ใดกล้าแตะต้องหอหมอปีศาจได้อีก
ราวกับเวลาเพียงไม่ถึงเสี้ยวชั่วยาม มิติโดยรอบเกิดความโกลาหล เงาร่างสีดําร่างหนึ่งถูกจิ่วเยี่ยโยนออกไปราวกับลูกบอล
ปัง!
เงาดํานั้นกลับนอนอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน
จิ่วเยี่ยกลับมาหามู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ซี ข้าพาคนที่เจ้าต้องการมาด้วย!”
มู่เฉียนซีมองไปที่ชายที่นอนอยู่บนพื้นราวกับหมูที่ตายแล้ว “เจ้าหมอนี่… สามารถซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกลของแดนใต้ได้หรือ?”
“เขาคือคุกโลหิต จอมภูตธาตุมิติที่แข็งแกร่งที่สุด” เจิ่วเยี่ยตอบอย่างทุ้มต่ำ
“แต่…”
มู่เฉียนซีมองไปที่คนผู้นั้นที่ไม่ขยับเขยื้อน มีลมหายใจมีหัวใจเต้นแรงยังไม่ตายแต่ดูเหมือนว่าจะหลับสนิทเหมือนตาย!
นอกจากนี้ยังสามารถนอนหลับได้ในขณะถูกโยนลงมาจากฟากฟ้า คนผู้นี้ดูจะแปลกเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!
“ข้าไม่รังเกียจที่จะมีองครักษ์กระดูกเพิ่มอีกสักคน!” ทันใดนั้น พลังแห่งความมืดก็พุ่งเข้าหาคนที่หลับใหลผู้นั้น
คนผู้นั้นที่นอนอยู่บนพื้นที่มิติโดยรอบบิดเบี้ยว พลันปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าจิ่วเยี่ย เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าท่านมีคําสั่งอะไรหรือพะยะค่ะ?”
เขาไม่ต้องการกลายเป็นโครงกระดูกขาว เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจึงไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้!
มู่เฉียนซีมองคนตรงหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ทั่วทั้งร่างราวกับไม่มีกระดูก ดูเกียจคร้านอย่างมาก
แต่กลับต้องบอกเลยว่าชายผู้นี้ดูงดงามมาก
จิ่วเยี่ยผู้นี้มีใบหน้างดงามจนคนอิจฉาริษยา ส่วนลูกน้องข้างกายเขาแต่ละคนก็ล้วนไม่ธรรมดา
“สวรรค์! เขาเข้าใจกฎแห่งมิติที่ทรงพลังเช่นนี้!” เจ้าหมอนี่แค่แสดงฝีมือออกมาเท่านั้น ตอนนี้สายตาของปรมาจารย์เฉียที่หยิ่งยโสนั่นกลับเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“สุดยอดไปเลย!”
ในโลกนี้มีจอมภูตธาตุมิติน้อยมาก ยิ่งเก่งกาจก็ยิ่งน้อย
เขาก็เพียงโชคดีที่สามารถควบคุมทักษะมิติได้บ้างเท่านั้น ไม่ใช่จอมภูตธาตุมิติที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงชื่นชมจอมภูตธาตุมิติอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
จิ่วเยี่ยกล่าว “เป๋ยโต่ว ไปซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกลของแดนใต้”
“อะไรนะ?” เป๋ยโต่วไม่อยากจะเชื่อหูของตนเอง ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ง่วงนอนอีกต่อไป
“แดนใต้ ค่ายกล่างระยะไกลที่ทรุดโทรมเช่นนี้ กลับให้เป๋ยโต่วออกหน้า? ฝ่าบาท ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือ?”
มุมปากของเจ้าสํานักเฝินกระตุกเล็กน้อย เจ้าหมอนี่รังเกียจแดนใต้ของพวกเขาขนาดไหนกัน!
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้แล้วกล่าวว่า “ไปกัน!”
จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ปลายทางคือค่ายกลระยะไกลของทวีปเหยียนโจว
เป๋ยโต่วถูกกระตุ้นอีกครั้ง เขามองไปที่เจ้าสำนักเฝินอย่างแข็งกระด้างและกล่าวว่า “ผู้เฒ่า! ดูเหมือนว่าฝ่าบาทของเรากําลังอุ้มสตรีผู้หนึ่งอยู่! สตรี! สตรี!”
“ใช่หรือไม่?”
ใบหน้าของเจ้าสำนักเฝินหม่นคล้ำ ชัดเจนขนาดนี้ เขามองไม่เห็นหรือไง!
“ใช่!” ภายใต้สายตาอันน่าสยดสยองของเป๋ยโต่วนั่น เจ้าสำนักเฝินพยักหน้า
“สวรรค์! สตรีผู้นี้ ฝ่าบาทได้ใกล้ชิดกับสตรีผู้หนึ่งนี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!” เป๋ยโต่วที่กําลังง่วงนอนได้ตกใจขึ้นมา
ต้องโทษเขาเองที่เกียจคร้านทุกวัน ยากที่จะตื่น ข่าวที่ดังเช่นนี้ถูกจื่อโยวส่งข่าวจนคนรอบข้างทั้งหลายของจิ่วเยี่ยล้วนรู้ดี แต่เจ้าหมอนี่ที่ตกข่าวย่อมไม่รู้เป็นธรรมดา
เป๋ยโต่วไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว การควบคุมมิติที่สมบูรณ์แบบทําให้ปรมาจารย์เฉียหลงใหลเป็นอย่างมาก ปรมาจารย์เฉียรีบตามไปและกล่าวว่า “ท่าน รอข้าด้วย! บางทีข้าน้อยอาจสามารถช่วยได้นิดหน่อย!”