ถึงแม้มู่เฉียนซีจะไม่รู้ว่าต้องควบคุมพลังมิติเช่นไร แต่มีสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ ทุกอย่างย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน
เป๋ยโต่วกล่าวด้วยความตื่นเต้น “สดชื่นยิ่งนัก ช่างสดชื่นจริง ๆ มีพลังแห่งมิติที่ใช้ได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”
จากนั้นเขาก็ทุ่มเทอย่างสุดกำลังความสามารถในการซ่อมแซมค่ายกล และทุกอย่างล้วนเป็นไปอย่างราบรื่น
แสงสีฟ้ากับแสงสีดำได้ประสานเข้าด้วยกัน ไม่นานนักค่ายกลส่งระยะไกลนี้ก็พลันเปลี่ยนเป็นใหม่เอี่ยมขึ้น!
เป๋ยโต่วกล่าว “ฝ่าบาท ค่ายกลส่งระยะไกลซ่อมแซมสำเร็จแล้ว ข้าน้อยขอตัวกลับไปยังเตียงนอนก่อนจะได้หรือไม่”
ฝ่าบาทของพวกเขาไม่คิดเสียดายเลยจริง ๆ เมื่อก่อนเขาอยากจะดูผู้พิทักษ์นิรันดร์สักหน่อยก็ไม่ยอมให้ดู แต่มาตอนนี้กลับยอมมอบผู้พิทักษ์นิรันดร์ให้กับหวังเฟย
“ไสหัวไป!” จิ่วเยี่ยพ่นคำพูดนี้ออกมาอย่างไร้ความปรานี
“พะยะค่ะ ข้าน้อยจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” เป๋ยโต่วยิ้มและทะลุมิติจากไปทันที!
ตอนนี้ปรมาจารย์เจียโผเข้าหามู่เฉียนซีโดยที่ไม่คิดถึงภาพลักษณ์อันใดเลย
“นายท่าน นายท่านได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย ท่านจะให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้ทั้งนั้น!”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำขึ้น ตาเฒ่าผู้คร่ำครึผู้นี้กินยาผิดไปแล้วหรือไร
คารวะอาจารย์!
“ไสหัวไป!” น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งพ่นออกมาและร่างของปรมาจารย์เจียก็กระเด็นลอยออกไป
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีและได้อันตรธานไปต่อหน้าพวกเขา ปรมาจารย์เจียรีบตามไปพลางกล่าว “ท่านอาจารย์ ข้าพูดจริง ๆ นะ ท่านอาจารย์!”
“ก่อนหน้านี้ข้าทำตัวไร้เหตุผล ข้าขอโทษท่าน!”
ปรมาจารย์เจียผิดปกติมากเกินไปแล้ว แม้กระทั่งเจ้าสำนักเฝินก็อยากจะกล่าวออกมาว่าเขาไม่รู้จักเจ้าหมอนี่ ไม่เกี่ยวข้องใดใดกับเจ้าหมอนี่เลยแม้แต่น้อย
อำนาจการควบคุมของค่ายกลส่งระยะไกลได้ตกอยู่ในกำมือแล้ว มู่เฉียนซีก็ให้โม่จิ่นส่งคนไปวางแผนรับช่วงต่อ
ด้วยความแข็งแกร่งของหอหมอปีศาจในตอนนี้ อีกทั้งการได้ควบคุมค่ายกลส่งระยะไกลของแดนใต้ หอหมอปีศาจจึงได้กลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนใต้
ทว่า สิ่งที่แปลกประหลาดกว่านั้นก็คือ จนถึงตอนนี้หอหมอปีศาจก็ไม่เคยประกาศเลยว่าพวกเขานั้นเป็นกองกำลังที่อยู่ในระดับใด
มู่เฉียนซีคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นระดับใด นั่นก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเองเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงต่างหากที่จะเป็นรากฐานที่แท้จริง
สักวันหนึ่ง ถึงแม้ว่าหอหมอปีศาจจะไม่ใช่กองกำลังที่มีระดับใด แต่จะทำให้กองกำลังทุกกองกำลังไม่กล้าดูถูกดูแคลนหอหมอปีศาจของนางได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่มู่เฉียนซีจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น ท้องฟ้าก็ได้มืดสนิทลงแล้ว และหลังจากที่นางเดินเข้าห้องไป ร่างชุดดำร่างหนึ่งก็ได้ดึงร่างของนางเข้ามาในอ้อมแขน
“จิ่ว……อือ……”
ชื่อชื่อหนึ่งยังไม่ทันพ่นออกมาจากปากจบ ริมฝีปากอันแดงงระเรื่อนั้นก็ถูกประกบทันที
ร่างของมู่เฉียนซีติดกับประตู ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถหยุดชายผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ผู้นี้ได้
เวลาผ่านไปนานมากราวกับเป็นศตวรรษ ในที่สุดจิ่วเยี่ยก็ปล่อยมู่เฉียนซี เขากล่าวเสียงขรึมว่า “อีกไม่นาน ข้าก็จะต้องกลับแล้ว”
ตั้งแต่กวาดล้างหุบเขาหมอเทวดาและกลับไปยังดินแดนเซี่ยโจวกับนาง จากนั้นก็ซ่อมแซมค่ายกลส่งระยะไกล ทั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าเขานั้นได้มาอยู่นานมากแล้ว
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม! ดูแลตัวเองด้วย!”
อือ……
ด้วยท่าทางที่นิ่งสงบของมู่เฉียนซี ดูเหมือนจะทำให้องค์ชายจิ่วเยี่ยผู้นี้ไม่สุขใจอีกครั้ง เขาจึงใช้วิธีนี้เอากลับคืนมา
มู่เฉียนซีเอามือปิดปากที่บวมแดงของตนเอง และกล่าวว่า “เจ้า……หากเจ้ากล้าทำอันใดสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนี้อีก ข้าจะเตะเจ้ากลับไปเดี๋ยวนี้เลย!”
จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงต่ำว่า “เอาชิ้นส่วนที่สองของสุ่ยจิงอิ๋งมาให้ข้า!”
มู่เฉียนซีเอาชิ้นส่วนชิ้นที่สองของสุ่ยจิงอิ๋งออกมาจากในมิติและยื่นให้จิ่วเยี่ย มู่เฉียนซีคิดว่ามันมีประโยชน์ต่อจิ่วเยี่ย กลับคิดไม่ถึงว่าร่างกายของนางนั้นถูกจิ่วเยี่ยอุ้มมาวางบนเตียงนุ่ม ๆ เสียแล้ว
เส้นผมดำขลับยาวสยายทิ้งตัวลงมา ส่วนเสื้อผ้าก็ไม่รู้ว่าถูกถอดออกไปตั้งแต่เมื่อใดแล้ว!
“จิ่วเยี่ย เจ้า……เจ้าคงจะไม่……”
“เจ็บหน่อยนะ!” ตอนนี้ น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยแหบแห้งลงแล้ว
ตรงหัวใจเกิดความเจ็บปวดราวกับจะฉีกขาดขึ้น กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง
จิ่วเยี่ยเอากลีบดอกบัวสีฟ้าอันงดงามกลีบนั้นแปะลงบนบาดแผลที่ถูกเขากัด และเลือดสีแดงก็ได้ย้อมกลีบดอกบัวสีฟ้านั้น
แสงสีฟ้าส่องแสงระยิบระยับขึ้น มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่ามีกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกได้ไหลเข้าสู่หัวใจของนาง แสงสีฟ้านั้นได้ชำระล้างเลือดสีแดงออกหมดจด ทำให้บาดแผลของมู่เฉียนซีหายสนิท ส่วนร่างของเขากับมู่เฉียนซีก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
บนร่างของมู่เฉียนซีมีรอยประทับดอกบัวสีฟ้าสองกลีบแล้ว
ตอนนี้มู่เฉียนซีก็เหมือนจะรู้สึกได้ว่ากลีบดอกอีกกลีบนั้นได้ประสานกับดอกก่อนหน้านี้แล้ว
เดิมทีนางคิดว่าเมื่อหาเจอ ระหว่างพวกนางมีพันธสัญญาอยู่ ก็จะสามารถประสานกันได้เลย
นึกไม่ถึงว่าจำเป็นต้องมีขั้นตอนเช่นนี้อีก!
จิ่วเยี่ยก้มมองดูสัญลักษณ์กลีบดอกสองกลีบนั้นและกล่าวว่า “รอให้กลีบดอกทั้งเก้าส่วนของสุ่ยจิงอิ๋งได้รวมเข้ากับร่างของซี กลายเป็นดอกบัวหงษ์เก้ากลีบที่แท้จริง เมื่อถึงตอนนั้นไม่ว่าใครบนโลกใบนี้ก็ไม่อาจทำร้ายซีได้แล้ว!”
คำพูดของเขาหยุดชะงักตรงนี้ครู่หนึ่ง
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้น “แม้กระทั่งข้า ก็ไม่อาจทำร้ายซีได้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ยังหาไม่ครบ ข้าก็เชื่อว่าเจ้าไม่ทำร้ายข้าแน่นอน ถึงแม้คำสาปนั้นจะทำให้เจ้าไม่อาจยับยั้งได้ แต่พวกเราก็กำลังตามหาคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“เจ้าจะต้องหาย ผู้ที่ทำคำสาปใส่เจ้าผู้นั้น ไม่มีวันที่จะอภัยให้ได้เด็ดขาด!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ข้าสุขใจยิ่งนัก!”
ใบหน้าที่งดงามนั้นได้ขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี นางกล่าวคำพูดที่ทำให้เขาไม่สุขใจ เขาก็จูบนางอย่างหยาบคาย
ตอนนี้ทำให้เขาสุขใจ ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม!
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าการที่ตนเองเผชิญหน้ากับจิ่วเยี่ยนั้น เพื่อความปลอดภัย นางจะหวงแหนคำพูดดุจดั่งทองคำดีหรือไม่
คืนนี้ดูเหมือนว่าจะอาลัยอาวรณ์อย่างยิ่ง มู่เฉียนซียิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายกับว่าจะมีหรือไม่มีคำสาปพลังที่ระเบิดขึ้นอย่างฉับพลันของจิ่วเยี่ยก็น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง นี่ทำให้มู่เฉียนซีร้องโอดครวญไม่หยุด
คืนวันต่อมาหลังจากที่มู่เฉียนซีได้ฟื้นขึ้นมาก็พบว่าข้างกายไม่มีเขาอยู่แล้ว ทำให้นางรู้ว่าจิ่วเยี่ยนั้นแอบกลับไปแล้ว
ต่อมา มู่เฉียนซีก็ดำเนินการแบ่งหน้าที่กองกำลังคนใหม่ องครักษ์เงากลับมาประจำตำแหน่งเดิม ลูกน้องที่รับเข้ามาใหม่ มู่เฉียนซีก็เริ่มมอบหมายภารกิจให้กับพวกเขาทุกคน!
เป้าหมายต่อไปนั่นก็คือ ทำให้หอหมอปีศาจกลายเป็นกองกำลังในดินแดนสี่ทิศที่ไม่มีผู้ใดกล้าขย่ม ให้หอหมอปีศาจสามารถขย่มหนึ่งในสามกองกำลังใหญ่ในดินแดนสี่ทิศได้ นั่นก็คือตำหนักเป่ยหาน
ตำหนักเป่ยหานกล้าใช้วิธีเลวทรามต่ำช้าเช่นนั้นควบคุมอารอง ไม่ว่านางจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากเพียงใด ก็จะต้องจัดการกับตำหนักเป่ยหานสักตั้ง เพื่อให้อารองกลับมามีอิสระอย่างปลอดภัยอีกครั้ง
อีกทั้งยังมีมู่หรูเหยียนผู้ที่ยังไม่ตายผู้นั้น ไม่ว่านางจะซ่อนตัวอยู่ในกองกำลังที่แข็งแกร่งเพียงใดในดินแดนสี่ทิศ นางจะต้องลากตัวนางผู้นั้นมาให้จงได้!
โม่จิ่นและเยวี่ยเจ๋อจับฉลาก เยวี่ยเจ๋อรับผิดชอบในแดนเหนือ และแดนตะวันออกโม่จิ่นรับผิดชอบ ส่วนแดนตะวันตกนั้น ต้องรอตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี!
หลังจากที่มู่เฉียนซีแบ่งหน้าที่กำลังคนเสร็จสิ้น คนอื่น ๆ ก็รับคำสั่งและเคลื่อนไหวทันที
ทันใดนั้นเองโม่จิ่นก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น “นายท่าน ท่าน……ท่านคงจะไม่ละทิ้งหน้าที่ให้พวกเรารับผิดชอบแทนอีกใช่หรือไม่!”
เยวี่ยเจ๋อกล่าว “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถาม”
พวกเขาทั้งสองมองหน้ากันอย่างจนปัญญา มีเจ้านายเช่นนี้พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับทำหน้าที่นี้ไป
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ข้าอยากจะออกไปฝึกประสบการณ์ที่ดินแดนสี่ทิศคนเดียว เพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่งของข้า เรื่องต่าง ๆ ก็แบ่งหน้าที่กันเรียบร้อยแล้ว ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้า ว่าจะต้องทำตามแผนที่ข้าวางไว้ได้อย่างสำเร็จแน่นอน”
โม่จิ่นแทบจะร้องไห้แล้ว เขาร้องตะโกนว่า “นั่นก็หมายความว่า นายท่าน นี่ท่านจะละทิ้งหน้าที่ให้พวกข้ารับผิดชอบแทนอีกแล้ว!”
เยวี่ยเจ๋อกลับนิ่งสงบว่าโม่จิ่นไม่น้อยเลย เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ข้านั้นชินแล้ว พี่ใหญ่ออกไปฝึกประสบการณ์เถอะ ระวังตัวด้วย!”
ต่อให้โม่จิ่นอยากจะกรีดร้องอย่างอนาถยิ่งเสียกว่าผู้หญิง มู่เฉียนซีก็ตัดสินใจจะไปฝึกฝนประสบการณ์แต่เพียงผู้เดียวแล้ว
หลังจากที่เก็บของทุกอย่างเสร็จ มู่เฉียนซีก็มุ่งหน้าไปที่ค่ายกลส่งระยะไกล ผู้ที่เฝ้าดูแลค่ายกลส่งระยะไกลอยู่นั้นเป็นคนของหอหมอปีศาจ
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมา พวกเขาก็กล่าวด้วยความเคารพ “ท่านผู้นำตระกูลมู่จะออกจากเหยียนโจวหรือขอรับ เชิญตามข้าน้อยมาขอรับ!”
ค่ายกลส่งระยะไกลเปิดขึ้น มู่เฉียนซีเข้าไปในค่ายกลส่งระยะไกลและถูกพลังแห่งมิติปกคลุมเอาไว้ แต่ทันใดนั้นเองร่างในชุดขาวร่างหนึ่งกับผู้อาวุโสหลายท่านก็ปรากฏตัวขึ้น นางจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความโหดร้ายพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซี ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่นี่เอง!”