ทุ่งรกร้างศิลาดำเป็นสถานที่ที่รกร้างที่สุดในทุ่งราบรกร้างแห่งนี้ แต่สถานที่ที่รกร้างเช่นนี้กลับมีสมุนไพรขั้นปฐพีชนิดหนึ่งอยู่
ดอกกล้วยไม้หงส์ดำ!
ถึงแม้ว่าสมุนไพรขั้นสวรรค์ของยาหยินหยางอนันต์จะยังหาไม่เจอ แต่สมุนไพรขั้นปฐพีที่ช่วยเสริมนั้นกลับหาเจอมาไม่น้อย และหากโชคดีหาดอกกล้วยไม้หงส์ดำเจอก็ยิ่งดี
เพียงแต่ว่า นางได้หายไปจากค่ายกลส่งระยะไกลเช่นนี้ พวกเขาต้องเป็นกังวลแทบบ้าแล้วแน่
วันต่อมา มู่เฉียนซีได้ไปหาเย่เฉิน
“เย่เฉิน ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าช่วย?”
เย่เฉินกล่าว “แม่นางมู่เป็นถึงผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าเอาไว้ มีเรื่องอันใดให้ช่วยก็บอกข้ามาได้เลย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าพอจะเข้าใจสถานการณ์ในทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่นั้นบ้างแล้ว เดิมทีที่ข้าเดินทางออกมาก็เพื่อที่จะฝึกฝนประสบการณ์ ความยุ่งเหยิง หวาดเสียว อันตราย เรื่องดีเรื่องร้ายมันก็อยู่ปะปนกันไปหมด ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่นี้ถือเป็นการออกเดินทางฝึกฝนประสบการณ์ของข้า และมันก็เหมาะสมที่สุดแล้ว แต่ข้าไม่อยากให้สหายของข้าเป็นกังวล เพราะฉะนั้นเจ้าส่งคนไปแจ้งข่าวให้ข้าสักคนได้หรือไม่”
“ส่วนค่าตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นหยกวิญญาณหรือจะเป็นเม็ดยาวิญญาณก็ได้ทั้งนั้น ไม่มีปัญหา!” มู่เฉียนซีกล่าว
เย่เฉินกล่าว “เจ้าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า ช่วยเจ้าแค่นี้นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ตระกูลเย่ของข้าก็ไม่สามารถรับค่าตอบแทนไว้ได้หรอก แม่นางมู่เตรียมจดหมายให้พร้อมก็แล้วกัน แล้วข้าจะให้คนไปส่งให้”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง!”
มู่เฉียนซีหยิบพู่กันมาเขียนจดหมาย นางเขียนว่า “ข้าปลอดภัยดีทุกประการ กำลังเริ่มฝึกฝนประสบการณ์ในแดนตะวันออก ไม่ต้องเป็นห่วง!”
“เอาไปส่งให้ถึงมือโม่จิ่นที่หอหมอปีศาจที่เหยียนโจวในแดนใต้นะ”
ระยะทางนั้นไกลกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก เย่เฉินกล่าว “ข้าจะให้คนรีบเอาไปส่งให้ถึงเร็วที่สุด”
“เช่นนั้นในระหว่างที่จดหมายยังส่งไม่ถึง ข้าก็ขออยู่ที่จวนตระกูลเย่ไปก่อน รบกวนเจ้าแล้ว” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวอย่างราบเรียบ
“แม่นางมู่อยากจะอยู่นานแค่ไหนก็ย่อมได้ ตระกูลเย่ของพวกเรายินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง” เย่เฉินยิ้มพลางกล่าว
วันที่สามนับจากวันที่มู่เฉียนซีได้หายตัวไปจากค่ายกลส่งระยะไกล มีคนผู้หนึ่งได้เดินทางมาถึงแดนใต้ด้วยท่าทางที่เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ทันทีที่ถามถึงหอหมอปีศาจ ทั่วทั้งเหยียนโจวไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จัก
จดหมายได้ส่งถึงมือโม่จิ่นอย่างราบรื่น โม่จิ่นกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “เป็นลายมือของนายท่าน นายท่านไม่เป็นอะไร แต่ว่า……”
“ท่านหัวหน้านักปรุงยาจวิน……”
“หัวหน้าองครักษ์เงา……”
“เสี่ยวชี……”
“น้องเยวี่ย……”
มู่เฉียนซีส่งจดหมายมาบอกว่าตนเองนั้นปลอดภัย ทำให้พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปมาก
จวินโม่ซีกล่าว “ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าสาวน้อยนั่นดวงแข็งจะตายไป จะเป็นอะไรไปได้อย่างไรกัน!”
โม่จิ่นกล่าว “คนส่งจดหมายผู้นั้นล่ะ!”
เขาไม่ได้ปกปิดที่อยู่ของมู่เฉียนซีแต่อย่างใด โม่จิ่นตกตะลึงขึ้น “นึกไม่ถึงว่านายท่านจะไปถึงสถานที่เช่นนั้นแล้ว”
“น้องชาย เจ้ายังเดินทางอีกไกล ลำบากเจ้าแล้ว ของในแหวนมิตินี้เจ้ารับไว้ รบกวนเจ้ารีบกลับไปรายงานนายท่านพวกเราด้วย”
พวกเขาเป็นกังวลมาก อยากจะรู้ว่านายท่านของพวกเขาปลอดภัยหรือไม่ และเกรงว่านายท่านเองก็กำลังรอข่าวอยู่เหมือนกัน
“เอ่อ……นายน้อยได้บอกเอาไว้แล้วว่าครั้งนี้ช่วยแม่นางมู่ส่งข่าวก็เพื่อที่จะตอบแทนที่แม่นางได้ช่วยชีวิตนายน้อยเอาไว้ ของสิ่งนี้ไม่อาจรับเอาไว้ได้”
“เจ้ารับไปเถอะน่า ถึงแม้นายน้อยของเจ้าจะไม่รับ เจ้าก็มอบให้นายท่านของข้าก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?” โม่จิ่นกล่าว
“ขอรับ!”
หลังจากที่ได้รับจดหมายตอบกลับ มู่เฉียนซีก็วางใจแล้ว พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง ส่วนนางก็ออกไปฝึกฝนประสบการณ์โดยลำพังได้แล้ว
นางพึมพำ “ต่อไปพวกเจ้าก็ได้ไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว ส่วนข้า ก็จะไปทำในเรื่องของข้า ดอกกล้วยไม้หงส์ดำ ข้ามาแล้ว”
มู่เฉียนซีถือแผนที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่นั้น และบอกให้องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูกลับไป
เย่เฉินได้ยินคนมารายงาน เขาก็กล่าวขึ้นว่า “นางไปแล้วเหรอ แล้วนางได้ทิ้งคำพูดใดไว้หรือไม่?”
“แม่นางมู่ไม่ได้ทิ้งคำพูดใดไว้ขอรับ”
“อ้อ! นายน้อย ยังมีสิ่งนี้ที่ลืมให้แม่นางมู่” ทันใดนั้นเอง ผู้ที่ไปส่งจดมายก็ได้เอาแหวนมิติออกมา
เย่เฉินกล่าวถาม “นี่คือสิ่งใด?”
ข้ารับใช้ผู้นั้นตอบด้วยความเคารพว่า “นี่เป็นสิ่งของแทนคำขอบคุณที่ลูกน้องของแม่นางมู่มอบให้กับข้าน้อยขอรับ มันมีค่ามากข้าน้อยไม่กล้ารับมันไว้ แต่สุดท้ายคุณชายผู้นั้นก็บอกให้ข้าน้อยมอบมันให้แม่นางมู่ขอรับ”
แหวนวงนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีสิ่งต้องห้ามใดใด
ใช้พลังจิตตรวจสอบเข้าไปก็รู้แล้วว่าของด้านในเป็นสิ่งใด เม็ดยาวิญญาณระดับสูงมากมายวางเต็มทั่วทั้งแหวนมิติ
นอกจากสิ่งเหล่านี้ก็ยังมีหยกวิญญาณอีกจำนวนไม่น้อย
แหวนมิติวงเล็ก ๆ เช่นนี้สามารถซื้อเมืองเหยียนได้ทั้งเมืองแล้ว กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของมู่เฉียนซี กำลังด้านทรัพย์สินนั้นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งนัก
เย่เฉินกล่าวพึมพำเสียงต่ำว่า “หอหมอปีศาจ หมอปีศาจ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่าทุ่งรกร้างนี้มันแคบเกินไปแล้ว”
ข้ารับใช้ผู้นั้นกล่าวว่า “คุณชาย แม่นางมู่ไปแล้ว แล้วจะทำเช่นไรกับแหวนนี้ดีขอรับ?”
เย่เฉินกล่าว “สิ่งนี้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้ามอบให้เจ้านายเขาหรอก แต่ตั้งใจจะให้เจ้าเป็นค่าตอบแทนต่างหาก เจ้ารับเอาไว้เถอะ!”
“ให้ข้าน้อยรับไว้ ของมีค่าเยอะมากมายเพียงนี้ ข้าน้อย รับไว้ไม่ได้หรอกขอรับ!”
“ในเมื่อเจ้าคิดว่ารับเอาไว้ไม่ได้ เช่นนั้นรอให้นางกลับมาถึงเมืองเหยียนก่อน เจ้าก็ค่อยมอบมันให้กับนาง หวังว่านางจะกลับมาได้”
ทุ่งรกร้างศิลาดำอันตรายมาก มู่เฉียนซีได้อ่านคำแนะนำด้านบน เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน
ถึงกระนั้นแล้ว มู่เฉียนซีก็ยังคงไปอยู่ดี เพราะว่าสมุนไพรที่จะปรุงยาหยินหยางแห่งโชคลาภทุกชนิด ไม่ว่าอย่างไรนางจะต้องเอามาให้ได้
ระหว่างการเดินทางนี้ เป็นเพราะรูปลักษณ์ที่งดงามของมู่เฉียนซีจึงทำให้นางถูกก่อกวนไม่น้อย แต่ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดินั้นเหยียดหยามที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้
พวกลูกน้องปลายแถวเหล่านั้นก็ไม่ยากสำหรับการรับมือ พิษของนางใช่ว่าจะธรรมดาซะที่ไหนกันเล่า
ตอนนี้ พื้นดินใต้ฝ่าเท้าได้พลันเปลี่ยนเป็นศิลาสีดำและแข็งเป็นอย่างมาก
บนพื้นดินเช่นนี้อย่าว่าแต่สมุนไพรวิญญาณขั้นปฐพีเลย ต่อให้เป็นสมุนไพรธรรมดาสักต้นก็ไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้
แววตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายอันตรายออกมา “เย่เฉิน หากเจ้ากล้าหลอกข้า ข้าจะทำให้คนอย่างเจ้าเจอดีแน่”
โฮ่ก!
ไม่มีสมุนไพรวิญญาณอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสัตว์วิญญาณ
ตอนนี้มู่เฉียนซีถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองระดับสามกลุ่มหนึ่งห้อมล้อมแล้ว พวกมันราวกับเม่นก็มิปาน หลังของพวกเต็มไปด้วยหนามแหลมคมคล้ายกับหินสีดำ
หนามแหลมคมเหล่านี้หากแทงเข้าไปในร่างกายต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ตูม ปัง ปัง!
สัตว์ศิลาดำพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
ขวับ ขวับ ขวับ!
มู่เฉียนซีโคจรพลังวิญญาณใช้กระบวนท่าก้าวเท้าพันเทวา ทำให้สัตว์ศิลาดำเหล่านั้นพุ่งตัดผ่านอากาศไม่โดนตัวนาง
กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกจากฝัก มู่เฉียนซีเริ่มตอบโต้!
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“ทักษะเทียนซวน!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ท่ามกลางการถูกสัตว์ศิลาดำไล่ล่านี้ มู่เฉียนซีรู้สึกสงสัยขึ้นมาว่าเย่เฉินผู้ที่กิริยาสุภาพเรียบร้อยแต่ร่างกายบอบบางผู้นั้น อันที่จริงแล้วเป็นเหมือนแมงป่องพิษก็มิปาน คิดจะยืมมือผู้อื่นฆ่าผู้ที่มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเขาอย่างนางให้ตายที่นี่
ปัง!
อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ยังไม่ถึงกับจะคร่าชีวิตนางได้ แต่กลับทำให้นางสามารถเพิ่มพูนประสบการณ์มากขึ้นต่างหาก!
ตูม ปัง ปัง!
ไม่รู้ว่าต่อสู้กันไปมากี่กระบวนท่าต่อกี่กระบวนท่า ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองนั้นล้มลงไปได้
จากนั้น ฉวยโอกาสตอนที่สูญเสียพลังวิญญาณนี้รีบหนีไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าไปในวงล้อมของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม
“โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก เจ้ามนุษย์ เจ้าอย่าหนีนะ!” สัตว์ศิลาดำเหล่านี้ไล่ล่ามู่เฉียนซีอย่างไม่ยอมเลิกราแน่นอน
ทุ่งรกร้างศิลาดำ สถานที่แห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณเติบโตอยู่จริง ๆ ด้วย มู่เฉียนซีได้พบกับสมุนไพรวิญญาณที่หายากมาก แต่ไร้ซึ่งร่องรอยของดอกกล้วยไม้หงส์ดำ
มู่เฉียนซีเดินอยู่ในทุ่งรกร้างศิลาดำแห่งนี้อยู่เป็นเวลาหกเจ็ด จนในที่สุดนางก็ได้พบกับดอกไม้ดอกหนึ่งที่มีใบสีดำ ดอกสีดำ เป็นดอกกล้วยไม้สีดำที่มีดอกเหมือนกับหงส์ที่กางปีกออก และสิ่งนี้ก็คือดอกกล้วยไม้หงส์ดำนั่นเอง!
.