มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “มันสำคัญมาก อย่างน้อยก็สำคัญกว่าชีวิตเจ้าเป็นหมื่นเท่า!”
ต่อให้เขาสูญเสียพลังวิญญาณไป แต่ก็ไม่ถึงกับไร้ค่าเพียงนั้น!
กู้ไป๋อีพบว่าหากต่อปากต่อคำกับหญิงสาวผู้นี้มากไป ก็จะทำให้ความเย็นยะเยือกของเขาพลันเปลี่ยนไปเป็นเปลวไฟได้
“หากหาทางออกไม่เจอ เจ้ากับข้าก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “เจ้าวางใจได้ ต่อให้พวกเราหาทางออกไม่เจอ แล้วต้องตายอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่ให้ใบหน้าอันงดงามของเจ้าสิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน”
“นี่เจ้ากล้าเหรอ!”
แววตาที่มองอย่างอำเภอใจนั้นมองไปที่ใบหน้าของกู้ไป๋อีอย่างไม่ละสายตา ทำให้กู้ไป๋อีกลัดกลุ้มใจขึ้น
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้าล่ะ อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่มีคนอื่น ต่อให้เจ้าจะร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้”
อู๋ตี้พยักหน้าพลางกล่าว “ใช่ ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!”
“ค่อก ค่อก ค่อก นายท่าน นี่นายท่านถูกฝ่าบาททำให้เสียคนไปแล้วกระมัง!” ชิงมู่ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
นับตั้งแต่นายท่านได้เจอกับคนของตำหนักเป่ยหานผู้นี้ นายท่านก็เริ่มทำตัวลวนลามขึ้น ทำให้มันรู้สึกว่านายท่านคงจะถูกฝ่าบาทเข้าสิงไปแล้ว
มู่เฉียนซีแสยะปากและกล่าวว่า “หากเจ้าลามกนั่นมีผลกระทบต่อข้า เจ้านี่ก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุขแล้วล่ะ”
กู้ไป๋อีกล่าว “ต่อให้ตาย ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าทำแผนชั่วสำเร็จแน่”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เจ้าอย่าตื่นเต้นไปเลย ข้ายังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าข้าจะทำอันใด”
แน่นอนว่านางจะไม่ยอมตายอยู่ในที่แห่งนี้ รอยแตกของใต้พื้นดินนี้ยังมีเส้นทางอยู่
มู่เฉียนซีเดินตรงไป นึกไม่ถึงว่าเส้นทางด้านหน้าจะยิ่งกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และสิ่งที่เหลือเชื่อมากกว่านั้นก็คือ ด้านหน้ายังมีประตูบานใหญ่อยู่บานหนึ่ง
ด้านหน้าประตูมีรูปปั้นหินอยู่สี่ตัว อู๋ตี้กล่าว “หงส์ไฟแห่งทิศใต้ เต่าดำแห่งทิศเหนือ มังกรเขียวแห่งทิศตะวันออก และพยัคฆ์ขาวแห่งทิศตะวันตก ที่นี่มีรูปปั้นหินของสัตว์เทวะจตุรทิศคอยปกป้องอยู่ ของที่อยู่ในที่แห่งนี้ต้องไม่ธรรมดามากเป็นแน่”
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “สถานที่เช่นนี้ยากที่จะได้เห็นในดินแดนสี่ทิศ นึกไม่ถึงเลยว่าใต้พื้นดินของทุ่งรกร้างศิลาดำแห่งนี้จะมีเรื่องเหล่านี้อยู่”
เสี่ยวหงกล่าวถามว่า “นายท่าน พวกเราจะเข้าไปหรือไม่!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อค้นพบสถานที่แห่งนี้แล้วก็ต้องเข้าไปแน่นอน หากมีอันตรายเกิดขึ้นก็ค่อยผลักเสี่ยวไป๋ออกไปเป็นกำบังก็ได้แล้ว”
มุมปากของกู้ไป๋อีกระตุกขึ้น ร่างกายของเขา ชีวิตของเขา ในสายตานางนั้นไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อย
“ไปเถอะ!” คิดอยากจะออกไป ที่นี่ก็มีทางนี้แค่ทางเดียวแล้ว นางจำเป็นต้องเดินไปข้างหน้า
ในขณะที่มู่เฉียนซีเข้าใกล้ประตูบานนั้น ทันใดนั้นเองรูปปั้นหินเหล่านั้นก็ถูกกลุ่มหมอกควันสีดำรายล้อม ไม่นานนักพวกมันกลายเป็นร่างจริงและเริ่มโจมตีมู่เฉียนซี
ตูม!
หงส์ไฟ มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว และเต่าดำ นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่รูปปั้นหินเท่านั้น แต่ยังแปลงร่างออกมาต่อสู้ได้ด้วย
กู้ไป๋อีกล่าว “แย่แล้ว นี่ไม่ใช่รูปปั้นธรรมดาทั่วไป แต่มันเป็นกลไกวิญญาณ สาวน้อย รีบถอยหนีเร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีก็คิดที่จะถอยหนีเช่นกัน แต่กลับถูกสัตว์เทพทั้งสี่ทิศนี้รายล้อมเอาไว้แล้ว นางไม่สามารถถอยหนีออกมาได้เลย
ในตอนนี้ หงส์ไฟได้พ่นเปลวไฟสีดำใส่มู่เฉียนซี
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงก็พุ่งออกไปเช่นกัน เปลวไฟของเสี่ยวหงกับเปลวไฟของหงส์ไฟปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ตูม!
เปลวไฟระเบิดขึ้น อู๋ตี้ไม่สามารถรับมือกับอีกสามตัวได้
พลังของพวกมันอย่างน้อยก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!
สถานที่ตรงนี้ไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก ทักษะร่างกายของมู่เฉียนซีนั้นเร็วมาก แต่กลับยากที่จะแสดงความสามารถนั้นออกมา
“ทักษะตี้ซวน!”
“ทักษะเทียนซวน!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เมื่อได้เข้าไปอยู่ในวงล้อมของพวกมันแล้ว ตอนนี้มู่เฉียนซีและพวกก็ยากที่จะหนีออกมา ทำได้เพียงแค่สู้เท่านั้น
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีของสัตว์เทพรูปปั้นหินเหล่านั้น แววตาของกู้ไป๋อีก็เปล่งประกายขึ้น!
พลังความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ไม่เลวเลย เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีผู้หนึ่ง แต่นิสัยกลับใช้ไม่ได้ ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!
นึกไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งมีความกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งราวกับว่าพลังวิญญาณจะใช้ไม่มีวันหมดก็มิปาน มู่เฉียนซีใช้ยาวิญญาณเพิ่มพลังอย่างไม่ลังเล
กู้ไป๋อีเห็นมู่เฉียนซีหยิบขวดยาระดับสูงออกมาขวดหนึ่งและกินเข้าไปหมดขวดราวกับกินลูกกวาดเช่นนี้ มุมปากของเขาก็กระตุกขึ้น
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานะที่สูงส่ง แต่กลับไม่เคยเห็นผู้ใดกินยาวิญญาณที่สิ้นเปลืองเช่นนี้มาก่อน
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าต่อให้นางมียาวิญญาณเพิ่มพลังมากมายเพียงใด แต่ตอนนี้ถูกรายล้อมเช่นนี้ สถานการณ์แย่มาก
จำเป็นต้องเดิมพันอย่างสุดกำลังเพื่อจัดการตัวหนึ่งให้ได้ นางกำกระบี่มังกรเพลิงแน่น แววตาเย็นยะเยือกจ้องมองไปที่หงส์ไฟที่กำลังจะพุ่งเข้ามา
“เจ้าชอบพ่นไฟดำมากนักไม่ใช่เหรอ ข้าจะเผาเจ้าเดี๋ยวนี้!”
“บัวแดงพิฆาต!”
ดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นต่อหน้ามู่เฉียนซี และได้ห่อหุ้มร่างของหงส์ไฟเอาไว้
โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก!
หงส์ไฟพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่อาจต่อสู้ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากบัวแดงพิฆาตนี้ได้
จักรพรรดิแห่งภูตระดับสามระเบิดพลังกระบี่ที่มีพลังอำนาจมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามออกมา กู้ไป๋อีเห็นเช่นนี้แล้วก็อุทานขึ้นในใจสามคำว่า ‘วิปริต!’
เขาเคยเห็นอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน แต่อัจฉริยะที่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้นั้น เขาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ต่อให้เป็นเฟิงอวิ๋นซิวนายน้อยแห่งตำหนักตงจี๋ผู้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ เมื่อตอนที่เขามีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามเขาก็ไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้
หงส์ไฟได้หายไป และกลายเป็นรูปปั้นหิน การโจมตีสี่มุมสี่ด้านนั้นได้หายไปแล้วด้านหนึ่ง ในที่สุดมู่เฉียนซีและพวกก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง
แต่นางดีใจได้ไม่นาน หงส์ไฟที่กลายเป็นรูปปั้นหินนั้นก็ได้พุ่งออกมาอีกครั้ง……
ขวับ!
มู่เฉียนซีรีบหลบอย่างรวดเร็ว เจ้าหมอนี่ฟื้นขึ้นมาเร็วเกินไปแล้ว!
ปัง!
ขาข้างหนึ่งของอู๋ตี้เตะพยัคฆ์ขาวกระเด็นออกไป จนพยัคฆ์ขาวตัวนั้นได้กลายเป็นรูปปั้นหิน แต่ไม่นานนักมันก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน ไม่ได้การแล้ว โจมตีเช่นไรมันก็ไม่ตาย พวกเราต้องถูกขังที่นี่จนตายแน่!”
พลังวิญญาณและกำลังในการต่อสู้ได้สูญเสียไปอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของมู่เฉียนซีไม่ค่อยดีนัก หรือว่าจะไร้ซึ่งหนทางแล้วจริง ๆ
กู้ไป๋อีสังเกตสถานการณ์โดยรอบอยู่ตลอดเวลา เขารู้ดีว่าสาวน้อยผู้นี้จะตายไม่ได้เด็ดขาด หากนางตาย เขาก็ไม่มีทางรอดไปได้
จะต้องมีหนทางจัดการกับรูปปั้นสัตว์เทวะจตุรทิศเหล่านี้ได้สิ
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของเขา เขารู้ดีว่าสาวน้อยผู้นั้นรับมือต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว ครั้นแล้วร่างในชุดขาวก็พุ่งออกมาทันที
ต่อให้ไม่มีพลังวิญญาณ แต่ทักษะการฝึกฝนทางกายและประสบการณ์ที่สั่งสมมาของเขายังคงอยู่ เขาทุ่มเทอย่างสุดกำลังที่มีอยู่และพุ่งตัวออกไปเคลื่อนย้ายรูปปั้นหินนั้นจนได้
ตอนนี้คมเขี้ยวของมังกรเขียวกำลังจะฉีกเนื้อของมู่เฉียนซีเป็นชิ้น ๆ มู่เฉียนซีตัดสินใจจะใช้ยาโชคลาภตี้หลิน แต่ทันใดนั้นร่างของมังกรเขียวก็ได้หายไป และกลายเป็นรูปปั้นหิน
ส่วนสัตว์เทพอีกสามตัวก็ได้กลายเป็นรูปปั้นหินเช่นกัน
ติ๊ง!
มู่เฉียนซีได้ยินเสียงเลือดหยุดลงพื้น และกลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งมาในอากาศ
มู่เฉียนซีหันไปดูก็พบว่าเสื้อผ้าสีขาวราวหิมะของกู้ไป๋อีตอนนี้ได้หยาดย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด และบนพื้นก็มีเลือดไหลลงมาจากร่างของเขาไม่น้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะพุ่งเข้ามาท่ามกลางการต่อสู้และไม่ได้ถูกโจมตีโดยตรง แต่ควันหลงของการต่อสู้ของพวกเขานั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่ไร้ซึ่งพลังวิญญาณอย่างเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ถึงแม้ว่าความเร็วของเขาจะรวดเร็วมาก แต่ผู้ที่ไร้ซึ่งพลังวิญญาณนั้นก็เป็นผู้ที่อ่อนแอเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี
ราวกับว่ากู้ไป๋อีนั้นไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดบนร่างกายของตนเองเลย และเขาก็ไม่ได้สนใจเลือดที่ไหลออกมาแม้แต่น้อย
“ค่ายกลของสัตว์เทวะจตุรทิศนี้ หากทำลายทิศใดทิศหนึ่งไปได้ ทั้งสี่ทิศก็จะถูกทำลายลง ไม่จำเป็นต้องให้สาวน้อยที่เย่อหยิ่งเช่นเจ้า……”
ตุบ!
กล่าวไม่ทันจบ ร่างของกู้ไป๋อีก็หมดสติล้มลงไปเสียก่อน