เย่เฉินกล่าว “ข้านึกว่าตนเองระงับอารมณ์และคำพูดได้ดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเจ้ามองออก ใช่ ข้าตั้งใจ”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้าลงมือ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นนักปรุงยา สําหรับนักปรุงยาแล้ว สมุนไพรวิญญาณระดับสูงนั้นน่าสนใจมากสําหรับพวกเขา ทั่วทั้งเมืองเหยียนเฉิง สมุนไพรวิญญาณระดับสูงสุดที่ข้ารู้ก็คือดอกกล้วยไม้หงส์ดำ”
“ข้าก็เคยลังเลที่จะให้เจ้าไปที่ืทุ่งศิลาดำ ข้ากลัวว่าเจ้าจะตกอยู่ในอันตรายในทุ่งศิลาดำ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าและฉีเอ๋อร์ ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงอันตราย แต่ตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเดิมพัน”
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เดิมพัน? เจ้ากำลังจะเดิมพันอะไร?”
เย่เฉินกล่าว “เดิมพันกับคนที่มีอํานาจช่วยข้า”
มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย “อยากให้ข้าช่วยเจ้า เจ้าสามารถเอาอะไรออกมาได้บ้าง?”
“เนื่องจากเจ้าเป็นนักปรุงยา และเป็นนักปรุงยาที่คลั่งไคล้กับสมุนไพรวิญญาณมาก ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่าข้าสามารถนําสิ่งที่เจ้าพอใจออกมาได้” ในจุดนี้ เย่เฉินมั่นใจอย่างหาที่เปรียบมิได้
“งั้นเจ้าว่ามา นั่นมันคืออะไร?” มู่เฉียนซีถามด้วยความสงสัย
เย่เฉินมองกู้ไป๋อี และกล่าวเสียงเข้มว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าไม่อยากให้ใครรู้เพิ่มอีก”
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าไปรอข้าข้างนอก!”
นางเองก็เช่นกัน นางไม่เชื่อใจกู้ไป๋อี!
ดวงตาของกู้ไป๋อีเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
มู่เฉียนซีกล่าวกับเย่เฉินว่า “ตอนนี้เจ้าพูดได้แล้ว!”
เย่เฉินกล่าว “แม่นางมู่ เจ้าเคยได้ยินสามตระกูลโอสถโบราณมาก่อนหรือไม่?”
มู่เฉียนซีอึ้งไปเล็กน้อย สามตระกูลโอสถโบราณ!
นางกล่าวว่า “รู้แล้วอย่างไร”
จวินโม่ซี ก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลโอสถโบราณ ตระกูลจวินถูกทําลายลงเพราะมีแผนที่ม้วนไม้ไผ่นิรันดร์
แผนที่ม้วนไม้ไผ่อีกสองแผนที่ก็กระจัดกระจายอยู่ด้านนอก และอีกสองตระกูลโอสถใหญ่ก็เกรงว่าจะจบลงด้วยไม่ดีเช่นกัน
“สามตระกูลโอสถโบราณ นําโดยตระกูลจวิน ตามด้วยตระกูลเย่ ตระกูลเสี่ยว ข้าเป็นหนึ่งในคนของตระกูลเย่”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าว “ตระกูลเย่ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลโอสถโบราณตกต่ำจนเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะให้อะไรข้า?”
“ถึงแม้ว่าตระกูลเย่จะถูกทำลายไปแล้ว แต่สมุนไพรล้ำค่าในคลังโอสถของตระกูลเย่ของข้านั้นมิได้ถูกศัตรูทำลายไปด้วย”
“แต่ในตอนนี้สมุนไพรวิญญาณก็ไม่ได้อยู่กับตัวเจ้า”
ถ้าหากว่ามันอยู่ล่ะก็ ตระกูลเย่ก็คงไม่ตกต่ำและเป็นสำนักนิกายครึ่งระดับอย่างฝืนทนเช่นนี้
“แต่ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “เช่นนั้น สมุนไพรวิญญาณในนี้ เจ้าพูดมาสิว่าคลังโอสถนั้นของตระกูลเย่มีกี่ชนิด”
มู่เฉียนซีได้หยิบใบสูตรยาหยินหยางแห่งโชคลาภออกมา เมื่อเย่เฉินมองดูก็มีอาการตกตะลึงอยู่บ้าง เขากล่าว “นี่….นี่มันเป็นใบสูตรยาหยินหยางแห่งโชคลาภ เจ้า….เจ้ากลับมีสูตรยานี้อยู่”
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองสูตรยานี้ไม่ออก แต่ทว่าเย่เฉินกลับมองมันออก
สำหรับในเรื่องสถานะตัวตนของเขานั้น มู่เฉียนซีได้คลายความสงสัยลงมาแล้วบ้างบางส่วน
“โอ้! เจ้ารู้สูตรโอสถนี้?” มู่เฉียนซีกล่าว
เย่เฉินกล่าว “พวกเราสามตระกูลโอสถโบราณนั้นเป็นตระกูลที่คอยปรนนิบัติท่านหม้อวิญญาณนิรันดร์ สูตรการทำยาหยินหยางแห่งโชคลาภนี่ก็เป็นท่านหม้อวิญญาณนิรันดร์สร้างมันขึ้นมา สูตรโอสถที่สูงที่สุดของตระกูลเย่ ลือกันว่ายานี้ แม้ผู้ที่ตายไปแล้วแต่ขอแค่เพียงวิญญาณยังไม่แตกสลายไป ก็สามารถทำให้คนผู้นั้นฟื้นขึ้นมาได้ คนตายกลับฟื้นคืนชีพ ถึงขนาดที่ว่าแย่งชิงชีวิตกับฟ้า เปลี่ยนชะตาอย่างสวนทางกับสวรรค์!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “เจ้ากล่าวมิผิด สถานะตัวตนของเจ้านั้น ข้าเองก็ไม่ได้กุมความเคลือบแคลงสงสัยใดเอาไว้ เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะตอบคำถามข้าแล้ว”
“ยาหยินหยางแห่งโชคลาภ สิ่งที่ยาเม็ดขั้นนี้ต้องการนั้นเป็นสมุนไพรวิญญาณที่หาพบได้ยากยิ่ง นอกจากดอกกล้วยไม้หงส์ดำที่แม่นางมู่หาเจอ ในคลังโอสถตระกูลข้านั้นมีเพียงแค่ดีงูสวรรค์” เย่เฉินกล่าวตามความจริงออกมา และก็ไม่ได้คิดที่จะให้มู่เฉียนซีช่วยเหลือ
มู่เฉียนซีถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ชนิดเดียวหรือ?”
ถึงแม้ว่าจะมีชนิดเดียว นางก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาอย่างไม่เลือกวิธีการ
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เช่นนั้นแล้วสิ่งที่เจ้าต้องการเล่า? ต้องการให้ข้าช่วยเจ้าฟื้นฟูตระกูลเย่ขึ้นมา?”
เย่เฉินส่ายหน้าแล้วกล่าว “มิใช่ ข้าอยากให้เจ้าช่วยให้ข้ากับฉีเอ๋อร์ได้อยู่ด้วยกัน”
หากไม่ใช่เพราะความรัก ไฉนเลยจะมาบอกความลับอันสำคัญเช่นนี้ที่เก็บมาโดยตลอดแก่ผู้แปลกหน้า!
หากไม่ใช่เพราะความรัก เขาก็จะไม่มากแผนการเช่นนี้!
“เพราะท่านเจ้าเมืองขัดขวาง?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม
เย่เฉินส่ายหัวแล้วกล่าว “มิใช่ หากแต่เป็นผู้ที่มีอำนาจที่สุดในพื้นที่ทุรกันดาร นายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหลต้องตากับฉีเอ๋อร์เข้า รอจนเมื่อฉีเอ๋อร์พ้นอายุสิบแปดปีก็จะนำฉีเอ๋อร์ไปเป็นภรรยาน้อย เมืองแห่งความโกลาหลเป็นสำนักนิกายระดับสองแห่งหนึ่ง”
ด้วยมีตระกูลเย่อยู่ มีเมืองเหยียนอยู่ จึงมิอาจที่จะหนีไปด้วยกันได้!
มิเช่นนั้นแล้วเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำเรื่องดั่งเช่นฆ่าล้างเมืองขึ้นมา ที่แห่งนี้คือทุ่งพื้นที่ทุรกันดาร เรื่องเช่นนี้มีให้เห็นกันอยู่มิน้อย
“ข้าสามารถหานักฆ่าแล้วส่งไปเชือดเขาได้ เจ้าคิดเช่นไร?” มู่เฉียนซีถามขึ้น
“ฆ่านายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหลไป ก็ยังจะมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนเพ่งเล็งไปที่ฉีเอ๋อร์ เพราะว่า….”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้น “เพราะฉีเอ๋อร์นั้นเป็นร่างจิ่วอินซวน เป็นเตาหลอมแห่งสวรรค์?”
“เจ้ารู้?”
“ข้าเองก็มิได้ตรวจร่างกายของฉีเอ๋อร์อย่างละเอียด แต่เป็นเจ้าที่เตือนข้า เมื่อายุสิบแปดปี! การที่ร่างจิ่วอินซวนจะตื่นขึ้นมานั้นต้องใช้เวลาสิบแปดปี เมื่อถึงเวลานั้นแล้วจึงจะสามารถใช้ได้”
เย่เฉินกล่าว “เจ้าไม่ธรรมดาอย่างมากดั่งที่คิดเอาไว้จริง ๆ”
มู่เฉียนซีคิด ๆ ดูแล้วก็กล่าวขึ้น “อยากที่จะปกป้องผู้หญิงที่ใจของเจ้ารัก เจ้าก็ต้องฆ่าคนที่รู้เรื่องนี้ทิ้งเสียให้สิ้น ไม่ให้เหลือแม้แต่เพียงผู้เดียว หรือไม่ก็ตัวของเจ้าเองต้องแข็งแกร่งขึ้นมา แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ไม่ว่าจะเป็นสำนักนิกายระดับสองหรือสามก็ล้วนแต่ไม่สามารถทำอะไรนางได้”
หญิงสาวที่ไร้เดียงสาและจิตใจดีผู้นั้นมีร่างกายเช่นนี้อีกทั้งยังอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร สำหรับนางแล้วมันมีแต่เรื่องร้ายไร้ซึ่งเรื่องดี ๆ เลยแม้แต่สักเรื่องเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “สิ่งแรกนั้นง่ายดายกว่ามากนัก แต่ทว่ามันก็เหมือนดั่งมัจฉาหลุดจากตาข่าย เป็นการรักษาตามอาการแต่มิใช่รักษาที่ต้นเหตุ ส่วนสิ่งหลังนั้นยากลำบากกว่ามากนัก”
นางเงยหน้าขึ้นมองเย่เฉินแล้วกล่าวขึ้น “เย่เฉิน จงบอกสิ่งที่เจ้าเลือกแก่ข้า”
“ข้าเลือกสิ่งหลัง ปกป้องนางไปตลอดชีวิตอย่างไร้กังวล” เย่เฉินกล่าวอย่างหนักแน่น
“เจ้าสามารถจ่ายด้วยอะไรได้? ดีงูสวรรค์หนึ่งชิ้นนั้นไม่พอแน่”
“เช่นนั้น หม้อที่สร้างเลียนแบบหม้อเทพนิรันดร์ขึ้นมาหม้อหนึ่ง หม้อเทพไท่อีเล่า?”
“หม้อเทพไท่อี?” มู่เฉียนซีพึมพำเสียงต่ำ
“นี่ก็ยังไม่พอ นอกเสียกจากจะเป็นหม้อเทพนิรันดร์” มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว
เย่เฉินกล่าวอย่างจนปัญญา “หม้อเทพนิรันดร์ ถ้าหากหม้อเทพนิรันดร์อยู่ที่ตระกูลเย่ล่ะก็ พวกเราตระกูลเย่คงมิได้ถูกทำลายลงง่าย ๆ แม่นางมู่ สิ่งที่เจ้าต้องการนั้นข้าไม่สามารถนำมาให้ได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเงื่อนไข เจ้ามาเป็นสมุนข้าสิบปี ในระยะเวลาสิบปีนี้จะต้องฟังคำสั่งของข้า ห้ามทรยศ เป็นเช่นไร?”
เขามาจากตระกูลโอสถโบราณ เขาหยิ่งยโสไม่ต่างจากคนทั่วไป แต่ต้องมายอมภักดีกับผู้อื่นถึงสิบปี สิบปีเต็ม…..
เย่เฉินหลับตาทั้งสองข้างลงแล้วกล่าว “เจ้าให้ข้าคิดหน่อยนะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ให้เวลาเจ้าเพียงหนึ่งวัน หากหนึ่งวันให้หลังแล้วเจ้าไม่ให้คำตอบกับข้า ข้าจะไปจากเมืองเหยียน”
เย่เฉินกล่าว “ข้ารู้แล้ว”
เย่เฉินเปิดประตูแล้วเดินออกไป กู้ไป๋อีเดินเข้ามาแล้วกล่าว “สาวน้อย คุยกับเสือเพื่อขอหนัง เกรงว่าจะโดนมันย้อนเขมือบเอา! มิสู้รีบไปจากพื้นที่ทุรกันดารนี่ แล้วไปที่…..”