หญิงสาวชุดดำมองมู่เฉียนซีอย่างพิจารณาพร้อมยิ้มแล้วกล่าว “น้องสาวอย่าได้โกรธเกรี้ยวเช่นนั้นสิ! ข้าแค่อยากจะยืมสัตว์เลี้ยงของเจ้าไปเล่นแค่เพียงไม่กี่วันก็เท่านั้น จะไม่เล่นให้เสียหายอย่างแน่นอน”
สัตว์เลี้ยง!
ดวงตาอันเย็นชาของกู้ไป๋อีฉายแววอันเดือดดาล!
ดวงตาของมู่เฉียนซีก็ยิ่งทวีความเย็นยะเยือกขึ้นไปอีก “เจ้ารนหาที่ตาย!”
“ถึงแม้ว่าข้าจะบังเอิญผ่านไปเก็บเสี่ยวไป๋มาได้ แต่เขาก็เป็นมิตรสหายของข้า และตอนนี้ก็ยิ่งเป็นอาจารย์ของข้าด้วย เจ้าสตรีมีพิษผู้นี้กลับกล้าเหยียดหยามเขา ข้าจะส่งเจ้าไปสำนึกผิดในนรก!”
สตรีมีพิษกล่าว “น้องสาว ปากของเจ้านี่ไม่เบาเลย ต้องการที่จะช่วยบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ก็ต้องมาดูกันว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!”
ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ!
งูพิษหลายตัวพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
เข็มยาหลายเข็มได้พุ่งออกไปจากปลายนิ้วของมู่เฉียนซี และได้ไปถูกจุดสำคัญของงูพิษเหล่านั้นเข้า!
ซึบ ซึบ ซึบ!
หลังจากที่งูพิษเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บ ในตอนแรกนั้นพวกมันยังพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ในตอนหลังพวกมันทำได้แต่เพียงยอมรับชะตากรรม!
สตรีมีพิษตกตะลึงเมื่อพบว่างูพิษอันเป็นที่รักของนางต้องพิษเข้าเสียแล้ว
“นั่น….มันเป็นไปได้อย่างไร?”
ในตอนนี้เองมู่เฉียนซีได้ปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องบนของนาง “พิษเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้า สำหรับข้าแล้วมันมิได้นับเป็นอะไรทั้งสิ้น”
“ในตอนนี้ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”
“ทักษะเทียนซวน!”
บึ้ม!
ทักษะเทียนซวนร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ พลังทำลายล้างของมันทำให้สตรีมีพิษมิอาจที่จะหลบหลีกไปได้!
ปัง!
ร่างกายของนางถูกระแทกจนทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมาบนพื้น!
“พรวด!” สตรีมีพิษได้กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ แต่กระดูกทั้งตัวของนางนั้นกลับมิได้แหลกสลายไป
มู่เฉียนซีมองเห็นตรงภายใต้ชุดคลุมยาวที่ขาดสลายมีเกล็ดสีดำสนิทของอสรพิษอยู่
นั่นมันมิใช่ชุดเกราะแต่อย่างใด หากแต่เหมือนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากร่างกายของนาง
สตรีมีพิษกล่าว “น้องสาว วันนี้ข้าดูเบาศัตรูไปเสียหน่อย คราหน้าข้าจะมาทวงตัวชายงามของเจ้าใหม่อีกครั้ง!”
“คิดจะจากไป เจ้าฝันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซียกมือขึ้นเตรียมที่จะโจมตี
แต่สตรีมีพิษนั้นก็เหมือนกับสิ่งที่สามารถปล่อยพิษได้โดยธรรมชาติก็มิปาน ควันพิษสีดำพลันปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ
นางมิได้เป็นกังวลในควันเหล่านี้ แต่ทว่าเสี่ยวไป๋….
ปัง!
เสียงหนึ่งดังขึ้น บัดนี้กู้ไป๋อีที่ต้องพิษเข้าไปหลายชนิดได้ล้มลงไปบนพื้นโดยที่ทั้งตัวไร้สิ้นเรี่ยวแรง
มู่เฉียนซีไม่สนใจที่จะไล่ตามสตรีมีพิษผู้นั้นไปแล้ว นางจะต้องไปดูสภาพของกู้ไป๋อีก่อน
ทันทีที่มู่เฉียนซีสัมผัสตัวของกู้ไป๋อีก็พบว่าตัวของเขานั้นร้อนเสียจนน่ากลัว
มันมิใช่พิษที่ชาวเมืองโดนเข้าไป แต่มันคือพิษที่เกิดจากอสรพิษกัด
บนร่างของเขานั้นมีร่องรอยที่ถูกอสรพิษกัดอยู่หลายแห่ง ในตอนนี้ได้มีเลือดสีดำทะลักออกมา
และบัดนี้เย่เฉินได้รีบตามมาจนทัน ความรวดเร็วของเขานั้นช้ากว่ามู่เฉียนซีไปไม่น้อย
เมื่อเห็นสภาพของกู้ไป๋อี เขาเองก็ตะลึงงันแล้วกล่าวขึ้น “นายท่าน ท่านกู้เขา….”
“เตรียมน้ำร้อนถังใหญ่เอาไว้ แล้วก็ไปจับตัวสตรีที่สวยที่สุดในเมืองเหยียนมา”
เย่เฉินกล่าว “สาวงามอันดับหนึ่งของเมืองเหยียนคือฉีเอ๋อร์ นายท่านคงจะไม่…..”
“เช่นนั้นก็นำเอาอันดับสองมา อย่างไรเสียก็หาที่พอเข้าตามาให้ข้าสักผู้หนึ่ง…….”
ในตอนนี้เอง เสียงที่แหบแห้งเสียงหนึ่งได้ลอยมา “ไม่จำเป็น!”
“กู้ไป๋อี เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าเป็นเช่นไร? ไม่จำเป็น? เจ้าคิดที่จะเป็นขันทีรึ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างดุดัน
กู้ไป๋อีกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ไม่…จำเป็น!”
ถึงแม้ว่าจะมีพิษหลายชนิดรวมอยู่ด้วยกันจนกระทั่งมีสติที่ไม่ชัดเจน แต่ทว่าครั้งที่สองที่กล่าวคำสามคำนั้นออกมา กลับกล่าวออกมาได้อย่างไม่ยอมให้ผู้ใดกล่าวแทรก!
มู่เฉียนซีกล่าว “เตรียมน้ำร้อน!”
นางกระซิบที่ข้างหูของเขาเบา ๆ “เจ้าต้องการจะอดทนก็เชิญเถอะ! หากถึงตอนนั้นแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วเจ้าเกิดชอบผู้ชายด้วยกันขึ้นมาข้าเองก็จะไม่เหยียดหยามเจ้า”
เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีกล่าวคำพูดเช่นนี้มาอย่างเลือนราง กู้ไป๋อีที่ต้องพิษเข้าจนถึงขั้นอันตรายนั้นก็โกรธเสียจนแทบจะช้ำในจนกระทั่งดวงตาทั้งสองข้างมืดดับสลบไป
กู้ไป๋อีนอนแช่อยู่ในน้ำร้อน เข็มยากว่าหลายสิบเล่มได้ปิดจุดชีพจรของเขาเอาไว้
ก่อนอื่นต้องจัดการกับพิษจากการโจมตีเมื่อครั้งก่อนหน้าที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนพิษของอสรพิษนั้น…
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ฟึบ ฟึบ ฟึบ!
เข็มยาทั้งหมดได้กระเด็นลอยออกมา
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
เข็มยาได้ทิ่มปักเข้าไปในกำแพงทีละเข็มทีละเข็ม
สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก พิษอื่น ๆ นั้นได้ถอนออกไปแล้ว แต่ทว่าพิษของอสรพิษนั้นกลับกำเริบอย่างสมบูรณ์เสียแล้ว
กู้ไป๋อีลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างที่เย็นยะเยือกเสียยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็ง ในบัดนี้ได้มีแววของเปลวเพลิงขึ้น เขายื่นมือออกมาจับตัวมู่เฉียนซีเอาไว้
“กู้ไป๋อี เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถทนได้ หากตอนนี้เจ้าทำอะไรมั่วซั่วล่ะก็ ข้าฆ่าเจ้าแน่!” นางกล่าวด้วยเสียงขรึม
แต่ทว่าข้อมือของนางกลับถูกกู้ไป๋อีกุมเอาไว้แน่น สำหรับเขาที่เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างบริสุทธิ์แล้ว เรื่องของแรงพลังนั้นมากเสียจนน่ากลัว
ใบหน้าอันงดงามของกู้ไป๋อีนั้นกำลังเข้ามาใกล้ ใกล้เข้ามาอีก แล้วก็กล่าวขึ้นที่ข้างหูของมู่เฉียนซี “คุณหนูใหญ่ ตีข้าให้สลบ!”
ดวงตาที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงคู่นั้นสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่มิอาจหาผู้ใดเทียบได้ ในหัวสมองนั้นเกิดความวุ่นวายจนไม่ไหว ในที่สุดเขาก็ได้หลับตาลงไป
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ ข้าดูเบาเจ้าไปจริง ๆ สามารถฝึกยุทธ์ไปได้จนถึงขั้นนั้น จิตใจของเจ้านั้นไร้ซึ่งที่ติจริง ๆ เพียงแค่พิษงูมิจำเป็นที่จะต้องหวั่นกลัวมันเลย!”
เข็มยาเข็มหนึ่งได้ทิ่มเข้าไปในแขนของเขา
มู่เฉียนซีกล่าว “มาเร็ว! นำตัวเขาไปแช่ที่บ่อเย็น”
แช่ตัวเสียหน่อย แช่เสียจนกว่าจะสามารถฟันฝ่าไปได้ แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น
ภายในบ่อเย็นนั้น กู้ไป๋อีรู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก
เขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้ที่ไม่กลัวตายมาวางยาพิษเขา พิษของมันมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพิษของอสรพิษนี้เลย แต่ทว่าเขากลับสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างสบาย ๆ
แต่มาตอนนี้…..
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวด!
หรือเป็นเพราะพลังความสามารถของตนเองลดลง ความสามารถในการต้านทานพิษก็เลยลดลงไปด้วย
ในชีวิตนี้นอกจากการฝึกยุทธ์แล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ยิ่งสตรียิ่งมิต้องกล่าวถึง
แต่มาตอนนี้ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยเงาร่างของคนผู้หนึ่ง ซึ่งไม่อาจที่จะลบล้างออกไปได้ คุณหนูใหญ่ ซีเอ๋อร์…..
เย่เฉินถูกส่งมาให้ดูแลกู้ไป๋อี ทันทีที่มีเหตุการณ์ก็ให้ไปรายงานทันที ทั้งที่เจ็บปวดเช่นนี้แต่กลับสามารถอดทนเอาไว้ได้ จิตใจของท่านกู้ช่างน่ากลัวเสียยิ่งนัก
ในที่สุดกู้ไป๋อีก็ผ่านพ้นมันไปได้ แต่ทว่าไข้ใจนั้นยากที่จะหลีกเลี่ยงไปได้
มู่เฉียนซีมองสภาพที่ซีดเซียวของเขาแล้วกล่าว “โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรไปกลางครัน มิเช่นนั้นล่ะก็ ช่างน่าขายหน้านัก”
กู้ไป๋อีมองไปที่นางด้วยอาการตะลึงค้างและมิได้กล่าวอะไร
มู่เฉียนซีโบกมือไปมาตรงด้านหน้าสายตาของเขาแล้วถามขึ้น “เป็นอะไรไป? เจ้าคงมิได้ไข้ขึ้นเสียจนเสียสติไปกระมัง?”
“ข้าต้องการพักผ่อนอยู่ผู้เดียวสักครู่!” เขากล่าวอย่างราบเรียบ
นี่คือคำสั่งไล่แขกนี่!
มู่เฉียนซีกล่าว “ได้ เจ้าพักผ่อนให้ดีเสียเถิด! ก็แค่เพียงเป็นไข้เท่านั้น มีข้าอยู่ วันพรุ่งนี้เจ้าก็หายดีแล้ว”
กู้ไป๋อีมองตามไปยังเงาหลังของร่างสีม่วงนั้นด้วยแววตาที่หม่นหมอง เขากล่าวกับตนเองในใจ ‘ท่านอาจารย์ ข้านั้นละอายต่อคำเตือนของท่าน’
เขายังคงจดจำได้อย่างชัดเจน ในคำที่ผู้เป็นอาจารย์เคยกล่าวไว้กับเขา
เส้นทางแห่งการต่อสู้ของเจ้าถูกกําหนดให้เป็นเส้นทางที่ไร้ความปรานี หากเกิดความรู้สึกขึ้นมา เช่นนั้นข้าก็ไม่มีศิษย์เช่นเจ้าอีกแล้ว
เพราะในชีวิตนี้ของเจ้าจะไม่มีทางไปถึงความสูงส่งในระดับที่ข้าคาดหวังเอาไว้
ความรักคืออันใด? เขาอยู่มาหลายสิบปีแล้วไม่เคยเข้าใจเลยแม้แต่น้อย!
แต่ทว่าเมื่อคืนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจมันเสียแล้ว มันเป็นความคิดที่ทำให้ก้นบึ้งของจิตใจบ้าคลั่งที่สุดอย่างหนึ่ง มันเป็นความรู้สึกที่สามารถทำลายเหตุผลทุกสิ่งลงได้
เย่เฉินคุกเข่าที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “นายท่าน ต้องโทษที่เมื่อคืนข้าจัดการไม่ดี ทำให้มีคนแทรกซึมเข้ามาในตระกูลเย่และทำร้ายท่านกู้ได้”