มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ข้ารู้แล้ว”
ทันใดนั้นเงาร่างสีดำสนิทเงาหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับภูตผี
ผู้มาเยือนนั้นมีรูปร่างสูงยาว สีหน้านั้นก็ซีดเผือดราวกับไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงแม้แต่น้อย นับเป็นการทำลายใบหน้าอันหล่อเหลานั้นยิ่งนัก
เขามองไปที่มู่เฉียนซีแล้วกล่าว “เจ้าหนูนี่ก็คือเจ้าหนูที่สำเร็จในการเป็นตำแหน่งจักรพรรดิในครั้งนี้?”
“ใช่แล้วขอรับ ท่านมหาจักรพรรดิหลานตี้”
มหาจักรพรรดิหลานตี้กล่าว “รูปลักษณ์ของเจ้าหนูนี่ใช้ได้จริง ๆ กลับไปที่วังมหาจักรพรรดิกับข้า ปรนนิบัติข้าจนเมื่อข้าพอใจแล้ว ข้าก็จะมอบฉายาแห่งตำแหน่งจักรพรรดิให้”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอโทษเป็นอย่างยิ่ง แต่ไหนแต่ไรมาข้าชอบให้ผู้อื่นมาปรนนิบัติข้า ข้าไม่ชอบที่จะไปปรนนิบัติผู้อื่น”
มหาจักรพรรดิหลานตี้หัวเราะแผ่วเบา “เด็กสาวนี่ช่างพูดช่างจาไม่เบา แต่ถ้าหากไร้ซึ่งฉายาแห่งตำแหน่งจักรพรรดิ ความพยายามที่เนิ่นนานมาเช่นนี้ของเจ้าก็จะศูนย์เปล่า ปรนนิบัติข้าเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ขอแค่เพียงต้องเสียสละ…”
“ต้องเสียสละอะไร? ไหนเจ้าลองบอกให้ข้าฟังสักหน่อย!” เสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งได้ลอยมา
กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกนั้นทำให้ผู้คนสั่นสะท้านอย่างมิอาจที่จะควบคุมตนเองเอาไว้ได้
มหาจักรพรรดิหลานตี้มองไปยังเงาร่างสีขาวที่พลันปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน บุรุษผู้สูงส่งและแสนเย็นชาผู้นั้น
เขาเบิกตากว้างแล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ท่าน…ท่านราชทินนามหาน…”
กู้ไป๋อีมองไปยังมู่เฉียนซีพร้อมกล่าว “ครั้งนี้คุณหนูใหญ่ไปเล่นอยู่ในมิติแห่งความตายเสียค่อนข้างนานเชียว?”
มู่เฉียนซีถามกลับ “เวลาเพียงวันเดียวนานมากนักหรือ?”
ขาทั้งสองข้างของมหาจักรพรรดิหลานตี้สั่นระริก
คุณหนูใหญ่?
นี่คงจะเป็นอารมณ์ขันเป็นพิเศษของท่านราชทินนามหานกระมัง! จะต้องใช่…ต้องใช่แน่ ๆ…
แม้ต้องตายเขาก็ไม่คิดว่าบุรุษผู้สูงศักดิ์ดั่งเช่นท่านราชทินนามหานผู้นี้จะยอมอยู่ภายใต้ผู้อื่น!
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างราบเรียบ “ในเมื่อคุณหนูใหญ่ว่าไม่นานก็คือไม่นาน”
แค่ไม่เป็นไรก็พอแล้ว!
สายตาอันเฉยเมยของเขาจะจ้องไปที่มหาจักรพรรดิหลานตี้ จากนั้นเขาก็เอ่ยปากกล่าวขึ้น “ผู้ที่ข้ากู้ไป๋อีปรนนิบัตินั้นต้องไปปรนนิบัติเจ้า เจ้าแบกรับเอาไว้ได้หรือ?”
ตุบ!
ทันใดนั้นมหาจักรพรรดิหลานตี้ก็ทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้น เขากล่าวด้วยอาการสั่นระริกว่า “ท่านราชทินนามหานไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าไม่ทราบจริง ๆ ว่าหญิงสาวผู้นี้รู้จักกับท่าน”
มู่เฉียนซีถามขึ้น “เช่นนั้นแล้ว ฉายาตำแหน่งจักรพรรดิของข้าเล่า? เจ้าจะมอบให้หรือไม่กันแน่?”
“มอบให้ เจ้าต้องการฉายาอะไรก็เอาฉายานั้น!”
มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วแต่เจ้าก็ได้แล้ว”
อย่างไรเสียฉายาของตำแหน่งจักรพรรดิคงจะไม่อยู่กับนางไปนานนัก
มู่เฉียนซีได้มอบปัญหานี้ให้แก่เขา นี่จึงทำให้มหาจักรพรรดิหลานตี้ลำบากใจอยู่บ้าง
หากฉายาที่เขากล่าวออกมานั้นทำให้นางหรือว่าท่านราชทินนามหานไม่พอใจ เช่นนั้นมิใช่ว่ามีแต่ความตายหนทางเดียวหรือ
โฆษกในชั้นที่แปดทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจึงได้เอ่ยปากกล่าวขึ้น “ท่านมหาจักรพรรดิหลานตี้ ในตอนที่ต่อสู้อยู่บนเวทีประลองผู้คนต่างพากันเรียกคุณหนูมู่ว่าท่านโยวหลัว”
มหาจักรพรรดิหลานตี้กล่าว “ได้ชื่อแล้ว! เช่นนั้นก็จงเรียกว่าจักรพรรดิโยว”
เมื่อมหาจักรพรรดิหลานตี้กล่าวออกไป มงกุฎสีดำสนิทนั้นก็ได้มาปรากฏขึ้นบนศรีษะของมู่เฉียนซี จากนั้นก็ได้ปรากฏตัวอักษรที่เขียนว่าโยวขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันที่บนหอคอยแห่งความตายก็ได้ปรากฏภาพแบบเดียวกันขึ้น
“จักรพรรดิโยว!”
“หอคอยแห่งความตายได้มีตำแหน่งจักรพรรดิปรากฏขึ้นอีกหนึ่งตำแหน่ง จักรพรรดิโยว!”
“ท่านโยวหลัวได้กลายเป็นจักรพรรดิโยวแล้ว”
ดังนั้นแล้วโฆษกจึงได้กล่าว “ขอแสดงความยินดีกับจักรพรรดิโยวด้วย ยินดีด้วย! เจ้าได้กลายเป็นตำแหน่งจักรพรรดิผู้แรกของหอคอยแห่งความตายของพวกเราในรอบสิบกว่าปีมานี้”
มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อสิ้นเรื่องแล้วพวกเราก็กลับกันเถอะเสี่ยวไป๋!”
กู้ไป๋อีพยักหน้ารับ “ขอรับ!”
เมื่อเห็นเงาหลังของคนทั้งสองจากไป มหาจักรพรรดิหลานตี้แทบไม่อยากจะเชื่อ
เสี่ยวไป๋!
กลับมีผู้กล้าเรียกขานท่านราชทินนามหานเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นเจ้านายผู้สูงศักดิ์ก็ยังมิกล้า!
เมื่อพวกเขาทั้งสองออกจากประตูมาก็ได้พบเข้ากับผู้คนที่มาแสดงความยินดีด้วยจำนวนหนึ่ง พวกคนที่ประจบประแจง
ภายใต้กลิ่นอายอันหนาวเหน็บของกู้ไป๋อี พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้มู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่กู้ไป๋อีและมู่เฉียนซีกลับไปถึงป้อมปราการแล้ว ทันใดนั้นประตูก็ได้เปิดออก จากนั้นก็มีเด็กผู้หญิงสวมชุดสีดำพุ่งออกมา
“พี่ไป๋อี ท่านมาแล้ว!”
มู่เฉียนซีตะลึงค้างก่อนจะกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ แขกของเจ้ามาแล้ว”
“เงาจันทราคู่!”
เมื่อเผชิญกับผู้ที่มู่เฉียนซีเรียกว่าแขก กู้ไป๋อีจึงชักกระบี่ออกมาต้อนรับในทันที
บึ้ม!
เกิดเสียงดังสลั่น เด็กสาวผู้นั้นหลบไปอย่างรีบร้อน
แควก!
ชุดวังสีดำอันปราณีตนั้นได้ถูกกรีดขาดเป็นรอยขึ้นมารอยหนึ่ง
นางกล่าวอย่างน้อยใจ “พี่ไป๋อีข้ารอท่านมานานเช่นนี้ ท่านกลับลงไม้ลงมือกับข้า ข้า…ข้าช้ำใจนัก!”
“ใครอนุญาตให้เจ้ามาที่นี่?”
ราชทินนามเฮยยิ่งน้อยใจเข้าไปทุกที ดวงตาทั้งสองข้างนั้นใกล้จะแดงก่ำ
นางมองไปยังมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “พี่สาว ดูสิพี่ชายไป๋อีทำเกินไปนัก!”
ท่าทางที่น่ารักเช่นนี้ หากผู้อื่นได้เห็นเข้าแล้วคงจะอดไม่ไหวต้องยื่นมือเข้ามามอบความยุติธรรมให้นางอย่างแน่นอน
ส่วนมู่เฉียนซีที่ชอบแต่จะช่วยเหลือคนของตนเองมาโดยตลอด และจะไม่ช่วยผู้ที่แปลกหน้าผู้หนึ่ง
ตัวเล็กน้อยเช่นนี้แต่สามารถอยู่รอดในเมืองเฮยตูได้ ไม่ต้องใช้สมองคิดยังรู้ได้เลยว่าเจ้าหนูนี่ไม่ธรรมดาง่ายดายอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซียิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วกล่าว “น้องสาว หลังจากนี้อย่าได้บุกเข้าไปในบ้านผู้อื่นเขามั่วซั่วอีก เสี่ยวไป๋ของข้านั้นลงมือกับเจ้าค่อนข้างอ่อนโยน ถ้าหากว่ามิอ่อนโยนละก็! คงจะทำให้ร่างเล็ก ๆ น่ารักเช่นเจ้าไร้ซึ่งศพและซากกระดูกไปแล้ว”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของราชทินนามเฮยนั้นแข็งทื่อ ดวงตาใส ๆ กลมโตนั้นได้ฉายแววแห่งความริษยาออกมา
“เสี่ยวไป๋ของเจ้า…เจ้ากลับกล้าเรียกพี่ไป๋อีว่าเสี่ยวไป๋ เจ้ากลับกล้าบอกว่าพี่ไป๋อีเป็นของเจ้า ข้าจะ…”
ไม่ทันรอให้นางลงมือกับมู่เฉียนซีด้วยความริษยา กระบวนกระบี่อันไร้ความปราณีของกู้ไป๋อีก็ได้พุ่งเข้ามาแล้ว นางจึงทำได้เพียงหลบหลีกไปมาอย่างทุลักทุเล
กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ มิต้องไปสนใจผู้อื่น เข้าไปเถิด!”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ได้!”
ทั้งสองเข้าไปในป้อมปราการ และทันทีที่ประตูได้ปิดลงก็เหลือไว้เพียงราชทินนามเฮยที่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตรงนั้น
ราชทินนามเฮยกล่าว “หญิงสาวที่อ่อนแอและไม่มีจิตใจรักใคร่ผู้นั้นมีดีตรงไหนกัน? นอกจากการที่นางมีร่างกายที่ถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องอื่น ๆ นั้นไม่สามารถที่จะสู้ข้าได้เลย ทำไมพี่ไป๋อีถึงไปชอบนาง ทำไม?!”
มู่เฉียนซีหันกลับไปมองกู้ไป๋อีแล้วถามขึ้น “เด็กสาวน้อยเมื่อครู่นี้เป็นใครกัน?”
กู้ไป๋อีกล่าว “หนึ่งในสิบสองราชทินนาม นามว่าเฮย”
“ผู้ที่ได้รับตำแหน่งราชทินกลับมีสภาพเหมือนเด็กผู้หนึ่ง?” มู่เฉียนซีค่อนข้างสงสัย
กู้ไป๋อีกล่าวตอบ “เป็นเพราะการฝึกเคล็ดวิชา ร่างกายของนางได้หยุดเติบโตตั้งแต่นางยังเล็ก อย่างน้อยนางก็เป็นตัวประหลาดพันปีผู้หนึ่ง จากนี้ไปคุณหนูใหญ่อยู่ให้ห่างนางเสียหน่อย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตัวประหลาดพันปีที่สำเร็จได้เป็นตำแหน่งราชทินนามมิอาจจะรับมือได้ง่าย ๆ แน่นอนว่าข้าจะต้องอยู่ให้ห่างจากนาง”
กู้ไป๋อีถามขึ้น “คุณหนูใหญ่ มาวันนี้เจ้าได้สำเร็จเป็นตำแหน่งจักรพรรดิแล้ว ต้องการจะไปจากเมืองเฮยตูเลยหรือไม่?”
หลงฉือได้เริ่มสนใจในการมีอยู่ของคุณหนูใหญ่แล้ว ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้พบว่านางนั้นพิเศษ!
หากทันทีที่หลงฉือมีความคิดบางอย่าง นางจะเป็นอันตรายอย่างมากอย่างแน่นอน
“จากไป? เพราะตุ๊กตาตัวน้อยที่มืดมน ราชทินนามเฮยนั่นหรือ?” มู่เฉียนซีถามขึ้น
“ต่อจากนี้ไปมันจะอันตรายยิ่งขึ้น และไม่เพียงแค่จากนางเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าต้องการให้ข้าได้เป็นตำแหน่งมหาจักรพรรดิ ข้าก็ได้ตอบรับไว้แล้ว มาตอนนี้ข้าสำเร็จได้เป็นตำแหน่งจักรพรรดิ เจ้ากลับต้องการให้ข้าจากไป เช่นนี้มิได้!”
“อีกทั้งเพราะการท้าสู้กับหอคอยแห่งความตาย ทักษะกระบี่และทักษะโยวหลัวของข้าก็ได้ฝึกฝนไปจนดีเยี่ยมเป็นอย่างมากแล้ว แต่ทว่ายังมิได้บรรลุจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่สี่ ยังมิบรรลุเป้าหมายของการออกมาฝึกฝนในครั้งนี้ จะให้จากไปเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?”
.
.