ทันทีที่การโจมตีตกลงไป กู้ไป๋อีก็พบว่าการโจมตีของพวกเขานั้นไม่มีผล
เขารีบดึงมู่เฉียนซีกระโดดขึ้นกลางอากาศเพื่อหลบหลีก จนในที่สุดก็ได้รู้ว่าสิ่งใดที่ลอบโจมตีพวกเขา
มันคือใยแมงมุมสีดำที่ยาวเหยียดอย่างไม่ขาดตอน และในตอนนี้หนึ่งในราชทินนามซวงถูกพัวพันแล้ว
โชคดีที่พี่ชายเขากับเขาได้แยกออกจากกัน จึงสามารถใช้กระบี่ฟันใยแมงมุมนั้นขาดได้
ทว่า ต่อมาใยแมงมุมสีดำก็ได้โจมตีพวกเขาจากทั่วทุกสารทิศ
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลงฉือนั้นหลบหลีกได้อย่างสบาย
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าทั้งหลาย เกะกะทางข้าแล้ว”
เปลวไฟสีดำสีเดียวกับใยแมงมุมนั้นได้แผ่ซ่านออกมารอบ ๆ บริเวณ
พรวด!
เปลวไฟนี้ ถึงแม้ว่าจะสามารถแผดเผาใยแมงมุมส่วนหนึ่งได้ แต่ผลลัพธ์ของมันก็มีจำกัด
หลงฉือตกใจสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย “ใยแมงมุมสีดำนี้ แม้แต่เปลวอัคคีของข้าก็ไม่สามารถแผดเผามันได้!”
ใยแมงมุมบริเวณโดยรอบก็ยิ่งแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้หลงฉือไม่สนใจผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว เขารวบรวมพลังทั้งหมดและใช้เปลวไฟโจมตีออกไปจนเกิดรูขนาดใหญ่ จากนั้นเขาก็พรวดออกไป
ราชทินนามซวง มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีก็อยากพรวดตามออกไปเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ทันได้ออกไป ใยแมงมุมก็ได้ปิดล้อมบริเวณโดยรอบเอาไว้เสียแล้ว
สีหน้าของราชทินนามซวงฉายแววตื่นตระหนก “ฝ่าบาท รอพวกข้าด้วย! ฝ่าบาท!”
ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน ในเมื่อเปลวไฟของหลงฉือสามารถแผดเผาใยแมงมุมนั้นได้บางส่วน เช่นนั้นเปลวไฟกระบี่มังกรเพลิงของนางก็อาจจะทำได้
กู้ไป๋อีก็คิดว่ามู่เฉียนซีสามารถทำได้
ปัง ปัง ปัง!
กระบี่เฉียนหานได้ฟันใยแมงมุมที่ใกล้เข้ามาเหล่านั้นเพื่อไม่ให้พวกมันได้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีได้ถ่ายเทพลังอันยิ่งใหญ่เข้าไปในกระบี่มังกรเพลิง ชั่วครู่หนึ่งกระบี่มังกรเพลิงก็ได้ระเบิดแสงแพรวพราวออกมา
แสงเปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงคล้ายกับว่าทำให้ใยแมงมุมสีดำเหล่านี้หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“บัวแดงพิฆาต!” บัวอัคคีสีแดงฉานได้เบ่งบานออกมา และได้ปกคลุมใยแมงมุมสีดำทั้งหมดนี้เอาไว้
ตูม!
ราวกับว่าหญ้าแห้งถูกเปลวไฟแผดเผาก็มิปาน และพวกมันไม่สามารถควบคุมการแผดเผานี้ได้
ครั้นแล้วใยแมงมุมสีดำเหล่านี้ไม่สามารถกักขังพวกเขาได้อีกต่อไป
รอดพ้นจากอันตรายแล้ว แต่ราชทินนามซวงก็ยังคงมีความหวาดกลัวอยู่
พวกเขามองมู่เฉียนซีด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด “เปลวไฟของฝ่าบาทสามารถเปิดได้แค่ทางเล็ก ๆ นึกไม่ถึงว่านาง…นางจะสามารถเผามันได้หมดสิ้นเช่นนี้ นี่นางเป็นผู้บำเพ็ญธาตุอัคคีด้วยหรือ!”
“เสี่ยวไป๋ เราไปกันเถอะ!”
ร่างสองร่างพรวดออกไป ส่วนราชทินนามซวงก็รีบตามออกไปเช่นกัน
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
พวกเขาเดินออกไปได้ครู่หนึ่ง เบื้องหน้าก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น
พวกเขาเห็นหลงฉือกำลังต่อสู้อยู่กับสัตว์สีดำร่างใหญ่ตัวหนึ่ง เมื่อมองดูไปที่ร่างนั้น มันเป็นมังกรตัวหนึ่ง และเหลือเพียงแค่โครงกระดูกสีดำเท่านั้น
มังกรกระดูกดำมีดวงตาสีแดงเลือดราวกับว่าต้องการทำลายทุกสรรพสิ่งที่ย่างกรายเข้ามาในที่แห่งนี้ให้สิ้น
ปัง! หลงฉือเป็นคนแรกของเมืองเฮยตูที่มาถึง ตอนนี้กลับถูกมังกรกระดูกดำตัวนี้โจมตีจนรับมือเอาไว้ไม่ไหว พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง
พรวด! ไม่เพียงเท่านี้ เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
เมื่อเห็นพวกเขาตามมา หลงฉือก็กล่าวว่า “ไป๋อี ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก”
เมื่อครู่ตอนที่พวกเขาถูกใยแมงมุมกักขังอยู่ แต่เจ้าหมอนี่กลับวิ่งเร็วกว่าผู้ใดเสียอีก
ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตราย นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ายังมีหน้ามาขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอีก
“ฝ่าบาท พวกเรามาแล้ว!”
ราชทินนามซวงมีความจงรักภักดีต่อหลงฉือมาก พวกเขาจึงพรวดเข้าไปโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
ตูม ปัง ปัง!
มังกรกระดูกดำแข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาสามคนจะร่วมมือกันก็ไม่สามารถข่มเจ้านี่ลงได้เลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ความแข็งแกร่งของเมืองเฮยตูมีขีดจำกัด อีกอย่างเจ้านี่ก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มีมันเฝ้าอยู่ที่นี่ เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้ และเกรงว่าเจ้านายของที่แห่งนี้จะไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าไปในนี้ได้กระมัง!”
กู้ไป๋อีกล่าว “ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ แต่ก็ต้องลองดู!”
ร่างสีขาวเคลื่อนไหวไป แสงจันทราสีเงินปรากฏขึ้น กู้ไป๋อีลงมือแล้ว
ตูม! แสงจันทราสีเงินนั้นได้ตกลงบนร่างของมังกรกระดูกดำ นึกไม่ถึงว่าการโจมตีนี้จะทำให้มันบาดเจ็บไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม มันยังทำให้ร่างของกู้ไป๋อีกระเด็นลอยออกไปอีก สีหน้าของเขาตอนนี้ซีดเผือด!
มู่เฉียนซีหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้น ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
เจ้าหมอนี่ไม่สามารถโจมตีเอาชนะมันได้เลย แต่เหตุใดเมืองเฮยตูถึงมีข้อต้องห้ามเช่นนั้นด้วย
ผู้ที่กลับมายังเมืองเฮยตูอีกครั้งจำเป็นต้องบุกเข้ามาที่อุโมงค์ฝังศพมังกร นี่มันไม่ได้ต่างอะไรกับมาหาความตายเลย
มู่เฉียนซีเดินมาข้างกายกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ พวกเราไปกันเถอะ ข้อต้องห้ามนั้นบอกเอาไว้ว่าเจ้าต้องเขามาในอุโมงค์ฝังศพมังกรไม่ใช่เหรอ ตอนนี้พวกเราก็มาถึงแล้ว เช่นนั้นเราออกไปตอนนี้ก็คงจะไม่เป็นไรหรอกกระมัง!”
มู่เฉียนซีดึงกู้ไป๋อีเตรียมจะจากไป หลงฉือกลับหัวเราะขึ้นก่อนจะกล่าว “เหอะเหอะเหอะ! เจ้ามันไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
หลังจากถอยหลังไปได้ไม่กี่ก้าว เส้นเลือดสีเขียวก็กระตุกขึ้นบนใบหน้าและหมัดของกู้ไป๋อีก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เขาผลักมู่เฉียนซีออกและกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ รีบไป! ไม่ต้องเป็นห่วงข้า คุณหนูใหญ่ไปก็จะไม่เป็นอะไร”
หลงฉือกล่าว “กู้ไป๋อี หากเข้ามาในอุโมงค์ฝังศพมังกรแล้วก็ทำได้เพียงแค่เดินหน้าอย่างเดียว ไม่อาจถอยหนีได้ หากถอยหนี คำสาปในตัวเขา ก็คงไม่ปล่อยเขาเป็นแน่”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถอยหนีไม่ได้ เดินหน้าได้เท่านั้น แล้วจะเดินหน้าไปถึงเมื่อไหร่เสี่ยวไป๋ถึงจะไม่เป็นอะไร ?”
หลงฉือยิ้มพลางกล่าว “เรื่องนี้ข้าก็ไม่อาจรู้ชัดเหมือนกัน”
“คุณหนูใหญ่รีบไป!” กู้ไป๋อีกล่าวเสียงขรึม
“ในเมื่อมาแล้ว ข้าก็ไม่มีทางทิ้งเจ้าแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงจริงจัง
โฮก โฮก โฮก! ในตอนนี้มังกรกระดูกดำน่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาดทั้งปวงที่พวกเขาเคยเจอมา
“มังกรเพลิงสังหาร!” มังกรเพลิงสีแดงฉานได้พัวพันกับมัน และเสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้นกระทบกับร่างของมัน
มันไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลยแม้แต่น้อย การโจมตีทั้งหมดนี้สำหรับมันแล้วก็เหมือนแค่การทำให้มันจั๊กจี้เท่านั้น
กู้ไป๋อีรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถทำให้มู่เฉียนซีออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ทุ่มหมดหน้าตักต่อสู้อย่างสุดชีวิต
หากเขาโชคร้ายตายไป นางก็น่าจะออกไปจากที่นี่ได้!
ตูม ปัง ปัง! ตอนนี้กู้ไป๋อีต่อสู้กับมังกรกระดูกดำตัวนี้อย่างโหดเหี้ยมกว่าหลงฉือเสียอีก
นางจะดูไม่ออกได้อย่างไรเล่าว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่สนใจชีวิตของตนเองแล้ว
ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหวไป มู่เฉียนซีก็พรวดออกไปแล้ว
“ทักษะโยวหลัว!”
นางไม่อยากให้เสี่ยวไป๋ไปตายเช่นนี้!
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
หลงฉือก็เคลื่อนไหวแล้ว และเขาก็พบว่ากู้ไป๋อีนั้นผิดปกติไป
กู้ไป๋อีในตอนนี้อ่อนแอกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้มาก เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน
หลงฉือกล่าว “ไป๋อี กลับมาเมืองเฮยตูในครานี้ เจ้ามีพลังเช่นเดียวกับคนภายนอกไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่า เจ้าฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างนอกพลังวิญญาณของเจ้าก็เป็นเพียงแค่จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าเท่านั้น”
สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่หลงฉือได้จินตนาการเอาไว้มาก
เพราะว่าไป๋อีในตอนนี้เป็นเพียงแค่จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งเท่านั้น
เขาใช้ทักษะพิเศษเพื่อปิดบังไม่ให้หลงฉือรู้ ทว่า ตอนนี้ได้พบกับศัตรูที่มีกำลังมาก แน่นอนว่าต้องถูกเขาระแคะระคายแล้ว
กู้ไป๋อีไม่ได้ตอบเขาแต่อย่างใด หลงฉือกล่าวเสียงขรึมว่า “เป็นไปไม่ได้!”
กู้ไป๋อีมีพรสวรรค์ระดับใดนั้น เขา หลงฉือผู้นี้นั้นรู้ดี
เวลายี่สิบกว่าปี เป็นไปได้เช่นไรที่พลังวิญญาณของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นเลย
เดิมทีคิดว่ากู้ไป๋อีนั้นเป็นไพ่ที่ทำให้เขาชนะ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพียงแค่ไพ่ไร้ประโยชน์ใบหนึ่ง
ไม่มีผู้ใดมีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิสักคน พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรกระดูกดำเลย บัดซบ! เดินทางมาถึงที่แห่งนี้แล้ว จะต้องล่าถอยอย่างนั้นเหรอ
.
.