เขาศึกษาคําสาปมาเนิ่นนาน จึงรู้ได้ว่าคำสาปของเจ้าเด็กหนุ่มชุดดำนั้นน่ากลัวขนาดไหน
กู้ไป๋อีกล่าว “ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องนาง”
ก็เท่านี้แหละ ไม่มีอื่นใดแล้ว!
หัวหน้าพ่อครัวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ พรุ่งนี้หลานสาวที่แสนดีจะทำการรักษาเขา เขาจะต้องไปพักผ่อนให้ดี
แม้แต่พิษโบราณในร่างของอวู่ซวงยังสามารถที่จะถอนได้ เขานั้นไม่สงสัยในตัวหลานสาวของตนอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีได้เริ่มศึกษากุญแจเทพเผ่ามังกรนี้ จิ่วเยี่ยก็ได้กล่าวขึ้น “เอาสิ่งนี้ให้ข้าดูแลรักษาเอาไว้”
มู่เฉียนซีพยักหน้ารับ “ได้! ”
เพราะเป้าหมายของพวกเขานั้นเหมือนกัน จะมอบให้ใครดูแลรักษาเอาไว้ก็มิต่างกัน อีกทั้งจิ่วเยี่ยนั้นมีความสามารถในการที่จะดูแลรักษามันเอาไว้
แต่เมื่อมู่เฉียนซีกําลังจะมอบกุญแจเทพเผ่ามังกรให้กับจิ่วเยี่ย มันก็บินกลับมาหานางในทันที
มู่เฉียนซีตะลึงค้าง “มังกรดำขยับแขนขาแล้ว!”
ผู้ที่มังกรดำเชื่อถือนั้นมีแต่เพียงมู่เฉียนซีเท่านั้น หรือกล่าวได้อีกอย่างก็คือศาลานิรันดร์นั่นเอง เช่นนั้นแล้วมันจึงได้เกิดการขยับตัวเกิดขึ้น จึงทำให้กุญแจเทพเผ่ามังกรจะอยู่ติดตัวของมู่เฉียนซีได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
สีหน้าของจิ่วเยี่ยพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาและได้สะกดบังคับกุญแจเทพเผ่ามังกรเอาไว้ แต่ทว่า…
กุญแจเทพเผ่ามังกรนั้นกำลังต่อต้านและราวกับว่ามันจะทำลายตัวมันเองทิ้งก็มิปาน
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จิ่วเยี่ย หยุด หากเจ้าหมอนี่ทำลายตัวเองทิ้งเสียละก็ เช่นนั้นเราจะได้ไม่คุ้มเสีย”
มู่เฉียนซีได้หยิบเอากุญแจเทพเผ่ามังกรมาที่นาง ในชั่วเวลาที่นางหยิบเอากุญแจเทพเผ่ามังกรนั้นมาก็สัมผัสได้ถึงมิติอีกมิติหนึ่งของกุญแจเทพเผ่ามังกร
ภายในมิตินั้นกองพะเนินไปด้วยสมบัติล้ำค่านานาชนิด มู่เฉียนซีเบิกตากว้างโพลง นี่มันมากเกินไปแล้วกระมัง!
รวยแล้ว!
บิดาของนางก็ได้ทิ้งสมบัติเอาไว้ให้นางเป็นจำนวนมิใช่น้อย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ที่อยู่ในมิติของกุญแจเทพเผ่ามังกร เห็นได้ชัดเลยว่ามันน้อยกว่ากันมากนัก
ว่ากันว่าเผ่ามังกรชอบเก็บสะสมสมบัติ มันจริงอย่างที่คิดเอาไว้ เกรงว่าสิ่งของเหล่านี้คงจะเป็นของสะสมที่ใช้เวลาสะสมมาชั่วชีวิตของมังกรดำกระมัง!
นึกไม่ถึงเลยว่ามันมิเพียงแต่มอบกุญแจเทพเผ่ามังกรให้แก่นาง แต่ยังมาพร้อมด้วยของกำนันชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง
มู่เฉียนซีมองไปทางจิ่วเยี่ยแล้วกล่าว “ในเมื่อกุญแจเทพเผ่ามังกรยอมรับแต่ข้า เช่นนั้นก็ให้มันอยู่กับข้า ทันทีที่เจ้าพบที่อยู่ของเผ่ามังกรแล้วก็อย่าลืมบอกกับข้า”
“ได้!”
จะอย่างไรก็จะให้ของที่ยากเย็นยิ่งนักกว่าจะได้มาทำลายตัวเองทิ้งเสียไม่ได้ แต่พอเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะพามู่เฉียนซีไปยังเผ่ามังกร ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกของจิ่วเยี่ยก็หม่นหมองลง…
“จิ่วเยี่ย เจ้าคงมิได้เจ็บกระเพาะกระมัง?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
พิษสงจากอาหารอันดำมืดของท่านปู่ตงหวงก็น่ากลัวเกินไปยิ่งนัก
จิ่วเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบ “ซี ข้าไม่สบายตัวยิ่งนัก!”
โอสถชนิดช่วยย่อยอาหารนานาชนิดได้ถูกมู่เฉียนซีนำออกมา นางกล่าวกับจิ่วเยี่ย “รีบกินยาน้ำพวกนี้เข้าไปเร็ว คงจะทำให้สบาย…อื้อ…”
ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวจบประโยค ปรากฏว่านางก็ได้ถูกจิ่วเยี่ยอุดริมฝีปากเอาไว้
หลังจากได้ชิมนางเข้าไปหนึ่งคำ จิ่วเยี่ยกล่าว “ยานั้นไม่จำเป็น ขอแค่เพียงซีก็พอแล้ว”
“เจ้า…”
การห่วงที่เจ้าหมอนี่จะกินอาหารเข้าไปแล้วท้องไส้มีปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นจริง ๆ นี่เป็นการส่งตนเองไปให้ถึงปากเขาเสียอย่างนั้น
“พรุ่งนี้ข้ายังต้องปรุงยาอีก!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้ต่อต้านอย่างจริงจังไปอยู่หลายครั้ง ในที่สุดจิ่วเยี่ยก็ได้เลิกราไป นั่นจึงทำให้นางไม่ถึงกับลุกไม่ขึ้นในวันถัดมา
วันรุ่งขึ้นมู่เฉียนซีได้ขอห้องที่มีพื้นที่ว่างห้องหนึ่งกับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมและได้เริ่มปรุงยา การได้สมุนไพรขั้นสวรรค์มานั้น ในตอนนี้สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ไม่น้อยเลย
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้เตรียมทุกอย่างจนพร้อมสรรพแล้วก็ได้ไปหาท่านปู่ตงหวง
พ่อครัวใหญ่ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าหนู เจ้ามาแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านปู่ตงหวง ท่านนั่งให้ดี”
หลังจากที่เขานั่งลงราวกับเป็นเด็กทารกผู้หนึ่ง มู่เฉียนซีนำเข็มยาขึ้นมาแล้วฉีดยาให้แก่เขา
ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะแปลกประหลาด แต่เขาก็กลับไม่ได้หลบหลีกมันไป
ไม่นานนักเขาก็รู้สึกได้ถึงของเหลวที่ให้ความรู้สึกเย็นไหลเวียนเข้าไปในร่างกายของเขา ความชุ่มชื้นเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายที่แห้งแข็งของเขา
เขากล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง “ซีเอ๋อร์ เจ้าสามารถปรุงยาเหลวที่วิเศษเช่นนี้ได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “ร่างกายของท่านปู่ตงหวงอ่อนแอเกินไปนัก วันนี้ทำได้เพียงฉีดยาเพื่อปรับสภาพ รอให้อาการคงที่เสียก่อนค่อยใช้ยาเม็ด”
ความสามารถในการปรุงยาของมู่เฉียนซีนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่มานานหลายปีเช่นนี้แล้วก็นับเป็นครั้งแรกที่ได้เจอผู้มีพรสวรรค์ที่โลกาต้องตกตะลึงเช่นนี้
เขายิ้มอย่างมีความสุขแล้วกล่าว “ซีเอ๋อร์เก่งกาจนัก!”
มู่เฉียนซีหยุดพักอยู่ที่หอดำมิเพียงแต่ทำการรักษาให้พ่อครัวใหญ่เท่านั้น ในเวลาเดียวกันนั้นนางก็ได้ลากตัวจิ่วเยี่ยไปฝึกทักษะโยวหลัวต่อ ด้วยหวังว่าจะสามารถฝึกทักษะโยวหลัวไปจนถึงขั้นที่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มขั้น
เมื่อพ่อครัวใหญ่เห็นหลานสาวของตนตั้งใจในการปรุงยาเพื่อรักษาอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งฝึกฝนวิชายุทธ์ไปด้วยกัน เขานั้นรู้สึกปวดใจจนแทบจะทนไม่ไหว
ด้วยฐานันดรอย่างซีเอ๋อร์ เหตุใดจึงต้องมาลำบากเช่นนี้?
เขาได้เรียกตัวกู้ไป๋อีและจิ่วเยี่ยไป จากนั้นก็กล่าว “ดูแล้วพวกเจ้าพ่อหนุ่มทั้งสองจะดูแลหญิงสาวกันไม่เป็นเอาเสียเลย ด้วยประสบการณ์ของข้าจะบอกพวกเจ้าว่า จะต้องจับใจของอิสตรีเอาไว้ พวกเจ้าจะต้องยึดจับกระเพาะของนางเอาไว้ให้ดี”
สีหน้าของกู้ไป๋อีและหวงจิ่วเยี่ยแข็งทื่อ นี่เป็นประสบการณ์ที่ได้รับความสำเร็จจริง ๆ หรือ?
“เจ้า…แล้วก็เจ้า มาเรียนทำอาหารกับข้าเถอะ! เห็นแก่การที่พวกเจ้าทั้งสองดูแลซีเอ๋อร์ไม่เลว ข้าจะสอนพวกเจ้าอย่างไม่มีการหวงวิชา”
กู้ไป๋อีกล่าว “ท่านเข้าใจผิดแล้ว คุณหนูใหญ่มีบุญคุณในการช่วยชีวิตของข้า ข้าแค่เพียงอยู่กับนางเป็นการชั่วคราวเท่านั้น”
เขาไม่ได้มีความปรารถนาที่จะไปสิ้นเปลืองพื้นที่ในหัวใจของนางเลย
กู้ไป๋อีปฏิเสธไปแล้ว พ่อครัวใหญ่จึงจับคว้าตัวจิ่วเยี่ยเอาไว้ “เจ้าหนู ไปกับข้า!”
เมื่อมู่เฉียนซีฝึกฝนเสร็จ จึงค่อยได้รับรู้ว่าจิ่วเยี่ยได้ถูกลากเข้าครัวไปทำอาหารกับท่านปู่ตงหวงแล้ว ในใจของนางนั้นแทบจะแตกสลาย
เมื่อสองคนนี้มารวมเข้าด้วยกัน นางไม่กล้าที่จะจินตนาการอาหารที่ถูกทำออกมาเลย
บัดนี้ในครัวของหอดำ ท่านปู่ตงหวงได้จ้องมองจิ่วเยี่ยราวกับว่าได้พบเพื่อนต่างวัยก็มิปาน
“ข้านึกว่าบนโลกนี้มีแค่เพียงข้าแต่เพียงผู้เดียวที่ไม่ว่าจะทำอาหารออกมาอย่างไรก็ไม่เลิศรส นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้มาพบกับเจ้า ช่างเป็นพรหมลิขิตจริงเชียว!”
อาหารที่ทั้งสองทำออกมานั้นดำสนิทเหมือนกัน ทำให้ท่านปู่ตงหวงค่อนข้างจะถูกชะตากับจิ่วเยี่ย
ถ้าหากมิใช่เพราะบนตัวเขามีคำสาปที่น่ากลัวนั้น เขาคงได้คลุมถุงเอาเจ้าหมอนี่ยกเป็นสามีที่แท้จริงของหลานสาวเขาไปแล้ว
ท่านปู่ตงหวงเช็ดน้ำตาแล้วกล่าว “ข้าฝึกฝีมือในการทำอาหารมาหลายสิบปีแต่มันก็กลับไม่เคยรุดหน้าขึ้นเลย นอกจากนางแล้วไม่มีใครบอกว่าข้าทำอร่อยเลย”
จิ่วเยี่ยกล่าว “ในเมื่อรู้ว่าตัวเจ้าทำไม่อร่อย ต่อจากนี้ไปก็ห้ามมิให้ซีกินอีก ถ้าหากซีจะกินก็จะกินได้แต่ที่ข้าทำเท่านั้น”
วันนั้นที่ได้ถูกมู่เฉียนซีป้อนอาหารสุดดำมืดเข้าไป เขาที่เคยกินแต่อาหารที่ล้ำค่าแห่งทะเลและภูเขามาจนชินโดยตลอดจะไปรู้สึกว่ามันอร่อยได้อย่างไร แต่เป็นเพราะซีป้อนต่างหากเรื่องทั้งหมดนั้นมันเลยไม่เหมือนกัน
ตงหวงกล่าว “จะดีร้ายอย่างไรเจ้าก็ไว้หน้าข้างบ้าง! เจ้าเองก็มิใช่ว่าเหมือนกันรึ ยังจะมีคุณสมบัติมาว่าข้าอีกเหรอ?”
ให้จับกระเพาะของซีคงจับเอาไว้ไม่ไหว แต่ทว่าทั้งตัวของนางนั้นล้วนเป็นของเขา อย่างไรก็หนีไม่พ้น
เดิมทีมู่เฉียนซีนึกว่ามื้อเที่ยงของวันนี้จะเป็นอาหารอันดำมืดที่ท่านปู่ตงหวงกับจิ่วเยี่ยร่วมกันทำ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าอาหารที่มาส่งนั้นจะเป็นอาหารอันชวนเลิศรสที่มากมาย
เถ้าแก่กล่าว “คุณหนูใหญ่ หอดำของพวกเราได้เชิญพ่อครัวที่ดีที่สุดมา ต่อจากนี้ไปเขาจะทำอาหารให้กับคุณหนูใหญ่โดยเฉพาะ หวังว่าคุณหนูใหญ่จะชอบ”
มู่เฉียนซีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โชคดีที่มิได้น่ากลัวเหมือนดั่งที่นางจินตนาการเอาไว้
จิ่วเยี่ยอยู่เป็นเพื่อนมู่เฉียนซีที่หอดำอยู่หลายวัน เพราะมู่เฉียนซีต้องปรุงยาให้กับตงหวงเขาจึงมิได้ทำอะไรอุกอาจ
แต่หลังจากที่อาการของตงหวงเริ่มมั่นคง จิ่วเยี่ยก็ไม่สามารถที่จะสะกดกลั้นเอาไว้ได้แล้ว