ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 987 อู๋ตี้แสดงพลังอำนาจ

“ทักษะโยวหลัว!” มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา

“เงาจันทราหนาวเหน็บ!” กระบี่ของกู้ไป๋อีนั้นไร้ซึ่งความปรานีเป็นอย่างยิ่ง

ตูม ตูม ตูม! อู๋ตี้กลายร่างเป็นร่างที่ใหญ่มหึมา และบดขยี้คู่ต่อสู้อย่างรุนแรง!

“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงได้เลื่อนขั้นแล้ว พลังของมันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

อีกทั้งได้รับความร่วมมือจากคนอื่น ๆ นอกจากเจ้าเมืองหู่กับตาเฒ่าผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกแล้ว คนอื่น ๆ ก็ล้วนแต่ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปจากลานประลอง

ผู้ที่ถูกโจมตีออกไปจากลานประลองเหล่านี้ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบ

เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “ทหาร! ลากตัวคนของสำนักขวางโซ่วเหล่านี้ไปขังไว้ให้หมด”

บนลานประลองในตอนนี้ เจ้าเมืองหู่กับมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกผู้นั้นถูกห้อมล้อมเอาไว้แล้ว แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าของเจ้าเมืองหู่ตัวนั้นก็รับมือได้ยากนัก

อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน ข้ากับเสี่ยวหงจะจัดการกับเจ้านี่เอง”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “อู๋ตี้ ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”

ถึงแม้ว่าพวกมันทั้งสองจะได้เลื่อนขั้นมาถึงระดับสี่แล้ว แต่คู่ต่อสู้นั้นก็เป็นถึงระดับห้า สูงกว่าพวกมันหนึ่งระดับ

อู๋ตี้ยิ้มพลางกล่าว “หากเจ้าหมูขี้เกียจนั่นไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับสี่ พวกเราสองตัวรับมือกับเจ้านั่นก็อาจจะมีอันตรายได้ แต่ตอนนี้เจ้าหมูขี้เกียจเลื่อนขั้นแล้ว เช่นนั้นเราสองตัวสามารถรับมือได้แน่นอน!”

เสี่ยวหงกล่าว “นายท่านต่อสู้ข้ามระดับได้อย่างสบาย พวกข้าในฐานะที่เป็นสัตว์พันธสัญญาของนายท่าน จะต่อสู้ข้ามระดับไม่ได้ได้อย่างไรกันเล่า ก็แค่มดปลวกตัวเดียว คอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะเผามันเช่นไร”

ดวงตาของอู๋ตี้เปล่งประกายขึ้น และกล่าวว่า “ผลึกวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า ก็ช่วยเพิ่มพลังความแข็งแกร่งของข้าได้เช่นกัน!”

เสี่ยวหงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนักว่า “เจ้าแมวโง่เขลาอย่างเจ้าก็รู้จักแค่กิน กิน กิน อย่างเดียว!”

“แต่ข้าก็แข็งแกร่งกว่าเจ้าหมูขี้เกียจอย่างเจ้าก็แล้วกัน!”

ถึงแม้ว่าพวกมันทั้งสองจะต่อปากต่อคำกัน แต่พวกมันก็สามัคคีกันพุ่งไปต่อสู้กับศัตรูอย่างไม่หวาดหวั่นเช่นกัน

กู้ไป๋อีรับมือกับคู่ต่อสู้เก่าอย่างเจ้าเมืองหู่อีกครั้ง เจ้าเมืองหู่กล่าวว่า “ข้าแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก เจ้าคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะฉีกเนื้อเจ้าเช่นไร!”

ตอนนี้เขาเหมือนกับพยัคฆ์ตัวหนึ่งก็มิปาน จึงลงมือกับกู้ไป๋อีอย่างโหดเหี้ยม

ส่วนตาเฒ่าผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาหามู่เฉียนซีด้วยจิตสังหารอันรุนแรงเช่นกัน “สาวน้อย เมื่อครู่ข้ายั้งมือไว้ไมตรี แต่ครั้งนี้ข้าจะต้องเอาชีวิตเจ้าให้ได้!”

“ท่านมู่ ถอย!”

ทว่า การที่เขาคิดจะเข้าใกล้มู่เฉียนซี มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

เพราะผู้ที่ขวางอยู่ด้านหน้านางนั้น พลังความแข็งแกร่งก็นับว่าไม่เลวเลย อีกทั้งยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นสัตว์พันธสัญญาอีกด้วย!

“ลุย!” หนึ่งคนในนั้นออกคำสั่ง จากนั้นก็ได้พุ่งตัวออกไป

ในขณะที่พวกเขาพุ่งออกไปนั้น มู่เฉียนซีก็ได้อันตรธานหายไปจากสายตาของตาเฒ่าเสียแล้ว

เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “มดปลวกอย่างพวกเจ้าสมควรตาย ขวางทางข้ามากเกินไปแล้ว”

ขนบนร่างของเขาพุ่งออกมาราวกับคมศรก็มิปาน

ขวับ ขวับ ขวับ!

ความรวดเร็วนั้น นึกไม่ถึงว่าจะทำให้พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกได้ และคนสองคนก็โดนการโจมตีนี้เข้าแล้ว

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! และในตอนนี้เอง แสงสีเงินก็ได้พุ่งออกมา เข็มยาของมู่เฉียนซีได้ล้อมรอบตาเฒ่าผู้นี้แล้ว

ตาเฒ่าจึงกล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคืองว่า “ฝีมืออ่อนด้อยเช่นนี้ ทำอันใดข้าไม่ได้หรอก!”

พลั่ก พลั่ก พลั่ก!

เข็มยาทั้งหมดนี้ของมู่เฉียนซีถูกสกัดกั้นเอาไว้ได้ และคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปจากลานประลอง รวมทั้งสัตว์พันธสัญญาด้วย

คนของเมืองเหลยเหล่านี้ได้กระเด็นลงไปจากลานประลองแล้ว ซึ่งพวกเขาก็ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันกับคนของเมืองหู่เสี้ยวเมื่อครู่นี้เลยแม้แต่น้อย

เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “ทหาร! รีบเอาเม็ดยาวิญญาณรักษามาเร็วเข้า แล้วไปเชิญนักปรุงยามารักษาอาการพวกเขาด้วย”

“สาวน้อย เจ้า ไปตายซะเถอะ!” ในขณะที่ตาเฒ่าผู้นี้จะพุ่งเข้ามาอีกรอบนั้น รอบ ๆ ตัวเขาก็เริ่มระเบิดออกมา

ควันพิษได้ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ เขาพรวดออกมาจากควันพิษเหล่านั้น และกล่าวว่า “สาวน้อย ร่างกายของข้าไม่ได้เป็นร่างมนุษย์แล้ว พิษเหล่านี้ของเจ้า ทำอันใดข้าไม่ได้!”

“เจ้า ตายซะเถอะ!” พลังของตาเฒ่าผู้นี้โหดร้ายน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก และความแข็งแกร่งนี้ของเขาก็แข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีไม่น้อยเลย

ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้ใช้ความเร็วที่เหนือกว่าหลบหลีกการโจมตีของตาเฒ่าผู้นี้

เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น อู๋ตี้ระเบิดพลังอำนาจที่แข็งแกร่งออกมา และโจมตีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าจนกระเด็นไป

อันที่จริงแล้วฉากนี้เป็นฉากที่ทุกคนไม่อาจเข้าใจได้เลย

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงมีผลในการปราบปรามสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำกว่าได้ แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ใดที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ เว้นเสียจาก…

รองเจ้าเมืองตงกัวมองอู๋ตี้และเสี่ยวหงด้วยแววตาที่เปล่งประกาย หากพวกมันทั้งสองสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ นั่นก็หมายความว่าสายเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้กับที่มาที่ไปของพวกมันนั้นไม่ธรรมดาเลย

อู๋ตี้ใช้พลังไปไม่น้อยกว่าจะทำให้เจ้านั่นได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ เจ้านั่นโกรธเกรี้ยวอย่างอยากจะแก้แค้น แต่ผลสุดท้ายอู๋ตี้กลับแปลงร่างเป็นร่างจิ๋วหลบหลีกไปตั้งแต่เมื่อใดแล้วก็ไม่รู้

ต่อมาเสี่ยวหงได้เผชิญหน้ากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าตัวนี้เพียงลำพัง สิ่งนี้ทำให้เสี่ยวหงเกือบจะดุด่าเจ้านี่จนตาย สารเลวยิ่งนัก!

เสี่ยวหงใช้เปลวไฟต้านทานการระเบิดอย่างบ้าคลั่งของเจ้าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า และในขณะที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าตัวนี้คิดว่าตนเองนั้นสามารถบดขยี้เจ้าหมูเสี่ยวหงให้ตายได้นั้น จู่ ๆ มันก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวอย่างรุนแรง

ขวับ!

กรงเล็บอันแหลมคมของอู๋ตี้ได้ควักลงบนหัวของมันจนเป็นรูโพรง

มันควักผลึกวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าออกมาอย่างชำนาญ และเสียงควักนั้นก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน

แกร่ก!

ทุกคนจ้องมองฉากนี้ด้วยความตกใจจนตาค้าง นึกไม่ถึงเลยว่าแมวน้อยตัวขนาดเท่าฝ่ามือตัวนั้นจะกัดกินผลึกวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้น่าเลิศรสราวกับกัดกินผลแอปเปิ้ลอยู่ก็มิปาน

“เจ้า…พวกเจ้า…” เมื่อถูกควักผลึกวิญญาณไปแล้ว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าตัวนี้ก็กำลังจะตาย

แม้มันกำลังจะตายแต่มันก็คิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่สองตัวฆ่ามันได้ นี่มัน…

เสี่ยวหงคร้านจะสนใจเจ้าตะกละนั่น มันจึงพรวดเข้าไปช่วยเจ้านายตนเอง

“ตาเฒ่า รนหาที่ตาย!”

“เพลิงเผาสวรรค์!”

ในขณะที่ตาเฒ่าผู้นี้จะบีบให้มู่เฉียนซีหมดหนทาง เปลวไฟของเสี่ยวหงก็แผ่ซ่านออกมาทำให้ตาเฒ่าผู้นี้จำต้องหลบหลีกไป

ไม่นานนักอู๋ตี้ก็กัดกินผลึกวิญญาณจนหมดสิ้น และมันก็พรวดเข้าไปช่วยเจ้านายตนเองเช่นกัน

พรวด! เมื่อสัตว์พันธสัญญาของตนเองได้ตายไปแล้ว เจ้าเมืองหู่ก็กระอักเลือดคำโตออกมา และมีสีหน้าที่ซีดเผือด

กู้ไป๋อีจึงได้ฉวยโอกาสนี้ลงมืออย่างเหี้ยมโหด ภายในชั่วพริบตาเดียวบนร่างของเจ้าเมืองหู่ก็ปรากฏรอยเลือดบาดแผลลึกจนเห็นกระดูก

เจ้าเมืองหู่กล่าวด้วยความร้อนใจ “ผู้อาวุโสรอง ทำเช่นไรดี?”

สัตว์พันธสัญญาของตนเองตายไปแล้ว อีกทั้งเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในตอนนี้เขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเด็กผู้นี้อีกต่อไปแล้ว

หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เขาเกรงว่าจะกลายเป็นวิญญาณภายใต้กระบี่ของเจ้าเด็กผู้นี้แน่

ในตอนนี้ ผู้อาวุโสรองท่านนี้ก็กำลังถูกมู่เฉียนซีและสัตว์พันธสัญญาของนางห้อมล้อมเอาไว้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้สามารถจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้ ดังนั้นจึงรับมือได้ยากนัก อีกทั้งยังมีสาวน้อยนั่นอีก…

ผู้อาวุโสรองกล่าวเสียงขรึมว่า “ถอย!”

พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะถอย แต่เจ้าเมืองซีเจว๋กับมู่เฉียนซีไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาหนีไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“ขวางพวกมันเอาไว้!”

“จับพวกมันไว้!”

“……”

“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

พลังของผู้อาวุโสรองนั้นแข็งแกร่งมาก เขาโจมตีอย่างรุนแรงเพื่อเปิดทางออก และคนเหล่านั้นก็ไม่สามารถขวางเขาได้

ในตอนนี้มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีก็ได้ตามไป ผู้อาวุโสรองกก็ได้จับตัวเจ้าเมืองหู่ที่กำลังตามเขาไปเอาไว้

เจ้าเมืองหู่กล่าวด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดว่า “ผู้อาวุโสรอง ท่าน…ท่านจับข้าด้วยเหตุใด นี่ท่าน…ท่านคงจะไม่คิด…”

“เจ้ามันคนไร้ประโยชน์ ตายไปก็คุ้มค่าแล้วไม่ใช่เหรอ?” ผู้อาวุโสรองผู้นี้กล่าวด้วยเสียงที่ฟังแล้วน่าขนลุก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset