พลังพลังหนึ่งได้วิ่งเข้าสู่ร่างกายของเจ้าเมืองหู่ เจ้าเมืองหู่ก็ตื่นตระหนกขึ้นทันใด
เขาตะโกนดังลั่นว่า “ไม่! ไม่! เจ้ามันบ้าเสียสติไปแล้ว!”
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตาย…”
เจ้าเมืองหู่รู้ว่าหากร้องขอชีวิตจากผู้อาวุโสรองผู้นี้ไปก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงเริ่มมองไปทางหนึ่งเพื่อขอความช่วยเหลือ
ไม่นานนักสีหน้าของเจ้าเมืองหู่ก็หมองหม่นลงราวกับขี้เถ้า มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกได้ว่าท่าทางจะไม่ดีแล้ว
นางรีบกล่าวว่า “ทุกคนรีบถอยเร็วเข้า รีบถอยออกไปให้ไกลที่สุด เร็วเข้า!”
ท่านเจ้าเมืองซีเจว๋ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้กล่าวเช่นนี้ นี่เป็นโอกาสดีที่จะจับตัวเจ้าหมอนี่ได้เชียวนะ!
หากถอยไปเช่นนี้ เกรงว่าพวกมันจะหนีไปได้
ทว่า หลังจากที่เขาได้เห็นความสามารถของมู่เฉียนซี เขาจึงเลือกที่จะเชื่อมู่เฉียนซี
“ถอย รีบถอยเร็วเข้า!”
“ถอย!”
“……”
พวกเขาใช้ความเร็วที่สุดในการถอยไปจากตรงนี้!
และหลังจากที่พวกเขาถอยไปได้ไม่นาน ผู้อาวุโสรองผู้นั้นก็ได้ผลักเจ้าเมืองหู่ออกไป เขาโคจรพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่งและหนีไป
ตูม! เสียงตูมดังสนั่นขึ้น ร่างของเจ้าเมืองหู่ก็แหลกสลายกระจัดกระจายเป็นชิ้น ๆ
และสิ่งก่อสร้างบริเวณรอบ ๆ ตัวเขาทั้งหมดก็ได้กลายเป็นซากปรักหักพังภายในชั่วพริบตา
อั่ก อั่ก อั่ก! คนเหล่านั้นที่ถอยช้าได้รับผลกระทบจากพลังที่ระเบิดจนได้รับบาดเจ็บภายใน
พวกเขาคิดเสียใจภายหลังที่ไม่วิ่งหนีให้เร็วกว่านี้ มิเช่นนั้นคงไม่ต้องมาบาดเจ็บเช่นนี้
เจ้าเมืองซีเจว๋ก็แอบดีใจอยู่ในใจ โชคดีที่เขาเชื่อคำพูดของสาวน้อยผู้นั้น มิเช่นนั้นคงได้ตายไปแล้วเป็นแน่
หลังจากการระเบิดได้สงบลง เจ้าเมืองซีเจว๋ก็กล่าวขึ้นว่า “ตามมันไป อย่าให้คนของสำนักขวางโซ่วหนีไปได้เด็ดขาด!”
ตาเฒ่าผู้นั้นได้ฉวยโอกาสนี้หลบซ่อนตัวตั้งนานแล้ว โอกาสที่จะตามหาตัวเจอนั้นยากมาก ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงไม่ได้ออกไปตามล่าในครั้งนี้ด้วย
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางหนึ่ง เมื่อครู่เจ้าเมืองหู่ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากทางนั้น ทางนั้นมีผู้ใดยืนอยู่อย่างนั้นเหรอ
เย่เฉินเดินไปกระซิบบางอย่างข้างหูมู่เฉียนซี แสงสลัววาบผ่านดวงตานางฉับพลัน ดูท่าทั้งหมดทั้งสิ้นนี้มันยังไม่จบ
ผลสุดท้ายการไล่ล่านั้นไม่มีผล เจ้าเมืองซีเจว๋ก็นำกำลังคนกลับมา
เดิมทีเป็นการประลองเพื่อที่จะไปต่อสู้กับสำนักขวางโซ่ว แต่ตอนนี้กลับถูกก่อกวนจนกลายเป็นเช่นนี้
มู่เฉียนซีมองไปที่รองเจ้าเมืองตงกัวและกล่าวว่า “ควรจะประกาศสิ้นสุดการประลองแล้วหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เจ้าเมืองซีเจว๋ก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ตำแหน่งการบัญชาการเขาไม่มีสิทธิ์แล้วอย่างนั้นเหรอ
หน้าที่บางอย่างของเขา นึกไม่ถึงว่าผู้อื่นมาทำแทนเช่นนี้
ถึงแม้ว่าเมื่อครู่มู่เฉียนซีจะกล่าวเตือนและได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ แต่เจ้าเมืองซีเจว๋ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี!
เจ้าเมืองซีเจว๋ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าขอประกาศว่า เมืองเหลยเป็นฝ่ายชนะ”
“วันนี้ทุกคนก็เหนื่อยกันมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนที่เรือนรับรองสักคืนเถอะ วันพรุ่งพวกเราค่อยมาปรึกษากันใหม่ ความแข็งแกร่งของสำนักขวางโซ่วนั้นน่ากลัวจริง ๆ หากพวกเราไม่ร่วมมือกัน เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน”
คนอื่น ๆ ก็ได้เห็นความร้ายกาจของสำนักขวางโซ่วแล้ว พวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองซีเจว๋กล่าวถูกแล้ว!”
“พวกเราต้องร่วมมือกัน อย่าให้สำนักขวางโซ่วนั่นกล้าลงมือกับพวกเราได้”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เสี่ยวไป๋ เย่เฉิน พวกเราก็กลับไปพักผ่อนเถอะ!”
หากไม่พักผ่อนเอาแรงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้พักแล้ว
ครั้นแล้วคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันแยกย้ายไปเช่นกัน เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “ตงกัว ตามข้ามาที่ห้องตำรา”
รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ท่านเจ้าเมือง ท่านมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือขอรับ?”
เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “เจ้าว่า ตกลงควรจะให้พวกเขาเป็นผู้บัญชาการหรือไม่?”
รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “ท่านเจ้าเมือง เมืองซีเจว๋ของพวกเราเป็นถึงเมืองที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในทุ่งหญ้ารกร้างแห่งนี้ เมืองเหลยที่เป็นเมืองเล็ก ๆ นั่น ถึงแม้ว่าจะมีอัจฉริยะฝีมือดีสองคน แต่ถึงอย่างไรรากฐานของพวกเขาก็ไม่ได้ ไม่มีผู้ใดที่จะเหมาะสมไปกว่าท่านแล้ว”
“แต่ว่า…ในตอนแรกพวกเราก็ได้กำหนดกฎเกณฑ์เช่นนี้ไปแล้ว หากข้ากล่าววาจากลับกลอก เกรงว่าพวกเขาจะทักท้วงขึ้นได้ สาวน้อยผู้นั้นกับชายชุดขาวผู้นั้นก็รับมือได้ไม่ง่ายเลย”
รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “หากผู้ชนะในครั้งนี้ถูกคนของสำนักขวางโซ่วลอบสังหาร ตำแหน่งนี้ก็กลับมาเป็นของท่านเจ้าเมือง ถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ นอกจากพวกเขาแล้ว ผู้ที่ได้รับชัยชนะสูงสุดก็คือพวกเรา”
“จะฆ่าพวกเขาอย่างนั้นเหรอ แต่วันนี้พวกเขาก็ได้ช่วยจัดการเรื่องใหญ่ให้นะ”
“หากพวกเขาไม่ตาย ท่านเจ้าเมือง หรือว่าท่านจะฟังคำสั่งของพวกเขา ถูกพวกเขาเรียกใช้อย่างนั้นเหรอ?”
“ข้ารับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง และข้าก็ไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด ดูท่าคงต้องลงมือฆ่าจริง ๆ แล้ว”
ดวงตาของเจ้าเมืองซีเจว๋ฉายแววโหดเหี้ยมออกมา
มู่เฉียนซีกลับมายังเรือนพักรับรอง นางออกคำสั่งกำชับว่า “เสริมกำลังป้องกันให้ดี!”
“ขอรับ!”
ในยามรัตติกาลที่มืดสนิท สายลมพัดกระโชกแรง กลิ่นอายแห่งจิตสังหารได้อบอวลขึ้น เรือนพักรับรองของมู่เฉียนซีและพวกถูกยอดฝีมือนับร้อยห้อมล้อมเอาไว้
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีกับพวกก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และได้กล่าวกับคนชุดดำเหล่านั้นที่ห้อมล้อมนางและพวกว่า “พวกเจ้าเป็นใคร?”
“วันนี้พวกเจ้าได้ทำลายเรื่องดี ๆ ของสำนักขวางโซ่วของพวกเราไป พวกเจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าพวกข้าเป็นใคร ยอมรับความตายซะเถอะ!”
จิตสังหารได้แผ่ซ่านออกมา ภายในชั่วพริบตาเดียว เรือนรับรองทั้งหลังก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน อยู่ที่นี่นานไม่ได้แล้ว พวกเราต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด!”
“ขอรับ!”
ครั้นแล้วมู่เฉียนซีและพวกก็ถูกไล่ฆ่าจนต้องมุ่งหน้าไปทางนอกเมืองของเมืองซีเจว๋ แม้จะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น แต่ทางด้านจวนของเจ้าเมืองซีเจว๋นั้นกลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดใด
ในตอนนี้พวกเขาได้ถูกไล่ล่ามาจนถึงประตูเมืองแล้ว นักฆ่าเหล่านั้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้พวกเจ้าไร้ทางหนีแล้ว! ยอมแพ้เสียเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไร้ทางหนีอย่างนั้นเหรอ พวกเจ้าไม่เห็นเหรอว่าประตูเมืองของเมืองซีเจว๋นี้ไม่ได้แข็งแรงเอาซะเลย!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”
มู่เฉียนซีเรียกอู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมา จากนั้นพวกมันก็พังประตูเมืองของเมืองซีเจว๋อย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ตูม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นจนแทบจะทำให้ผู้คนครึ่งเมืองตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทว่า จวนเจ้าเมืองนั้นยังคงไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดใดอยู่เฉกเช่นเดิม
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยันก่อนจะกล่าวว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีและพวกได้เข้าไปในป่าที่อยู่นอกเมืองซีเจว๋นั้น ส่วนกลุ่มนักฆ่าเหล่านี้ที่ได้รับคำสั่งมาว่าต้องฆ่าพวกเขาให้ได้ ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาให้หนีรอดไปได้อย่างแน่นอน
“ตามไป!”
เย่เฉินกล่าว “นายท่าน เราจะทำเช่นไรต่อ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าพาคนกลับไปยังเมืองซีเจว๋ก่อน คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวว่าพวกมันมีความเคลื่อนไหวอันใด ส่วนข้ากับเสี่ยวไป๋จะเล่นสนุกกับนักฆ่าเหล่านี้สักหน่อย”
ป่าดงพงไพรเป็นสถานที่ซุกซ่อนที่เป็นเหมือนดั่งสมบัติอันล้ำค่าจากธรรมชาติ นักฆ่าเหล่านี้หมายจะเอาชีวิตนางในป่าแห่งนี้ มันคงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
เย่เฉินพยักหน้าพลางกล่าว “ขอรับ นายท่าน!”
เมื่อเข้ามาในป่าแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็หาพวกเขาไม่เจอแล้ว
“พี่ใหญ่ พวกมันหายไปแล้ว จะทำเช่นไรดี?”
“ตามหาต่อไป ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาตัวพวกมันให้เจอ จะให้พวกมันมีชีวิตรอดไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ขอรับ!”
เมื่อเห็นพวกเขาตามหาอย่างลำบากเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีจึงได้ปรากฏตัวออกมาเอง
“อยู่ทางนั้น ตามไป!”
“ตามไป!”
“……”
ในขณะที่พวกนักฆ่าได้เพ่งเล็งความสนใจทั้งหมดไปที่มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อี เย่เฉินและพวกก็ได้แอบกลับเข้าไปในเมืองซีเจว๋จากอีกทางด้านหนึ่ง
กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ เราจะลงมือจัดการกับคนเหล่านี้เมื่อใดดี” . .