“ท่านเจ้าเมือง ท่านเองก็รู้ว่าพลังความสามารถของพวกเขาวิปริตนัก อีกทั้งยังใช้พิษเป็นและมีสัตว์พันธสัญญาอีกด้วย ยากยิ่งนักที่จะประมือด้วย!”
สิ่งที่พวกเขากล่าวมานั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน พวกเขานั้นมิเพียงแต่ไม่สามารถต่อกรด้วยได้เท่านั้น ซ้ำยังให้สองคนนั้นเชือดเอาได้ตามสบาย
“พวกเขาหนีไปด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ในชั่วเวลาหนึ่งคงไม่สามารถที่จะกลับมาสร้างเรื่องขัดขวางได้ พวกเจ้ายังไม่ต้องติดตามไป วันนี้พักผ่อนเสียให้ดี วันรุ่งขึ้นยังมีเรื่องที่จะต้องทำอีก”
“ขอรับ!”
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว รองเจ้าเมืองตงกัวก็ได้เดินเข้ามา
เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าวขึ้น “ตงกัว เราฆ่าพวกเขาไม่สำเร็จ”
รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “เดิมทีข้าก็รู้สึกว่าพวกเขานั้นมิอาจที่จะถูกฆ่าได้ง่ายดายเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ขอแค่เพียงพวกเขาไม่สามารถที่จะกลับมาได้ในวันพรุ่งนี้ก็พอแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นทั้งทุ่งรกร้างก็จะเปลี่ยนฟ้าใหม่แล้ว พวกเขาเองก็จะไร้กำลังที่จะทำอันใดได้แล้ว”
เจ้าเมืองซีเจว๋ตะลึงงัน “ฟ้าใหม่?”
ในตอนนี้เอง ตะขาบพิษตัวหนึ่งได้ปีนขึ้นไปบนขาของเจ้าเมืองซีเจว๋
เจ้าเมืองซีเจว๋รู้สึกขนลุกขนพองจึงหมายจะใช้พลังวิญญาณปกป้องร่างกาย
จึ๊ด! ตะขาบตัวนั้นได้กัดเขาไปหนึ่งคราก่อนที่เขาจะป้องกันได้ทัน
ทันใดนั้นสีหน้าของเจ้าเมืองซีเจว๋ก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวปนเทา ส่วนตะขาบตัวนั้นก็ได้กลับไปอยู่ในมือของรองเจ้าเมืองตงกัว
เจ้าเมืองซีเจว๋เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงมองที่ตงกัวแล้วกล่าว “ตงกัว เจ้ากำลังทำอะไร? เจ้า…พิษนี้มัน…”
“อ๊าก!” เจ้าเมืองซีเจว๋ร้องอย่างน่าอนาถ พิษของตะขาบนี้ทำให้เขาเจ็บปวดจนต้องลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น เส้นผมก็พันกันไปมาจนยุ่งเหยิง สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“ข้าเชื่อใจเจ้ามากเช่นนั้น เจ้า…เจ้ากลับทำร้ายข้า…”
รองเจ้าเมืองตงกัวกล่าว “พื้นที่ทางตะวันตกของทุ่งรกร้างแห่งนี้ พวกเราสำนักขวางโซ่วยึดไว้แล้ว เกรงว่าท่านเจ้าเมืองจะยังคงไม่รู้ว่าข้าก็เป็นคนของสำนักขวางโซ่ว”
“เจ้า…เจ้า…”
นึกไม่ถึงเลยว่าข้างกายเขาจะมีแมงป่องพิษเช่นนี้อยู่ตัวหนึ่ง เจ้าเมืองซีเจว๋โกรธเสียจนตัวสั่น
“ทางที่ดีที่สุดท่านเจ้าเมืองเชื่อฟังคำสั่งของข้าแต่โดยดีเถอะ วันพรุ่งนี้จงควบคุมทุ่งรกร้างทั้งซีกตะวันตกเอาไว้ในมือ แล้วความเจ็บปวดเช่นนี้ท่านก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับมันแล้ว ท่านเจ้าเมืองตอบรับหรือไม่?”
“ข้าไร้ซึ่งหนทางที่จะเลือกแม้แต่น้อย!”
เมื่อเจ้าเมืองซีเจว๋ได้ตัดสินใจแล้ว ในที่สุดความเจ็บปวดนั้นบนร่างกายของเขาก็ได้ยุติลง
“เจ้ามันหมาป่าตาขาว!”
แม้เขาจะรู้สึกเสียใจภายหลังแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว และบัดนี้เขาได้ตกเป็นหุ่นเชิดของตงกัว รองเจ้าเมืองที่เขาไว้ใจ และแน่นอนว่าตงกัวสามารถเอาชีวิตของเขาได้อย่างสบายเมื่อไหร่ก็ได้
หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่แรก มิสู้ให้เมืองเหลยเป็นผู้บัญชาการเสียยังจะดีกว่า จะดีร้ายอย่างไรเขาก็ยังมีอิสระ
วันต่อมาในการประชุมที่จวนเจ้าเมือง เมื่อเวลามาถึงแล้ว เจ้าเมืองของเมืองเหลยและเมืองเหยียนที่ได้สำแดงความเป็นวีรบุรุษเป็นการใหญ่นั้นก็มิได้มาร่วมด้วย
เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าวขึ้น “เมื่อครู่นี้ข้าได้ข่าวมาว่า เมื่อคืนคนของสำนักขวางโซ่วมาลอบสังหารคนของเมืองเหลยและเมืองเหยียน ในตอนนี้พวกเขายังคงหายสาบสูญ!”
ทุกคนเกิดความโกลาหลขึ้นมา “สำนักขวางโซ่วยังกล้ามาลงมือในเมืองซีเจว๋อีก”
“เจ้าเมืองเหลยไม่อยู่ เช่นนั้นแล้วใครจะเป็นผู้บัญชาการในครั้งนี้?”
เจ้าเมืองซีเจว๋กล่าว “ข้าจะเป็นเอง ทุกท่านเห็นเช่นไร?”
พวกเขาต่างร้องประท้วงขึ้น “ในครั้งนี้เมืองซีเจว๋ของพวกเจ้าแพ้แล้ว เอาอะไรมาให้เจ้าเป็น?”
“ใช่แล้ว! พวกเจ้าเมืองซีเจว๋มิใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเราไม่ยอมรับ!”
“พวกเราไม่ยอมรับ!”
ดวงตาของเจ้าเมืองซีเจว๋ส่องประกายอันเย็นวาบออกมา “พวกเจ้าไม่ยอมรับ เช่นนั้นก็ไปตายกันเสียให้หมดเถอะ!”
“ตงกัว จัดการ!”
รองเจ้าเมืองตงกัวได้นำยอดฝีมือจำนวนหนึ่งมาด้วยและมิพูดพร่ำอันใดก็ลงมือฆ่าพวกเขาในทันที
การนำพวกเขามารวมตัวกันที่เมืองซีเจว๋นี้ เดิมทีก็มิได้คิดที่จะให้พวกเขารอดออกไปอยู่แล้ว จัดการล้างบางพวกเขาเสียให้สะอาดเอี่ยมจากนั้นก็ควบคุมเมืองเหล่านั้นเอาไว้ในกำมือ
“อ๊าก!”
“พรวด!”
“……”
เดิมทีนี่เป็นการหารือเพื่อรับมือกับสำนักขวางโซ่วและเลือกผู้ที่จะมานำทัพ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้โลหิตจะไหลหลั่งดั่งสายน้ำ
เจ้าเมืองชางพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงได้ซ่อนตัวไปเสีย เจ้าเมืองซีเจว๋บอกว่าท่านมู่หายตัวไป เขานั้นไม่เชื่ออย่างแน่นอน!
คนเหล่านั้นของสำนักขวางโซ่วมิสามารถที่จะรับมือกับท่านมู่ได้เลย
เขาต้องรักษาชีวิตน้อย ๆ ของตนเองเอาไว้ก่อนและเฝ้าดูความเป็นไป
ในจวนเจ้าเมืองนั้นต่อสู้กันดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่รู้ว่าเมืองซีเจว๋ไปเชิญยอดฝีมือมาจากไหนมากมายเช่นนี้ และได้บดขยี้พวกเขาอย่างสมบูรณ์
“โฮก!” ในตอนนี้เอง มีสัตว์ส่งเสียงร้องลอยมา
หัวใจของพวกเขาได้ดำดิ่งจมลง คงมิใช่สำนักขวางโซ่วก็มาร่วมสนุกด้วยกระมัง!
ตงกัวขมวดคิ้ว สัตว์วิญญาณเหล่านั้นมาจากที่ใดกัน?
ไม่นานนักเย่เฉินก็ได้นำนักรบชั้นยอดนับร้อยนายฆ่าฟันฝ่าเข้ามา
ก่อนที่พวกเขาจะมายังเมืองซีเจว๋ก็ได้ซุ่มเตรียมกำลังพลเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะเอาไว้รับมือกับเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
“ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะคือเจ้าเมืองเหลย”
“เจ้าเมืองเหลยได้นำคนมาเป็นจำนวนมากเช่นนี้ช่างดีนัก พวกเรารอดแล้ว”
“เจ้าเมืองเหลย เจ้าเมืองซีเจว๋นั้นเป็นบ้าไปแล้ว เขาไม่นับญาติกับผู้ใดแล้ว ขอแค่เพียงพวกเรารอดจากความยากลำบากในครั้งนี้ไปได้ พวกเราจะยอมรับให้เจ้าเป็นผู้บัญชาการอย่างแน่นอน!”
“ใช่! ผู้บัญชาการ!”
เสียงโห่ร้องให้แก่เมืองเหลยดังกึกก้อง สีหน้าของตงกัวก็มืดครึ้มลง
“บ้าจริง! พวกเขายังมีชีวิตอยู่ดี และถึงกับมาขัดขวางเราได้ ฆ่าพวกเขาเสีย!”
เพราะเย่เฉินนำสัตว์พันธสัญญามาด้วย จึงทำให้จำนวนคนของตงกัวนั้นไม่ได้สร้างความได้เปรียบอะไรแล้ว
จะแพ้ไม่ได้ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเผยตัวก็เผยตัวเถอะ!
ตงกัวกล่าว “ไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงแล้ว ใช้พลังทั้งหมดที่มีฆ่าพวกเขาเสีย!”
“โฮก!”
ทุกคนต่างนึกไม่ถึงเลยว่า ศัตรูที่อยู่ตรงหน้านี้จะกลับอัญเชิญสัตวศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งออกมา
“เมืองซีเจว๋มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากมายเช่นนี้ แต่ถ้าหากว่ามีจริง ๆ ละก็ เหตุใดพวกเขาจึงพ่ายแพ้ต่อเมืองอื่นได้”
“ทำไมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ถึงได้คุ้นตานัก มันช่างเหมือนกับสัตว์เหล่านั้นของสำนักขวางโซ่ว”
จากนั้นคนจากสำนักขวางโซ่วแต่ละคนก็ได้กลายร่างเป็นสัตว์ไปทีละคน ๆ ซึ่งทำให้เมืองอื่น ๆ มั่นใจในข้อสงสัยของตนเองยิ่งนัก
“คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนของสำนักขวางโซ่ว”
“เจ้าเมืองซีเจว๋และรองเจ้าเมืองตงกัวได้กลายเป็นคนของสำนักขวางโซ่วไปแล้ว การจัดการประลองในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะจัดการพวกเราให้สิ้น!”
“……”
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก รึว่าจะต้องมาตายอยู่ที่นี่จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
“ฆ่า! ฆ่าพวกมันเสีย ถึงต่อให้พวกเราต้องตายก็ต้องลากพวกมันตายตามไปด้วยสักหนึ่งคน!”
“ใช่แล้ว! สู้ตาย!”
“……”
คนเหล่านี้จากเมืองใหญ่ต่าง ๆ ได้ระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา พลังในการต่อสู้ก็พลันปะทุพลุ่งพล่านขึ้นมาเช่นกัน
แต่ทว่าคนของสำนักขวางโซ่วรวมกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีเมืองเหลยมาเข้าร่วมด้วย แต่พวกเขาก็ยังนับว่าเสียเปรียบอยู่ดี ความพ่ายแพ้เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาช้าเร็วเท่านั้น
ตูม! ศึกใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งจวนเจ้าเมืองซีเจว๋นั้นถูกทำลายราบคาบ
ในตอนนี้เอง ยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้าสองคนที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืดก็ได้พลันลงมือ
หนึ่งคนพุ่งไปทางเจ้าเมืองซีเจว๋ส่วนอีกคนมุ่งไปทางรองเจ้าเมืองตงกัว
“คนของสำนักขวางโซ่วทั้งหมดจงหยุด มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าพวกเขาสองคนนี้เสีย”
“เจ้า…”
“เจ้ากล้าดียังไงที่จะลงมือกับข้า!”
เจ้าเมืองซีเจว๋ตะลึงค้าง ส่วนดวงตาของรองเจ้าเมืองตงกัวได้สาดประกายอันเย็นวาบออกมา
เขามองไปยังเจ้าเมืองซีเจว๋แล้วกล่าว “ข้าว่าพวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ตงกัวคิดว่าจะต้องเป็นเจ้าเมืองซีเจว๋เป็นแน่ที่สั่งให้พวกเขาทำเช่นนี้
เจ้าเมืองซีเจว๋รีบกล่าวอย่างร้อนรน “ข้าเปล่า ข้าเปล่า…”
“ในเมื่อเรื่องได้มาถึงขั้นนี้แล้ว เก็บตัวเจ้าไว้ก็ไม่จำเป็นแล้ว ตายไปเสียเถอะ!”
ตงกัวได้โคจรพลังในร่างกายของเขาขึ้นมาแล้วทำให้พิษที่อยู่ในร่างของเจ้าเมืองซีเจว๋ออกฤทธิ์
“อ๊าก!” เจ้าเมืองซีเจว๋ร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
เขาเริ่มมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดและดิ้นรนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดอย่างทรมานมิสู้ตาย
ตงกัวกล่าว “เจ้าเมืองของพวกเจ้าได้ตายไปแล้ว ปล่อยข้าไปแล้วข้าจะมอบหนทางรอดให้แก่พวกเจ้า มิเช่นนั้น…”
“น่าเสียดาย! ผู้ที่พวกเขาเชื่อฟังนั้นมิใช่เจ้าเมืองซีเจว๋ หากแต่เป็นข้า…”
เสียงที่กล่าวอย่างหยอกล้อเสียงหนึ่งได้ดังลอยมา ตงกัวรู้สึกได้ถึงเข็มสีเงินที่เล็กบางและคมกริบที่มาจ่ออยู่ที่คอของเขา
.
.