เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ดวงตาของรองเจ้าเมืองตงกัวก็พลันหดเล็กลง
“พวก…พวกเจ้ากลับมาได้แล้ว มิใช่ว่าพวกเจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนว่าพวกข้ากลับมาแล้ว มิเช่นนั้นแล้วจะจัดการกับเจ้าอย่างไร?”
“ทั้งหมดอย่าขยับ!”
ตงกัวตกอยู่ในมือของมู่เฉียนซี คนเหล่านั้นก็ไม่กล้าลงมือฆ่าใครดั่งที่คิดเอาไว้จริง ๆ
ตงกัวที่ถูกมู่เฉียนซีเอาเข็มยาจ่อที่คอยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าช่างรับมือได้ยากจริงเชียว! มิน่าล่ะ นางหญิงโง่ผู้นั้นถึงได้เกือบถูกเจ้าฆ่าตายไปถึงสองหน”
นางผู้หญิงโง่ ที่เขากล่าวมานั้นคงมิใช่สตรีมีพิษผู้นั้นกระมัง!
“แต่ว่าข้าไม่เหมือนกับนางหญิงโง่ผู้นั้น” ดวงตาของเขาส่องประกายอันชั่วร้ายออกมา
“ฆ่า! ฆ่าพวกมันเสีย อย่าให้เหลือรอดแม้แต่ผู้เดียว!” ตงกัวออกคำสั่ง
เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินคำสั่งของเขาก็กลับทำตามจริง ๆ โดยที่ไม่สนความเป็นความตายของเขาเลยสักนิด พวกนั้นเริ่มลงมือฆ่าผู้คนทันที
สนามรบที่สงบสุขลงมาได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ บัดนี้ก็ได้เกิดการฆ่าฟันกันไปทั่วอีกครั้ง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าว่าเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
ในตอนที่เข็มยาของมู่เฉียนซีกำลังจะกรีดผิวหนังของตงกัวก็พลันมีเสียงเสียงหนึ่งดังแหวกอากาศมา
กู้ไป๋อีที่คอยอารักขานางอยู่ด้านข้างสัมผัสได้ถึงความอันตราย เขาจึงชักกระบี่เฉียนหานออกมาแล้วป้องกันที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้
เคร้ง! มีดทรงโค้งสองเล่มที่บินมา เล่มหนึ่งได้ถูกกู้ไป๋อีกันเอาไว้ได้
ส่วนอีกเล่มหนึ่งมันเฉือนเข้าที่หัวไหล่ของเขาและพุ่งไปทางข้อมือของมู่เฉียนซี
ฝ่ายตรงข้ามโจมตีรวดเร็วยิ่งนัก มู่เฉียนซีจึงทำได้แต่หลบหลีกไปอย่างรีบร้อน จึงไม่สามารถที่จะควบคุมตงกัวเอาไว้ได้
ปัง! ตงกัวฉวยโอกาสนี้ตบเข้าไปทางมู่เฉียนซีหนึ่งฝ่ามือ และหลุดพ้นไปจากพันธนาการของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหลบออกไปที่ทางด้านข้าง จากนั้นก็ร้องตะโกนขึ้น “อู๋ตี้ เสี่ยวหง ตามจับเจ้าหมอนั่น”
ลำแสงสองลำได้พุ่งออกไป อู๋ตี้และเสี่ยวหงพัวพันตงกัวเอาไว้ จากนั้นนางก็ได้ไปยังด้านข้างของกู้ไป๋อีแล้วกล่าว “ห้ามเลือดก่อน!”
ถึงแม้ว่านางจะจดจ่ออยู่กับอาการบาดเจ็บของกู้ไป๋อี แต่ทว่าพลังจิตของนางนั้นก็ได้กระจายออกไปและระแวดระวังทั้งรอบทิศ
คู่ต่อสู้เมื่อครู่นั้นโผล่มาจากที่ใดกัน เขาจะต้องซ่อนตัวอยู่ในที่รอบ ๆ นี้เป็นแน่ แต่แม้ด้วยพลังจิตของนางก็ยังกลับไม่สามารถที่จะตรวจพบได้!
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!
กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ ข้าเองก็ไม่สามารถตรวจจับเจ้าหมอนั่นได้ เกรงว่าเจ้าหมอนั่นคงมีเคล็ดวิชาในการซ่อนตัวหรือไม่ก็เป็นอย่างอื่น ท่านจะต้องระวังตัว!”
พวกเขาจำต้องระมัดระวังต่อผู้ที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตลอดเวลา
หากทันทีที่เผลอแม้เพียงเล็กน้อยก็จะถูกเขาเพ่งเล็งในทันที นั่นมันเป็นการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน
เมื่อกู้ไป๋อีห้ามเลือดเสร็จสิ้นแล้ว มู่เฉียนซีก็ได้พุ่งเข้าไปประมือกับตงกัว
กู้ไป๋อีมิได้รุกเข้าไปประมือกับผู้ใด สายตาของเขายังคงจับจ้องที่ตัวของมู่เฉียนซีอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะป้องกันมิให้ผู้ที่อยู่ในมุมมืดนั้นลงมือกับนางได้อีก
ปัก ปัก ปัก!
แม้พลังความสามารถของตงกัวได้ไปถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้าแล้ว แต่เขาที่ถูกมู่เฉียนซีและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อีกสองตัวรุมโจมตีก็ไม่อาจที่จะต้านทานได้ไหว
เขาเปิดปากเอ่ยขึ้น “มู่เฉียนซี ข้าได้ยินนางผู้หญิงโง่บอกว่าดูเหมือนเจ้าจะเป็นห่วงกู้ไป๋อีเป็นอย่างมาก เจ้าคิดจริงหรือว่ามีดของเจ้าเงามืดนั้นไร้ซึ่งพิษ? บนมีดนั้นมีพิษร้ายที่ถึงแก่ชีวิตอยู่ ไม่นานนักพิษก็จะออกฤทธิ์และทำให้กู้ไป๋อีสิ้นใจ”
“หากเจ้าไม่อยากจะให้เขาตายไปละก็ ทางที่ดีที่สุดจงเชื่อฟังข้า หากข้าอารมณ์ดีก็จะมอบยาแก้พิษให้เขา มิเช่นนั้นเจ้าก็จงรอเก็บศพของเขาเสียเถอะ!”
“มีพิษ!” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
คนอื่น ๆ เริ่มหวาดระแวงกันขึ้นมา แต่ด้วยเพราะมีเมืองเหลยเข้ามาร่วมสู้พวกเขาจึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้
แต่ถ้าหากเมืองเหลยล้มแล้วละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องตายตกอย่างแน่นอน!
“ต่ำช้า พวกเจ้าช่างต่ำช้ายิ่งนัก!”
“สำนักขวางโซ่ว ไอ้สำนักไร้ยางอาย!”
“……”
ทุกคนต่างเริ่มสบถออกมา
มู่เฉียนซียิ้มพร้อมกล่าวออกมา “เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าการใช้พิษต่อหน้าข้านั้นมันช่างเป็นเรื่องที่น่าขันไปหน่อย? พิษเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นคิดที่จะทำร้ายเสี่ยวไป๋ ฝันไปเถอะ!”
ตงกัวแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง “เจ้า…เจ้ากำลังพูดอะไร?”
สีหน้าของกู้ไป๋อียังคงเหมือนเดิม ไหนเลยจะมีท่าทางดูเหมือนดั่งต้องพิษ
กระบี่มังกรเพลิงได้กวาดออกไป มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “บัวแดงพิฆาต!”
ดอกบัวเพลิงสีแดงเข้มได้ระเบิดขึ้นกลางอากาศ
ร่างของตงกัวมีเปลือกเหมือนตัวด้วงห่อหุ้มเอาไว้ชั้นหนึ่ง แม้แต่บนใบหน้าก็มีเช่นกัน และมันป้องกันเขาจากดอกบัวเพลิงที่มีพลังทำลายล้างสูงนั้นเอาไว้ได้
ในตอนนี้เองมีดสองเล่มที่อยู่ในมุมมืดก็ได้บินออกมาอีกครั้ง
ในครั้งนี้กู้ไป๋อีได้เตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเงาร่างสีขาวเริ่มขยับตัววงเหมันต์จันทราสองวงก็ได้ปรากฏขึ้นและสะท้อนอาวุธลับทั้งสองนั้นกลับไป
ที่ตรงนั้น!
กู้ไป๋อีพุ่งตัวออกไป กระบี่นั้นได้ฟันลงมาจากกลางอากาศแต่ทว่ามันกลับไร้ซึ่งสิ่งใด
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ ด้านหลังข้าฝากให้เจ้าดูแลให้แล้ว ข้าจะจัดการเจ้าหมอนี่ก่อน”
“ได้!”
ชุดเกราะที่เหมือนดั่งตัวด้วงนั้นร้ายกาจนัก การโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีกลับไม่สามารถทำให้เจ้าหมอนี่บาดเจ็บได้เลย
ตงกัวได้อัญเชิญสัตว์พันธสัญญาของเขาออกมา มันเป็นตะขาบยักษ์ตัวหนึ่ง!
ตัวของอู๋ตี้สั่นระริกพร้อมกล่าว “เจ้าหมอนี่ก็อัปลักษณ์เกินไปแล้วกระมัง!”
เสี่ยวหงยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าตะขาบนี่ดูแล้วอัปลักษณ์นัก แต่บางทีพอเอามาย่างแล้วอาจจะอร่อยเป็นอย่างมากก็ได้ ข้าจะไปลองเสียหน่อย!”
สัตว์พันธสัญญาณของตงกัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับที่ห้า
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เจ้าไปช่วยเสี่ยวหง”
“แต่นายท่าน เขา…”
อย่างไรเสียพลังความสามารถของตงกัวนั้นก็สูงกว่ามู่เฉียนซีถึงหนึ่งระดับใหญ่กับอีกหนึ่งขั้น
หากนายท่านจะรับมือด้วยตัวคนเดียวละก็ จะมีความวุ่นวายอยู่บ้าง!
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าหมอนั่นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
นางรู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังจะบรรลุไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เช่นนั้นถือโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน ประมือกับเจ้าหมอนี่สักรอบเพื่อบรรลุขั้นไปในโอกาสนี้
ตงกัวเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีแล้วกล่าว “มู่เฉียนซี ตอนนี้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่สามารถที่จะช่วยเจ้าได้แล้ว เจ้าจงรอคอยความตายเถอะ!”
“ประมือกับเจ้ายังต้องการอู๋ตี้กับเสี่ยวหงอีกหรือ? เจ้าก็หลงตัวเองมากไปหน่อยแล้วกระมัง!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เมื่อแขนของมู่เฉียนซีเริ่มขยับ เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งไปทางตงกัว
“ลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ข้าไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาเลย” เขาสะบัดแขนเพียงครั้งก็สามารถป้องกันเข็มยาพวกนั้นเอาไว้ได้
และในตอนที่เขาป้องกันเข็มยาเหล่านี้เอาไว้นี่เอง มู่เฉียนซีก็ได้หายตัวไปจากด้านหน้าของเขาเสียแล้ว
“ทักษะโยวหลัว!”
พลังหัตถ์ทำลายล้างพลังหนึ่งได้ร่วงลงมา มู่เฉียนซีได้กระแทกเขากระเด็นลอยออกไป
และในตอนนี้เอง มีดบินโค้งสองเล่มนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ตำแหน่งในการลอบโจมตีนั้นปิดซ่อนเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามันก็ได้ถูกกู้ไป๋อีพบเข้าเสียแล้ว
แกรก! เกราะบนตัวของตงกัวได้ปรากฏรอยแตกขึ้นมา
มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมาเป็นสาย เขามองมู่เฉียนซีอย่างมืดมนและกล่าว “เป็นทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งนัก เมื่อเจ้ามีทักษะวิญญาณเช่นนี้ ข้าก็ฆ่าเจ้าไม่ลงแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวยอกย้อน “แต่ว่าข้านั้นฆ่าเจ้าได้ลงเป็นอย่างมาก!”
ปัง ปัง ปัง! มู่เฉียนซีลงมืออย่างโหดเหี้ยมขึ้นเรื่อย ๆ
“พิษพังสวรรค์!”
ถึงอย่างไรก็ตามพลังความสามารถของตงกัวนั้นไม่เลวเลย เขามิได้ยอมให้ตนเองถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวและได้รวบรวมพลังวิญญาณพร้อมกับใช้ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งโจมตีสวนกลับ
ร่างของมู่เฉียนซีในกลางอากาศได้เปลี่ยนสภาพเป็นภาพลวงตาจำนวนนับไม่ถ้วน พลังพิษพลังหนึ่งถาโถมเข้าไปทางนาง
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ปัง ปัง ปัง!
ร่างทั้งสองพุ่งตัดกันกลางอากาศ ส่วนผู้ที่อยู่ในมุมมืดก็ฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีมู่เฉียนซี แต่กู้ไป๋อีก็สามารถป้องกันเอาไว้ได้ทั้งหมด
เขาต้องคิดหาวิธีจับตัวคนผู้นั้นให้ได้ มีผู้คอยลอบโจมตีจากในมุมมืดเช่นนี้ อย่างไรเสียมันก็อันตรายเกินไปอยู่ดี . .