หากผู้ที่ใช้ทักษะกระบี่นี้เป็นไป๋อู๋ห่ายเขาจำเป็นต้องเป็นกังวล
แต่หญิงสาวผู้นี้ใช้ทักษะนี้ออกมาแล้วก็เป็นเพียงแค่ทักษะที่ดูดีแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในกลวงโบ๋ มู่เฉียนซีสามารถต้านทานได้อยู่แล้ว
ทว่า สามารถต้านทานได้ แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ!
ผู้ที่รู้จุดอ่อนของทักษะวิญญาณของไป๋อู๋ห่ายมากที่สุดนั้นก็คือคู่ต่อสู้ของเขา และกู้ไป๋อีก็นับว่าเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ของเขา
ในขณะที่การโจมตีนี้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซี กู้ไป๋อีก็ส่งเสียงขึ้นว่า “โจมตีจากกลางอากาศจะสามารถทำลายได้”
สำหรับคำแนะนำของกู้ไป๋อีแล้ว มู่เฉียนซีไม่ได้มีความสงสัยแต่อย่างใด ครั้นแล้วนางจึงกระโดดตัวขึ้นกลางอากาศราวกับสายลม กระบี่มังกรเพลิงระเบิดเปลวไฟอันแดงฉานออกมา มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีอันแดงฉานโจมตีลงไปอย่างไร้ความปรานี แสงสีขาวนั้นสามารถต้านทานได้ แต่มู่หรูเหยียนไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
ตูม! เมื่อบัวอัคคีตกลงมา การโจมตีของนางก็ว่างเปล่าไปทันที
ร่างของมู่หรูเหยียนถูกการโจมตีนี้จนกระเด็นลอยออกไป ชุดสีขาวบนร่างนั้นก็ถูกแผดเผาจนเกิดเป็นรูนับไม่ถ้วน
คนของตำหนักเทพเหล่านั้นต่างก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น “เป็นไปได้อย่างไร ?”
“หนึ่งในทักษะพิฆาตของท่านหัวหน้าตำหนัก นึกไม่ถึงว่าจะถูกทำลายได้ แค่พริบตาเดียวสาวน้อยผู้นี้ก็มองออกว่าจะทำลายทักษะพิฆาตของท่านหัวหน้าตำหนักได้เช่นไร นี่นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?”
“……”
ไม่ใช่เพราะสายตาของมู่เฉียนซีเฉียบแหลม แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคำเตือนของกู้ไป๋อีต่างหาก
จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “คนงามเก่งกาจเป็นที่สุด”
ซิงเฉินก็กล่าวว่า “นายหญิงทำได้ดี”
ชั่วครู่หนึ่งรอยยิ้มของซิงเฉินนั้นสดใสดุจดั่งดวงสุริยัน แต่ชั่วครู่ต่อมาใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างน่ากลัว “ส่วนพวกเจ้าทั้งหมด ก็ไปตายได้แล้ว”
ภายในชั่วพริบตาเดียวซิงเฉินก็ระเบิดพลังออกมา ทำให้สีหน้าของคนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋พลันเปลี่ยนไปมาก
“ห๊ะ! มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า!”
“เจ้าหนุ่มผู้นี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังเช่นนี้”
“รีบหนีเร็วเข้า!”
แม้แต่ท่านหัวหน้าตำหนักก็มีพลังเพียงในระดับนี้เช่นกัน ส่วนพวกเขานั้นไม่มีพลังความแข็งแกร่งที่จะตอบโต้กลับได้เลย
คนของสำนักต้าเหยี่ยนก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นเช่นกัน “สองคนเลย! พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าทั้งสองคนเลย หอปี้ลั่วมียอดฝีมือเช่นนี้ถึงสองคน นี่ไม่ใช่เป็นแค่กองกำลังระดับสองครึ่งแล้ว”
ทางด้านของคนตำหนักตงจี๋ถูกบดขยี้จนยับเยิน ส่วนมู่หรูเหยียนที่เผชิญหน้ากับการเข้ามาใกล้ของมู่เฉียนซีในตอนนี้ก็อยู่โดดเดี่ยวอย่างไร้คนช่วย
ตูม! การโจมตีอันรุนแรงพุ่งเข้ามา นางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทำได้เพียงแค่กัดฟันตอบโต้
“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเจ้า…เจ้าก็แค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าเท่านั้น” มู่หรูเหยียนกัดฟันกรอดพลางกล่าว
พลังขั้นมหาจักรพรรดิโคจรขึ้นอย่างบ้าคลั่งและพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
“เจ้ากำลังดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์” มู่เฉียนซีมองหน้านางพลางกล่าวอย่างเฉยเมย
ตูม ปัง ปัง! หลังจากที่ได้ประมือกันหลายกระบวนท่า มู่เฉียนซีก็คว้าโอกาสเอาไว้ได้
พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่นบริเวณรอบตัวนาง ทันทีที่นางง้างมือขึ้น กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างก็แผ่ซ่านออกมา
“ทักษะโยวหลัว!”
ถึงแม้ว่ามู่หรูเหยียนจะโชคดีที่ได้เลื่อนขั้นพลังวิญญาณอย่างรวดเร็ว แต่กำลังในการต่อสู้จริงของนางนั้นไม่สมกับการรอคอยเลยแม้แต่น้อย
ส่วนมู่เฉียนซีนั้นไม่ต้องกล่าวถึงประสบการณ์ก่อนหน้านี้เลย แค่ประสบการณ์การต่อสู้อันนองเลือดในช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองเฮยตูนั้นก็เพียงพอที่จะจับมู่หรูเหยียนโยนออกไปกลางอากาศแล้ว
เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ ต่อให้มู่หรูเหยียนโคจรพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าทั้งหมดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ร่างของนางกระเด็นลอยออกไปราวกับหุ่นไล่กาโดนพายุพัดกระโชกออกไปได้
ในขณะที่ร่างของนางกระเด็นลอยไปกลางอากาศ เลือดก็ได้ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบาดแผลที่สาหัสนั้น
พรวด!
ตุบ! ร่างของมู่หรูเหยียนได้ตกลงมากระแทกกับพื้นดินจนเกิดหลุมขนาดใหญ่
กระดูกในร่างกายถูกแรงกระแทกจนหักไปกี่ท่อนแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ นางบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถปีนป่ายลุกขึ้นมาได้แล้ว
“พวกเจ้า…นี่พวกเจ้าคิดจะกำจัดให้สิ้นซากจริง ๆ เหรอ?”
ทางด้านของตำหนักตงจี๋ นอกจากผู้อาวุโสที่มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนแต่ถูกจื่อโยวกับซิงเฉินกำจัดจนหมดสิ้นแล้ว
จื่อโยวหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “พวกข้าคิดจะกำจัดให้สิ้นซากที่ไหนกันเล่า เป็นพวกเจ้าเองไม่ใช่เหรอที่ต้องการสู้รบฆ่าฟันพวกข้า ฉะนั้นข้าจึงลงมือกับพวกเจ้าอย่างสุดความสามารถอย่างไรล่ะ!”
“เฮ้อ ก็ใครใช้ให้พวกเจ้าอ่อนแอถึงเพียงนี้กันล่ะ ไม่ทันระวังก็ตายแหงแก๋ซะแล้ว จะมาโทษข้าได้อย่างไรกัน”
ซิงเฉินกล่าว “หากไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าคิดเหรอว่าข้าไม่อยากกำจัดตำหนักตงจี๋ไปให้สิ้นซาก แค่ฆ่าเจ้าก็นับว่าข้าไว้หน้าไป๋อู๋ห่ายมากแล้ว”
พรวด! ผู้อาวุโสท่านนี้ได้ยินคำพูดกำเริบเสิบสานเช่นนี้เข้าก็แทบกระอักเลือดออกมา
ส่วนมู่หรูเหยียนไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้แล้ว และมู่เฉียนซีก็ไม่อยากให้นางตายเร็วเกินไป ทันทีที่มือของมู่หรูเหยียนขยับ เข็มยาของมู่เฉียนซีก็ได้พุ่งออกไป
และแน่นอนว่ามู่หรูเหยียนนั้นรู้ดีว่าในเข็มยาของมู่เฉียนซีนั้นมีพิษ นางกล่าว “มู่เฉียนซี เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“แล้วเจ้าจะเสียใจ เหอะ เหอะ เหอะ! แล้วเจ้าจะเสียใจ…”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าว “เสียใจเหรอ คนที่ควรจะเสียใจน่าจะเป็นเจ้ามากกว่านะ!”
เข็มยาของมู่เฉียนซียังไม่ได้ทันได้ทำร้ายมู่หรูเหยียน จู่ ๆ แสงสีขาวก็ได้เปล่งประกายขึ้นปรากฏตรงหน้ามู่หรูเหยียน
จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็ใกล้เข้ามาหามู่เฉียนซี
สีหน้าของกู้ไป๋อีเคร่งขรึมลง เขากล่าว “บัดซบ! นึกไม่ถึงว่าไป๋อู๋ห่ายจะแยกร่างวิญญาณมาอยู่ในร่างหญิงผู้นี้”
ทันทีที่ซิงเฉินเห็น ร่างสีทองอร่ามก็ได้เคลื่อนไหวไปขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้
ตูม! เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นทำให้ทั่วทั้งภูเขาหนานอวิ๋นสั่นสะเทือนขึ้น
นี่เป็นถึงพลังของมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเชียวนะ!
ซิงเฉินขวางการโจมตีนี้ไว้ มู่เฉียนซีไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มู่หรูเหยียนรู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นมู่เฉียนซีเองก็ได้เห็นรูปร่างเงาสีขาวนั้นอย่างชัดเจน ดูเหมือนจะเป็นชายอายุประมาณสี่สิบกว่าปีผู้หนึ่ง
ใบหน้าที่อ่อนโยนและชุดสีขาวบริสุทธิ์นั้นทำให้เขาดูศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ และหยิ่งยโสมาก
สายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซีกับซิงเฉินก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ช่างกล้าหาญยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายบุตรสาวของข้าไป๋อู๋ห่ายได้ ช่างรนหาที่ตายจริงแท้!”
“ก็แค่วิญญาณแยกร่าง เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจมากนักรึไง?” ซิงเฉินกล่าวยั่วยุ
ตูม! เขารีบต่อสู้กับวิญญาณแยกร่างนี้ของไป๋อู๋ห่ายทันที
ส่วนมู่หรูเหยียนในตอนนี้…
มู่เฉียนซีเหลือบมองนางและพบว่าร่างของนางกำลังถูกหมอกควันสีดำปกคลุมไว้ นางเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น
“มังกรเพลิงสังหาร!” มู่เฉียนซีโจมตีไปที่ร่างของมู่หรูเหยียนที่ถูกปกคลุมอยู่นั้น
ตูม!
ทว่า ทันทีที่นางโจมตีออกไปกระทบกับหมอกควันสีดำนั้น การโจมตีก็ได้อันตรธานหายไป ไม่สามารถทำร้ายโดนร่างของมู่หรูเหยียนได้เลย
นางกำกระบี่มังกรเพลิงแน่น และโจมตีออกไปอีกครั้ง “บัวแดงพิฆาต!”
ปัง ปัง ปัง!
ไม่ได้ผล ยังคงไม่ได้ผล แถมยังถูกหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
นอกจากวิญญาณแยกร่างของหัวหน้าตำหนักไป๋อู๋ห่ายแล้ว มู่หรูเหยียนยังมีไพ่เด็ดอันใดอยู่อีก?!
ร่างในชุดม่วงกระพริบขึ้น มู่เฉียนซีเข้ามาใกล้มู่หรูเหยียน พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่น โจมตีไปด้วยทักษะวิญญาณอย่างไร้ความปรานี
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม! เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ครานี้ก้อนหินดินทรายบนพื้นต่างกระเด็นกระดอนลอยขึ้นมา ทว่า…
มู่หรูเหยียนยังคงไม่เป็นอันใด หมอกควันสีดำนี้ได้ขวางการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ได้
แต่ทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งจิตสังหารอันเย็นยะเยือกที่ใกล้เข้ามา
มือคู่หนึ่งพุ่งออกมาจากหมอกควันสีดำนั้น เล็บอันแหลมคมสีดำดุจดั่งคมมีดมุ่งเป้าหมายจะข่วนเข้าที่คอของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีรีบโคจรพลังวิญญาณใช้ทักษะย่างเท้าพันเทวา และในขณะที่มือจากหมอกควันสีดำนั้นกำลังจะข่วนสำเร็จ แสงสีเงินของกระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งไปทางมือนั้น!