ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 1002 แล้วเจ้าจะเสียใจ

หากผู้ที่ใช้ทักษะกระบี่นี้เป็นไป๋อู๋ห่ายเขาจำเป็นต้องเป็นกังวล

แต่หญิงสาวผู้นี้ใช้ทักษะนี้ออกมาแล้วก็เป็นเพียงแค่ทักษะที่ดูดีแค่ภายนอกเท่านั้น แต่ภายในกลวงโบ๋ มู่เฉียนซีสามารถต้านทานได้อยู่แล้ว

ทว่า สามารถต้านทานได้ แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ!

ผู้ที่รู้จุดอ่อนของทักษะวิญญาณของไป๋อู๋ห่ายมากที่สุดนั้นก็คือคู่ต่อสู้ของเขา และกู้ไป๋อีก็นับว่าเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ของเขา

ในขณะที่การโจมตีนี้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซี กู้ไป๋อีก็ส่งเสียงขึ้นว่า “โจมตีจากกลางอากาศจะสามารถทำลายได้”

สำหรับคำแนะนำของกู้ไป๋อีแล้ว มู่เฉียนซีไม่ได้มีความสงสัยแต่อย่างใด ครั้นแล้วนางจึงกระโดดตัวขึ้นกลางอากาศราวกับสายลม กระบี่มังกรเพลิงระเบิดเปลวไฟอันแดงฉานออกมา มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “บัวแดงพิฆาต!”

บัวอัคคีอันแดงฉานโจมตีลงไปอย่างไร้ความปรานี แสงสีขาวนั้นสามารถต้านทานได้ แต่มู่หรูเหยียนไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น

ตูม! เมื่อบัวอัคคีตกลงมา การโจมตีของนางก็ว่างเปล่าไปทันที

ร่างของมู่หรูเหยียนถูกการโจมตีนี้จนกระเด็นลอยออกไป ชุดสีขาวบนร่างนั้นก็ถูกแผดเผาจนเกิดเป็นรูนับไม่ถ้วน

คนของตำหนักเทพเหล่านั้นต่างก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น “เป็นไปได้อย่างไร ?”

“หนึ่งในทักษะพิฆาตของท่านหัวหน้าตำหนัก นึกไม่ถึงว่าจะถูกทำลายได้ แค่พริบตาเดียวสาวน้อยผู้นี้ก็มองออกว่าจะทำลายทักษะพิฆาตของท่านหัวหน้าตำหนักได้เช่นไร นี่นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?”

“……”

ไม่ใช่เพราะสายตาของมู่เฉียนซีเฉียบแหลม แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคำเตือนของกู้ไป๋อีต่างหาก

จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “คนงามเก่งกาจเป็นที่สุด”

ซิงเฉินก็กล่าวว่า “นายหญิงทำได้ดี”

ชั่วครู่หนึ่งรอยยิ้มของซิงเฉินนั้นสดใสดุจดั่งดวงสุริยัน แต่ชั่วครู่ต่อมาใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างน่ากลัว “ส่วนพวกเจ้าทั้งหมด ก็ไปตายได้แล้ว”

ภายในชั่วพริบตาเดียวซิงเฉินก็ระเบิดพลังออกมา ทำให้สีหน้าของคนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋พลันเปลี่ยนไปมาก

“ห๊ะ! มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า!”

“เจ้าหนุ่มผู้นี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังเช่นนี้”

“รีบหนีเร็วเข้า!”

แม้แต่ท่านหัวหน้าตำหนักก็มีพลังเพียงในระดับนี้เช่นกัน ส่วนพวกเขานั้นไม่มีพลังความแข็งแกร่งที่จะตอบโต้กลับได้เลย

คนของสำนักต้าเหยี่ยนก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นเช่นกัน “สองคนเลย! พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าทั้งสองคนเลย หอปี้ลั่วมียอดฝีมือเช่นนี้ถึงสองคน นี่ไม่ใช่เป็นแค่กองกำลังระดับสองครึ่งแล้ว”

ทางด้านของคนตำหนักตงจี๋ถูกบดขยี้จนยับเยิน ส่วนมู่หรูเหยียนที่เผชิญหน้ากับการเข้ามาใกล้ของมู่เฉียนซีในตอนนี้ก็อยู่โดดเดี่ยวอย่างไร้คนช่วย

ตูม! การโจมตีอันรุนแรงพุ่งเข้ามา นางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทำได้เพียงแค่กัดฟันตอบโต้

“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเจ้า…เจ้าก็แค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าเท่านั้น” มู่หรูเหยียนกัดฟันกรอดพลางกล่าว

พลังขั้นมหาจักรพรรดิโคจรขึ้นอย่างบ้าคลั่งและพุ่งไปทางมู่เฉียนซี

“เจ้ากำลังดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์” มู่เฉียนซีมองหน้านางพลางกล่าวอย่างเฉยเมย

ตูม ปัง ปัง! หลังจากที่ได้ประมือกันหลายกระบวนท่า มู่เฉียนซีก็คว้าโอกาสเอาไว้ได้

พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่นบริเวณรอบตัวนาง ทันทีที่นางง้างมือขึ้น กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างก็แผ่ซ่านออกมา

“ทักษะโยวหลัว!”

ถึงแม้ว่ามู่หรูเหยียนจะโชคดีที่ได้เลื่อนขั้นพลังวิญญาณอย่างรวดเร็ว แต่กำลังในการต่อสู้จริงของนางนั้นไม่สมกับการรอคอยเลยแม้แต่น้อย

ส่วนมู่เฉียนซีนั้นไม่ต้องกล่าวถึงประสบการณ์ก่อนหน้านี้เลย แค่ประสบการณ์การต่อสู้อันนองเลือดในช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองเฮยตูนั้นก็เพียงพอที่จะจับมู่หรูเหยียนโยนออกไปกลางอากาศแล้ว

เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ ต่อให้มู่หรูเหยียนโคจรพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าทั้งหมดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ร่างของนางกระเด็นลอยออกไปราวกับหุ่นไล่กาโดนพายุพัดกระโชกออกไปได้

ในขณะที่ร่างของนางกระเด็นลอยไปกลางอากาศ เลือดก็ได้ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบาดแผลที่สาหัสนั้น

พรวด!

ตุบ! ร่างของมู่หรูเหยียนได้ตกลงมากระแทกกับพื้นดินจนเกิดหลุมขนาดใหญ่

กระดูกในร่างกายถูกแรงกระแทกจนหักไปกี่ท่อนแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ นางบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถปีนป่ายลุกขึ้นมาได้แล้ว

“พวกเจ้า…นี่พวกเจ้าคิดจะกำจัดให้สิ้นซากจริง ๆ เหรอ?”

ทางด้านของตำหนักตงจี๋ นอกจากผู้อาวุโสที่มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนแต่ถูกจื่อโยวกับซิงเฉินกำจัดจนหมดสิ้นแล้ว

จื่อโยวหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “พวกข้าคิดจะกำจัดให้สิ้นซากที่ไหนกันเล่า เป็นพวกเจ้าเองไม่ใช่เหรอที่ต้องการสู้รบฆ่าฟันพวกข้า ฉะนั้นข้าจึงลงมือกับพวกเจ้าอย่างสุดความสามารถอย่างไรล่ะ!”

“เฮ้อ ก็ใครใช้ให้พวกเจ้าอ่อนแอถึงเพียงนี้กันล่ะ ไม่ทันระวังก็ตายแหงแก๋ซะแล้ว จะมาโทษข้าได้อย่างไรกัน”

ซิงเฉินกล่าว “หากไม่กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าคิดเหรอว่าข้าไม่อยากกำจัดตำหนักตงจี๋ไปให้สิ้นซาก แค่ฆ่าเจ้าก็นับว่าข้าไว้หน้าไป๋อู๋ห่ายมากแล้ว”

พรวด! ผู้อาวุโสท่านนี้ได้ยินคำพูดกำเริบเสิบสานเช่นนี้เข้าก็แทบกระอักเลือดออกมา

ส่วนมู่หรูเหยียนไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้แล้ว และมู่เฉียนซีก็ไม่อยากให้นางตายเร็วเกินไป ทันทีที่มือของมู่หรูเหยียนขยับ เข็มยาของมู่เฉียนซีก็ได้พุ่งออกไป

และแน่นอนว่ามู่หรูเหยียนนั้นรู้ดีว่าในเข็มยาของมู่เฉียนซีนั้นมีพิษ นางกล่าว “มู่เฉียนซี เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

“แล้วเจ้าจะเสียใจ เหอะ เหอะ เหอะ! แล้วเจ้าจะเสียใจ…”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าว “เสียใจเหรอ คนที่ควรจะเสียใจน่าจะเป็นเจ้ามากกว่านะ!”

เข็มยาของมู่เฉียนซียังไม่ได้ทันได้ทำร้ายมู่หรูเหยียน จู่ ๆ แสงสีขาวก็ได้เปล่งประกายขึ้นปรากฏตรงหน้ามู่หรูเหยียน

จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็ใกล้เข้ามาหามู่เฉียนซี

สีหน้าของกู้ไป๋อีเคร่งขรึมลง เขากล่าว “บัดซบ! นึกไม่ถึงว่าไป๋อู๋ห่ายจะแยกร่างวิญญาณมาอยู่ในร่างหญิงผู้นี้”

ทันทีที่ซิงเฉินเห็น ร่างสีทองอร่ามก็ได้เคลื่อนไหวไปขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้

ตูม! เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นทำให้ทั่วทั้งภูเขาหนานอวิ๋นสั่นสะเทือนขึ้น

นี่เป็นถึงพลังของมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเชียวนะ!

ซิงเฉินขวางการโจมตีนี้ไว้ มู่เฉียนซีไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มู่หรูเหยียนรู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นมู่เฉียนซีเองก็ได้เห็นรูปร่างเงาสีขาวนั้นอย่างชัดเจน ดูเหมือนจะเป็นชายอายุประมาณสี่สิบกว่าปีผู้หนึ่ง

ใบหน้าที่อ่อนโยนและชุดสีขาวบริสุทธิ์นั้นทำให้เขาดูศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ และหยิ่งยโสมาก

สายตาของเขาจับจ้องไปที่มู่เฉียนซีกับซิงเฉินก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ช่างกล้าหาญยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายบุตรสาวของข้าไป๋อู๋ห่ายได้ ช่างรนหาที่ตายจริงแท้!”

“ก็แค่วิญญาณแยกร่าง เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจมากนักรึไง?” ซิงเฉินกล่าวยั่วยุ

ตูม! เขารีบต่อสู้กับวิญญาณแยกร่างนี้ของไป๋อู๋ห่ายทันที

ส่วนมู่หรูเหยียนในตอนนี้…

มู่เฉียนซีเหลือบมองนางและพบว่าร่างของนางกำลังถูกหมอกควันสีดำปกคลุมไว้ นางเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น

“มังกรเพลิงสังหาร!” มู่เฉียนซีโจมตีไปที่ร่างของมู่หรูเหยียนที่ถูกปกคลุมอยู่นั้น

ตูม!

ทว่า ทันทีที่นางโจมตีออกไปกระทบกับหมอกควันสีดำนั้น การโจมตีก็ได้อันตรธานหายไป ไม่สามารถทำร้ายโดนร่างของมู่หรูเหยียนได้เลย

นางกำกระบี่มังกรเพลิงแน่น และโจมตีออกไปอีกครั้ง “บัวแดงพิฆาต!”

ปัง ปัง ปัง!

ไม่ได้ผล ยังคงไม่ได้ผล แถมยังถูกหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

นอกจากวิญญาณแยกร่างของหัวหน้าตำหนักไป๋อู๋ห่ายแล้ว มู่หรูเหยียนยังมีไพ่เด็ดอันใดอยู่อีก?!

ร่างในชุดม่วงกระพริบขึ้น มู่เฉียนซีเข้ามาใกล้มู่หรูเหยียน พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่น โจมตีไปด้วยทักษะวิญญาณอย่างไร้ความปรานี

“ทักษะโยวหลัว!”

ตูม! เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ครานี้ก้อนหินดินทรายบนพื้นต่างกระเด็นกระดอนลอยขึ้นมา ทว่า…

มู่หรูเหยียนยังคงไม่เป็นอันใด หมอกควันสีดำนี้ได้ขวางการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ได้

แต่ทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งจิตสังหารอันเย็นยะเยือกที่ใกล้เข้ามา

มือคู่หนึ่งพุ่งออกมาจากหมอกควันสีดำนั้น เล็บอันแหลมคมสีดำดุจดั่งคมมีดมุ่งเป้าหมายจะข่วนเข้าที่คอของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีรีบโคจรพลังวิญญาณใช้ทักษะย่างเท้าพันเทวา และในขณะที่มือจากหมอกควันสีดำนั้นกำลังจะข่วนสำเร็จ แสงสีเงินของกระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งไปทางมือนั้น!

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset