เมื่อพูดจบ หลี่หรงปิดทีวี วางรีโมททีวีลง ลุกขึ้นและกอดถวนถวน
“ถวนถวน ไหนบอกแม่หรงหน่อยสิว่าวันนี้หนูไปกินอะไรดี ๆ มา?”
“เอ๊ะ? แม่หรง วันนี้ถวนถวนไม่ได้กินอะไรดี ๆ เลย! อาหารของ แม่หรงดีที่สุดแล้ว!”
เด็กน้อยฉลาดมาก เธอรีบโกหกเพื่อให้หลี่หรงสบายใจ
“ฮ่า! ถวนถวนเก่งมาก ไปเถอะ แม่หรงพาหนูไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
หลี่หรงกลับมายิ้มทันที พร้อมกับกอดและเด็กน้อยไปฟอดใหญ่
หลังจากที่เห็นแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานอึ้งไปเล็กน้อย จิตใจของผู้หญิงนี่ช่างยากหยั่งถึงจริง ๆ เมื่อครู่ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่แท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับยิ้มได้ด้วยคำเพียงคำเดียวซะงั้น?
เช้าวันรุ่งขึ้น
ทั้งหลี่หรงและอวี้ฮ่าวหรานได้โทรไปบอกเลขาของพวกเขาเองแล้วว่าวันนี้จะไม่เข้าบริษัท
วันนี้ในโรงเรียนอนุบาลแอปเปิลแดงคลาคล่ำไปด้วยผู้ปกครองมากมาย เนื่องจากวันนี้มีการแข่งขันสัตว์เลี้ยง ผู้ปกครองจึงได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมชมได้หากต้องการ
ดังนั้นวันนี้โรงเรียนอนุบาลจึงดูมีชีวิตชีวามากกว่าปกติ
“พวกคุณเป็นผู้ปกครองใช่ไหม? เอาล่ะพวกคุณต้องลงทะเบียนก่อน พวกคุณชื่ออะไร?”
โรงเรียนจัดหน้าที่ให้ครู 2 คนทำหน้าที่ลงทะเบียนให้กับผู้ปกครองที่จะเข้าไปด้านใน หนึ่งในครูที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนมองไปที่ทั้งสามคนแล้วถาม
“ผมเป็นพ่อของถวนถวน อวี้ฮ่าวหราน”
“ฉัน…ฉันเป็นป้าของเธอ ชื่อหลี่หรง”
หลี่หรงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เพราะปกติแล้วมันควรจะเป็นพ่อแม่ที่มาดูลูกของตัวเอง แต่ทางด้านของพวกเขากลับเป็นพ่อและน้องภรรยาแทนซึ่งมันแปลกกว่าคนอื่นจริง ๆ
“หืม? อะ…เอ่อ…ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว พวกคุณเข้าไปรอด้านในได้เลย พยายามให้กำลังใจลูกและหลานของพวกคุณเยอะ ๆ ด้วยล่ะ”
ครูลงทะเบียนสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอก็ไม่กล้าถามอะไรมาก เมื่อพูดจบเธอชี้ไปที่จุดสำหรับพักคอย
แต่ในขณะนั้น เสียงเล็ก ๆ ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลังถวนถวน
“เอ๊ะ? ถวนถวน ทำไมเธอพาหมาตัวเล็ก ๆ แบบนี้มา? มันยังเด็กอยู่เลย มันเข้าใจคำสั่งด้วยเหรอ?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ ถวนถวนรู้ทันทีว่าเป็นใคร เด็กที่พูดทักขึ้นคือเพื่อนร่วมชั้นของเธอเอง เสี่ยวห่าว
คิ้วเล็ก ๆ ของถวนถวนขมวดเป็นปมทันที จากนั้นเด็กน้อยหันกลับไปตอบอย่างฉุนเฉียว
“อย่าพูดเหลวไหลนะ เจ้าลูกกวาดของฉันเก่งที่สุด!”
“ไม่มีทาง! ยังไงหมาของเธอก็สู้เจ้าราโด้ของฉันไม่ได้แน่! นี่คือหมาที่พ่อของฉันซื้อมาราคาแพงมากเลยรู้ไหม!”
เสี่ยวห่าวเขย่าโซ่ในมือของเขาอย่างภาคภูมิใจ หมาที่เขาพามาคือหมาพันธุ์ลาบราดอร์สีดำรูปร่างสมบูรณ์แบบซึ่งน่าจะเป็นสายพันธุ์แชมป์ ตัวของมันใหญ่กว่าเจ้าลูกกวาดถึง 5-6 เท่า
สายตาของมันในตอนนี้จ้องไปที่เจ้าลูกกวาดอย่างหยิ่งผยอง ซึ่งดูเข้ากันดีกับบุคลิกของเจ้าของมันมาก ๆ
“เธอไม่มีทางชนะแน่นอน ถวนถวน รอบที่แล้วฉันกับเจ้าราโด้ก็ได้ที่ 1 มันไม่มีวันที่เธอกับลูกหมาของเธอจะชนะฉันได้หรอก!”
“ฮึ่ม! ยังไม่เริ่มแข่งเลย นายอย่าเพิ่งด่วนสรุปดีกว่า!”
ถวนถวนยกกำปั้นเล็ก ๆ ขึ้นแล้วพูดกลับด้วยท่าทางมั่นใจ
เมื่อเห็นสีหน้าที่มั่นใจของถวนถวน เสี่ยวห่าวก็ยิ่งแสดงออกอย่างมั่นใจมากกว่าเดิม
“งั้นฉันจะให้เธอดูความสามารถของหมาฉันเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอจะได้รู้ว่าเธอไม่มีวันชนะ!”
“ราโด้! หมุนตัว!”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง เจ้าราโด้ก็หมุนตัวเป็นวงกลมทันที
“พอแล้ว ราโด้นั่งลงและยกมือขึ้น!”
เหมือนเช่นเดิม เจ้าหมาสีดำทำตามคำสั่งของเสี่ยวห่าวอย่างว่าง่ายมันปฏิบัติตามคำสั่งในทันที
หลังจากสาธิตความเก่งกาจของหมาตัวเองไปได้ 2-3 ท่า สีหน้าหน้าของเสี่ยวห่าวก็กลายเป็นหยิ่งผยองมากกว่าเดิม
“เป็นไงล่ะ? หมาของฉันน่าทึ่งมากเลยใช่ไหม? ถวนถวน เธอเอาชนะหมาของฉันไม่ได้อย่างแน่นอน ฉันจะเป็นผู้ที่ได้ที่ 1 เหมือนเดิมในการแข่งขันปีนี้!”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวห่าวกระตุกโซ่พาหมาของตัวเองเดินจากไปหาพ่อแม่ของเขาทันที ทิ้งให้ถวนถวนยืนมองด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ถวนถวนขมวดคิ้วแน่นพลางมองอีกฝ่ายเดินจากไป เจ้าราโด้ นั้นฉลาดจริง ๆ
“พ่อจ๋า เราจะชนะได้รึเปล่า?” เธอไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่
“ไม่ต้องกลัว ลูกชนะได้อยู่แล้วอย่าลืมสิว่าเจ้าลูกกวาดของเราตอนนี้ฉลาดมาก ๆ เลยล่ะ” อวี้ฮ่าวหรานปลอบลูกสาวของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ใช่ ถวนถวนลืมไปแล้วงั้นเหรอว่าเจ้าลูกกวาดของเราทำได้ทุกอย่างเลย หมาตัวนั้นไม่มีทางชนะเจ้าลูกกวาดของเราได้แน่นอน!”
หลี่หรงลูบหัวของเด็กน้อย พยายามปลอบถวนถวนเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน เจ้าลูกกวาดก็เห่าขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่ามันอยากสร้างความมั่นใจให้เจ้านายของมันเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นฉากเมื่อครู่ หลี่หรงกลับรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้เธอเอาแต่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่มีเวลาให้กับถวนถวนเลย ซึ่งมันทำให้เด็กน้อยไม่เคยได้ร่วมกิจกรรมอะไรแบบนี้ของโรงเรียนจนโดนเพื่อล้อแบบนี้
และยิ่งไปกว่านั้น.. มันก็เป็นไปได้ว่าถวนถวนคงจะเคยอิจฉาคนอื่นที่ได้ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนแต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้ทำมัน และมันน่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ถวนถวนไม่มั่นใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กคนอื่น
ในขณะเดียวกับที่หลี่หรงกำลังนึกย้อนไปถึงเรื่องอื่น ๆ จู่ ๆ เสียงที่อวี้ฮ่าวหรานคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ในที่สุดคุณก็มาถึง ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าเมื่อไหร่คุณกับถวนถวนจะมา”
สวีรุ่ยเดินตรงดิ่งเข้ามาทักอวี้ฮ่าวหรานทันทีที่เห็นเขา แต่วันนี้เธอประหลาดใจเล็กน้อยที่หลี่หรงก็มาด้วย
“ครูสวี วันนี้ถวนถวนต้องชนะแน่นอน!”
หลังจากที่อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงให้กำลังใจ ถวนถวนก็เริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง
“อืม ครูมั่นใจว่าถวนถวนต้องทำได้!”
สวีรุ่ยเข้ามาลูบหัวของเด็กน้อยด้วยสีหน้าเอ็นดู จากนั้นเธอเอ่ยขอบคุณอวี้ฮ่าวหราน “เมื่อวานนี้ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ที่ช่วยพาพ่อของฉันกลับมาอย่างปลอดภัย ฉันไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไงดี…”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก มันไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรนัก” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อย
“พี่สาวหลี่ สวัสดีค่ะ”
เมื่อทักทายอวี้ฮ่าวหรานเสร็จ สวีรุ่ยก็หันไปทักหลี่หรงต่อ ซึ่งถ้าเธอไม่รู้จักหลี่หรงมาก่อนหน้านี้ เธอคงคิดไปว่าหลี่หรงคงเป็นภรรยาของอวี้ฮ่าวหรานแน่ ๆ เนื่องจากความสวยที่ดูเหมาะสมและความใกล้ชิดที่พวกเขามีต่อกัน
“วันนี้พี่สาวดูสวยมากจริง ๆ ไม่เหมือนกับตอนที่ฉันเจอพี่ครั้งแรกเลย ฉันเกือบจำพี่ไม่ได้”
เพื่อบรรเทาความสับสนและปกปิดอารมณ์ของเธอ สวีรุ่ยจึงเอ่ยขึ้นชมพร้อมกับจับมือฝั่งตรงข้ามอย่างกระตือรือร้น
“ก็รอบที่แล้วที่เราเจอกันฉันอยู่บ้านเลยไม่ได้แต่งหน้า ว่าแต่เดี๋ยวนี้คุณล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
หลังจากทั้งสองทักทายกันอย่างมีมารยาทไปได้สักพัก การแข่งขันก็เริ่มขึ้น
“ขอเชิญนักเรียนหลี่รุ่ยเผิงขึ้นทำการแสดงเป็นคนแรก!”
หลังจากสิ้นเสียงประกาศ เด็กชายตัวเล็ก ๆ ก็เดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับลูกหมาตัวสีเหลือง เขาเริ่มสั่งให้หมาของเขาทำตามกฎของการแข่งขันทันที
“อาหวาง ยืนขึ้น!”
‘ว้าว!’
คำสั่งแรกสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
“เผิงเผิง สู้เขาลูก!”
พ่อแม่ของเด็กน้อยที่กำลังแสดงส่งเสียงเชียร์สุดเสียง
ถัดมาด่านที่สองคือกระโดดลอดห่วงแนวตั้ง
น่าเสียดายที่ด่านนี้ยากไปหน่อย เด็กคนแรกบนเวทีจึงล้มเหลวไปอย่างน่าเสียดาย
ลูกหมาตัวสีเหลืองไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ดังนั้นไม่ว่าเขาจะสั่งมันอย่างไร มันก็กลัวที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อ