“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะปัญหานี้นี่แหละ” สัตวแพทย์คนสวยยืนยันคำวินิจฉัยของเธออีกรอบจากนั้นจึงแนะนำว่า “ถ้าคุณอยากแก้ปัญหา ก็พาเจ้าลูกกวาดไปพบสุนัขที่มันเพิ่งเจอมาเร็ว ๆ นี้”
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนี้ แต่แล้วเมื่อคิดไปได้สักพักเขาก็คิดอะไรบางอย่างออก
หรือว่าจะเป็นตอนเข้าร่วมการแข่งขันสัตว์เลี้ยง?
อวี้ฮ่าวหรานเริ่มนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้นที่มีสุนัขมากมายขึ้นไปบนเวที ในวันนั้นเจ้าลูกกวาดมันคงจะเจอตัวเมียที่มันชอบแน่ ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เข้าใจในทันทีว่ามันเป็นไปได้จริง ๆ
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ มันมีประโยชน์มากจริง ๆ”
พอคิดได้แล้วเขาก็ลุกขึ้นขอบคุณสัตวแพทย์คนสวย จากนั้นพอจ่ายค่ารักษาเจ้าลูกกวาดเสร็จ เขาก็พาถวนถวนและลูกกวาดออกจากโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง
“พ่อจ๋า เราจะรีบออกไปไหนกัน? โรคของลูกกวาดยังไม่หาย ตอนนี้มันยังซึมอยู่เลย”
ถวนถวนเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงงในขณะที่กำลังอุ้มลูกกวาดอยู่ในอ้อมแขน
“ไม่ต้องห่วง พ่อจะพามันไปรักษา”
เมื่อเห็นการแสดงออกที่น่ารักของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความกังวล อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและบีบแก้มของเธอที่กำลังไม่สบายใจ
เมื่อกลับไปถึงรถ อวี้ฮ่าวหรานก็โทรหาสวีรุ่ย
“เฮ้ ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณ”
“หืม? คุณอวี้งั้นเหรอ? คุณมีอะไรจะให้ฉันช่วยบอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ฉันจะช่วยคุณอย่างสุดความสามารถแน่นอน!”
สวีรุ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานปนตื่นเต้น
“การแข่งขันสัตว์เลี้ยงครั้งก่อน สุนัขทั้งหมดถูกลงทะเบียนข้อมูลเอาไว้ใช่ไหม?”
“ก็ต้องลงทะเบียนสิ มีอะไรงั้นเหรอ?”
สวีรุ่ยรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลของสุนัขย่อมไม่มีประโยชน์หลังจากจัดงาน และทุกคนก็ลืมไปหมดแล้ว
“ดีมาก ตรวจดูหน่อยได้ไหมว่านักเรียนคนไหนพาสุนัขตัวเมียมาบ้างในวันนั้น”
“ก็ได้ แต่เอกสารพวกนั้นถูกเก็บเข้าห้องเก็บเอกสารไปหมดแล้ว ฉันต้องไปหามันก่อน อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย”
สวีรุ่ยไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรมาก เธอตกลงอย่างง่ายดาย
“ถ้าเจอก็โทรบอกผมด้วยก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็วางสายไป
“พ่อจ๋า เจ้าลูกกวาดมันคิดถึงลูกสุนัขที่เข้าร่วมการแข่งขันวันนั้นงั้นเหรอ?”
ถวนถวนฟังโทรศัพท์และน่าจะคิดอะไรออก เธอจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“พ่อว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เราลองพาเจ้าลูกกวาดไปเจอพวกมันดูก่อน”
“อย่าเป็นสุนัขของเสี่ยวห่าวเชียวนะ ถวนถวนเกลียดเขา”
เด็กน้อยเริ่มกังวลเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอกับเสี่ยวห่าวไม่ค่อยเข้ากันได้ดีเท่าไหร่ที่โรงเรียน
อวี้ฮ่าวหรานที่ได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องกังวลถวนถวน สุนัขสีดำของเสี่ยวห่าวเป็นสุนัขตัวผู้ เจ้าลูกกวาดไม่ชอบมันอย่างแน่นอน”
“ฟู่… ถ้างั้นหนูค่อยโล่งใจหน่อย…”
ถวนถวนรู้สึกโล่งใจและเอาหน้าเข้าไปถูหัวของเจ้าลูกกวาดที่กำลังเซื่องซึม
สักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันดูข้อมูลให้คุณแล้ว ในงานแข่งขันมีเพียงสองครอบครัวที่เลี้ยงสุนัขตัวเมีย” ดูเหมือนว่าสวีรุ่ยยังคงดูข้อมูลอยู่ หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเธอจึงค่อยพูดต่อ “หนึ่งในนั้นคุณควรรู้จักดี ที่ชื่อหลิวลู่ คุณและพ่อของเขาดูเหมือนจะเคยมีความขัดแย้งมาก่อน และมีอีกคนหนึ่งชื่อตงตง ซึ่งมีชื่อเต็มว่า จ่าวตง”
“หลิวลู่… หลิวเทียนอี้… ไอ้พ่อลูกคู่นั้นอีกแล้วงั้นเหรอ…”
เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ยินชื่อของหลิวลู่ เขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นลูกของหลิวเทียนอี้ที่เคยกลั่นแกล้งถวนถวน
“ช่วยผมดูที่อยู่ของบ้านของทั้งสองคนหน่อย”
“อืม หลิวลู่อาศัยอยู่บ้านเลขที่… เอ่อ… มันค่อนข้างยาวฉันกลัวว่าคุณจะจำไม่ได้หลังจากบอกไปจังเลย เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันส่งที่อยู่ของพวกเขาให้คุณทางข้อความก็แล้วกัน”
ข้อมูลเหล่านี้แต่เดิมจริง ๆ แล้วไม่ควรนำออกมาเปิดเผย แต่อวี้ฮ่าวหรานมีบุญคุณกับเธอมากเธอจึงให้เขาอย่างว่าง่าย
“หลิวเทียนอี้ บ้านเลขที่…”
อวี้ฮ่าวหรานอ่านข้อความในโทรศัพท์อย่างละเอียด ก่อนที่จะตัดสินใจว่าเขาจะไปที่บ้านของเด็กที่ชื่อตงตงเป็นอันดับแรกเพราะเขาไม่อยากจะไปเจอหน้ากับครอบครัวหลิวโดยไม่จำเป็น อวี้ฮ่าวหรานไม่ต้องการให้ลูกสาวของเขาไปยุ่งเกี่ยวกับพ่อลูกคู่นั้นถ้าเป็นไปได้ ดังนั้นมันจะดีสุดถ้าลูกสุนัขที่เจ้าลูกกวาดหมายตาไว้คือลูกสุนัขของเด็กที่ชื่อตงตง
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงสตาร์ทรถและขับตรงไปยังที่อยู่บ้านของเด็กที่ชื่อตงตง ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็ไปถึง
ติ๊งต่อง
หลังจากกดกริ่งที่หน้าประตูไม่นานนักผู้หญิงอายุไม่เกินสามสิบก็เปิดประตูออกมา
“ขอโทษครับที่นี่คือบ้านของจ่าวตงรึเปล่า?”
“ใช่ คุณเป็นใครเหรอคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า แต่เธอไม่รู้จักอวี้ฮ่าวหรานจึงดูสับสนเล็กน้อย
“คุณป้า นี่พ่อของถวนถวนเอง เรามาหาตงตง!” ถวนถวน โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังอวี้ฮ่าวหราน และพูดขึ้นในขณะที่กำลังอุ้มเจ้าลูกกวาด
“โอ้ ถวนถวนเองเหรอ หนูพาพ่อมาหาป้ามีอะไรรึเปล่าจ๊ะ?”
ทันทีที่ผู้หญิงเจ้าของบ้านเห็นใบหน้าคุ้นเคยที่น่ารักของถวนถวน ความสงสัยบนใบหน้าของเธอก็จางหายไป เห็นได้ชัดว่าเธอคุ้นเคยกับถวนถวนมาก เธอย่อตัวลงแล้วลูบหัวของถวนถวนแล้วกางแขนออก “มาเร็ว มาให้ป้ากอดให้ชื่นใจหน่อยเร็ว!”
“พ่อกับหนูมาที่นี่เพื่อมาหาลูกสุนัขของตงตงค่ะ”
หลังจากตอบกลับ ถวนถวนก็เดินเข้าไปให้แม่ของตงตงกอดอย่างว่าง่าย ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าถวนถวนเองก็รู้จักกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี
เมื่อแม่ของตงตงได้ยินคำตอบของถวนถวน หลังจากเธอกอดและหอมแก้มที่น่ารักของเด็กน้อยเสร็จ เธอก็จึงลุกขึ้นยืนและโค้งตัวเล็กน้อยให้กับอวี้ฮ่าวหรานเป็งเชิงขออภัย
“ฉันขอโทษที่เมื่อครู่หยาบคายกับคุณไปหน่อย คุณเป็นพ่อของถวนถวนเองเหรอ เธอเป็นเด็กน่ารักมาก ฉันชอบเธอมาก”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะยังไงวันนี้เราก็ถือว่าเป็นฝ่ายที่มารบกวนคุณ” อวี้ฮ่าวหรานยิ้มตอบ การที่ฝั่งตรงข้ามเอ็นดู ถวนถวนอย่างจริงใจทำให้เขารู้สึกดีกับครอบครัวนี้มากขึ้น
“โอยไม่ต้องเกรงใจ ๆ ตงตงของฉันสนิทกับถวนถวนจะตาย ถ้าเราช่วยได้เรายินดีที่จะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน ปะ พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
แม่ของตงตงพยักหน้าตกลง จากนั้นก็พาอวี้ฮ่าวหรานเข้าไปในบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เอ๊! ถวนถวน! เธอมาเล่นที่บ้านฉันเหรอ เยี่ยมไปเลย!”
ข้างในบ้าน ตงตงตะโกนอย่างมีความสุขเมื่อเห็นถวนถวน
เด็กน้อยทั้งสองรีบวิ่งเข้าหากัน
หลังจากนั่งลงบนโซฟา อวี้ฮ่าวหรานพลันอธิบายความตั้งใจของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“ลูกกวาดคือสัตว์เลี้ยงของเรา มันซึมไม่ยอมกินอะไรเลยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แพทย์ตรวจแล้วปกติดี แต่บางทีอาจเป็นไปได้ว่า…”
เขาเล่าเรื่องโดยละเอียด จากนั้นมองไปที่ตงตงและถวนถวนพลางถอนหายใจ
“เด็กสองคนสนิทกันดีนะครับ”
“อืม พวกเราและตงตงชอบถวนถวน ทุกวันหลังจากเลิกเรียนเมื่อลูกชายของฉันกลับมาถึงบ้าน เขาจะเล่าเรื่องของถวนถวนให้ฉันฟังตลอดว่าเป็นอย่างไร”
“นอกจากนี้ ถวนถวนยังฉลาดและน่ารักอีกด้วย!” แม่ของตงตงพูดด้วยรอยยิ้ม