“พ่อคะ รายงานของเราในสัปดาห์นี้…หืม? อวี้ฮ่าวหราน คุณอยู่ที่นี่ด้วย!”
ในขณะที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังคุยอยู่กับเฉิงกัวอัน จู่ๆ เฉิงชิวอวี้ ก็เดินเข้ามาในชุดสูทที่ดูเรียบง่ายแต่มีระดับ
เธอรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าอวี้ฮ่าวหรานซึ่งเธอกำลังแอบชอบอยู่มากๆ กลับอยู่ที่นี่ด้วย เรื่องนี่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นในทันใด
“อืม บังเอิญว่าที่บริษัทผมมีชายชราคนหนึ่งลาออกไปแต่เขากลับพาเจ้าหน้าที่วิศวกรออกแบบของบริษัทออกไปด้วยกลุ่มใหญ่ ผมก็เลยมาที่นี่เพื่อขอคำปรึกษาจากพ่อของคุณ…”
อวี้ฮ่าวหรานเล่าคร่าวๆ ให้เฉิงชิวอวี้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเข้าใจดีว่าเฉิงชิวอวี้เองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารบริษัทขนาดใหญ่มานาน ดังนั้นการขอคำปรึกษาจากเธอด้วยจึงเป็นเรื่องที่ดี
เฉิงชิวอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากได้ยินคำอธิบายของอวี้ฮ่าวหราน ก่อนที่เธอจะเสนอความคิดว่า
“เรื่องนี้คงจะใช้วิธีอื่นแก้ไม่ได้นอกจากต้องรีบหาคนมาเติมส่วนที่ออกไป เอาเป็นว่าวันนี้พวกเราลองไปที่สำนักงานจัดหางานกันก่อน บางทีพวกเราอาจจะพบคนที่มีความสามารถที่นั่น”
เฉิงกัวอันพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง วิธีนี้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ถ้านายโชคดี บางทีนายอาจเจอกับเจ้าหน้าที่วิศวกรออกแบบเก่งๆ ได้ที่นั่น”
เฉิงชิวอวี้อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าหนักใจ เพราะอันที่จริงวิธีนี้มันก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่วิศวกรออกแบบที่มีประสบการณ์สามารถหาได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน?
แต่ที่เธอเสนอวิธีนี้ออกไปก็เพียงเพราะมันเป็นทางเลือกเดียวในตอนนี้ และเธอก็อยากจะใช้โอกาสนี้อยู่กันตามลำพังกับ อวี้ฮ่าวหรานด้วย
ตั้งแต่หลังจากงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย เธอก็เอาแต่คิดถึงหน้าของอวี้ฮ่าวหราน เธออยากเจอเขาทุกวันแต่เธอก็หาข้ออ้างไม่ได้เลย ดังนั้นวันนี้เมื่อมีโอกาสเลยเธอจึงรีบคว้าเอาไว้ถึงแม้ว่ามันจะดูฉวยโอกาสมากสักหน่อยก็ตาม
หลังจากคุยกันต่อไปอีกสักพัก เฉิงชิวอวี้ก็ขับรถไปที่สำนักงานจัดหางานกับอวี้ฮ่าวหราน
ในรถ
“อันที่จริง ฉันอยากเตือนคุณก่อนว่าอย่าคาดหวังอะไรมากเกินไปกับการไปสำนักงานจัดหางานรอบนี้ การหาเจ้าหน้าที่วิศวกรออกแบบเป็นเรื่องของโชค ถ้าเราล้มเหลวในวันนี้คุณก็อย่าไปคิดอะไรมาก เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยออกมาหาใหม่ด้วยกันก็ได้”
เฉิงชิวอวี้เอ่ยปลอบใจขึ้นก่อนเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะผิดหวังถ้าวันนี้คว้าน้ำเหลว
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า เขาเองก็รู้ดีว่านี่เป็นทางเลือกเดียวที่เขามี
สิบนาทีต่อมา ทั้งสองก็มาถึงสำนักงานจัดหางาน
ทันทีที่เขาลงจากรถ เฉิงชิวอวี้ก็เปิดท้ายรถและหยิบโต๊ะและเก้าอี้พับออกมาอย่างชำนาญ
“ไปเถอะ เราเอาโต๊ะพวกนี้ไปตั้งที่ลานหางานกันก่อน จากนั้นค่อยเอาเอกสารรายละเอียดตามเข้าไป”
“นี่คุณมีอุปกรณ์พร้อมขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานมองเข้าไปด้านในท้ายรถนั้นและพบว่านอกจากโต๊ะและเก้าอี้แล้ว ยังมีกล่องที่เต็มไปด้วยเอกสารการรับสมัครและอุปกรณ์สำหรับการรับสมัครงานอย่างครบถ้วน
“เมื่อก่อนฉันมักจะออกมาหาคนเข้าบริษัทด้วยตัวเองอยู่บ่อยๆ น่ะ”
เมื่อพูดจบ เฉิงชิวอวี้ก็หยิบเก้าอี้พับและปล่อยให้อวี้ฮ่าวหรานเป็นคนแบกโต๊ะเดินตามเธอไปที่ลาน
หลังจากนั้นไม่กี่นาที บูธจัดแนะนำบริษัทของอวี้ฮ่าวหรานก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อย
การทำเรื่องทั้งหมดนี้… ถ้าอวี้ฮ่าวหรานมาที่นี่คนเดียวเขาคงไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไงแน่ๆ
ในขณะที่ผู้คนที่กำลังว่างงานเดินเข้ามาในลานหางานเรื่อยๆ ทั้งสองก็นั่งอยู่หลังโต๊ะอย่างเงียบๆ รอให้มีคนเข้ามาสอบถามรายละเอียด
พวกเขาได้แปะป้ายระบุคุณสมบัติของคนที่พวกเขาต้องการเอาไว้อย่างละเอียด ดังนั้นคนที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดจะไม่เข้ามาสอบถามอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปปัญหาที่พวกเขาคาดเอาไว้อยู่แล้วก็ยิ่งชัดเจน ทั้งช่วงเช้านอกจากนักศึกษาจบใหม่ที่ใจกล้าสามคน นอกจากนั้นพวกเขาก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
“เฮ้อ…ฉันว่าแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้…สงสัยวันนี้พวกเราคงคว้าน้ำเหลว…” เฉิงชิวอวี้บ่นขึ้นด้วยสีหน้าหดหู่
อวี้ฮ่าวหรานเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ตอนนี้เขาทำได้เพียงมองสาวสวยที่อยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าหนักใจ
วิธีนี้ช้าเกินไปมันอาจจะไม่ทันการ
“เฮ้อแต่ก็เอาเถอะ ตอนบ่ายพวกเราอาจจะโชคดีก็ได้!”
เฉิงชิวอวี้หันกลับไปมองอวี้ฮ่าวหราน และเมื่อเธอเห็นว่าฝั่งตรงข้ามสีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอจึงพยายามพูดให้กำลังใจทั้งตัวเขาและตัวเธอ
ยกเว้นนักศึกษาจบใหม่ใจกล้าสามคน คนที่แวะเวียนมาอ่านข้อมูลบางคนก็มีแต่พวกแสร้งอยากจะเข้ามาใกล้ๆ เพื่อแอบเหลือบมองเฉิงชิวอวี้ก็เท่านั้น
“ช่างเถอะ เดี๋ยวผมคิดหาวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าวิธีการนี้มันน่าจะล้มเหลว อวี้ฮ่าวหรานจึงตัดใจและเตรียมที่จะเก็บของบนโต๊ะเพื่อเอาเวลาไปทำอย่างอื่น
“ขอโทษนะครับ พวกคุณกำลังรับสมัครเจ้าหน้าที่วิศวกรออกแบบสำหรับการผลิตและออกแบบเครื่องจักรกลใช่ไหม?”
ในขณะที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังจะเก็บของ จู่ๆ ก็มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งซึ่งดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นนักศึกษาจบใหม่เดินเข้ามาถาม
“หืม? ใช่ คุณสนใจงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉิงชิวอวี้รีบถามขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะดูเด็กมาก แต่น้ำเสียงและสายตาดูน่าเชื่อถือมากทีเดียว
“ผมชื่อโจวเฮิง ผมจบมาจากคณะวิศวกรรมเครื่องกล ผมค้นคว้ามามากในด้านการออกแบบเครื่องกลและชิ้นส่วนเครื่องจักร” ชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานพลันรีบนั่งลงที่เดิมทันทีและร่วมกับเฉิงชิวอวี้สัมภาษณ์เด็กหนุ่มที่ชื่อโจวเฮิง
หลังจากสอบถามไปได้สักพัก ทั้งสองก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มคนนี้ที่ชื่อโจวเฮิงมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของพวกเขาทั้งหมดยกเว้นอยู่เรื่องเดียว…
เฉิงชิวอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดกับโจวเฮิงตรงๆ “ถึงคุณวุฒิการศึกษาของคุณจะดีมาก แต่ในใบสมัครงานของคุณระบุว่าคุณเพิ่งเรียนจบมาได้ไม่นาน ซึ่งมันหมายความว่าคุณไม่มีประสบการณ์การทำงานจริงมาก่อนเลยใช่ไหม?”
นี่คือจุดอ่อนเดียวของอีกฝ่ายและเป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่เฉิงชิวอวี้ต้องเอามาคำนึงถึง
จริงๆ แล้วเป้าหมายของเธอกับอวี้ฮ่าวหรานที่คุยกันตอนแรกก็คือพวกเขาต้องการหาคนที่มีประสบการณ์เพื่อจะได้เอามาเริ่มงานได้เลยโดยไม่ต้องสอนเพิ่มอะไรเยอะแยะ
“ถึงแม้ว่าผมจะเพิ่งจบมาใหม่และยังไม่มีไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน แต่ผมมั่นใจว่าผมมีความรู้ด้านนี้ไม่น้อยกว่าใคร พวกคุณสามารถดูได้จากในประวัติของผมที่ระบุเอาไว้ว่าผมได้รับรางวัลจากการออกแบบเครื่องกลมาแล้วหลายรางวัล ตั้งแต่ระดับมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย”
เมื่อเห็นว่าเฉิงชิวอวี้ชี้จุดอ่อนของตัวเอง ชายหนุ่มซึ่งไม่อยากเสียโอกาสนี้จึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วและอ่านประวัติของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนอีกรอบ และหลังจากไตร่ตรองในใจแล้วเขาก็พยักหน้าและพูดว่า
“โอเคไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมคิดว่าคุณน่าจะเหมาะกับงานที่ผมจะมอบให้”
หลังจากคิดไตร่ตรองเมื่อครู่ อวี้ฮ่าวหรานก็คิดได้ว่าถึงแม้ว่าคนๆ นี้จะไม่มีประสบการณ์การทำงาน แต่ถ้าเขามีพรสวรรค์มากจริง ผลลัพธ์ในการทำงานมันก็คงไม่แย่นัก
หลังจากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็ดำเนินการตามขั้นตอนรับคนและจับมือกับอีกฝ่ายหลังจากลงนามในสัญญาเสร็จ
เมื่อเดินกลับไปถึงรถและเก็บของทั้งหมดเข้าหลังรถเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยขึ้น
“คุณขับรถกลับไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวผมว่าจะเรียกแท็กซี่พาเขากลับไปที่บริษัทของผมก่อนเพื่อให้ไปดูงานที่นั่นเลยวันนี้ ส่วนรถของผมเดี๋ยวผมให้คนของผมไปขับมันมาจากบริษัทคุณก็แล้วกัน อ้อขอบคุณสำหรับวันนี้ เอาไว้เจอกันอีกทีผมจะตอบแทนคุณก็แล้วกัน”
“เอ่อ… นี่คุณจะกลับไปที่บริษัทคุณเลยงั้นเหรอ คุณไม่หิวบ้างรึไง? ต่อให้คุณกลับไปช้าหน่อยสถานการณ์บริษัทของคุณก็ไม่ได้แย่ลงไปมากกว่าเดิมจริงไหม?” เฉิงชิวอวี้อดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้น
“ไม่ล่ะ ผมอยากรีบกลับไปที่บริษัทแก้ปัญหาให้มันจบไวๆ ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างคาสักเท่าไหร่” หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็กล่าวลาเฉิงชิวอวี้อีกสองสามคำก่อนจะทิ้งเธอไว้คนเดียวให้อยู่ในอาการโง่งม
ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้บื้อขนาดนี้? เธออุตส่าห์มาช่วยเขาแท้ๆ แต่เขากลับทิ้งเธอกลับไปบริษัทราวกับว่าเพิ่งได้ของเล่นใหม่แล้วรีบอยากกลับบ้านไปเล่นมันเร็วๆ ยังไงยังงั้น?
ต่อมาไม่นาน อวี้ฮ่าวหรานก็ได้นำชายหนุ่มชื่อโจวเฮิงมาถึงบริษัทของเขา
“ประธานอวี้ บริษัทของคุณใหญ่มาก!”
โจวเฮิงมองไปที่อาคารสำนักงานของเครือฮ่าวหรานและอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา