ไม่ใช่แค่เพียงอวี้ฮ่าวหรานที่ตะลึงงันจากความงดงามของเฉิงชิวอวี้ แม้แต่ผู้คนในร้านอาหารทุกคนต่างก็เหลือบมองเธอกันทั้งนั้นตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในร้าน
ริมฝีปากสีแดงสดและผิวขาวเนียนราวกับหิมะ รวมไปถึงส่วนโค้งเว้าของร่างกายที่สมบูรณ์แบบ มันทำให้ดวงตาทุกคู่ในร้านอาหารต้องหยุดจ้องเธอ
แม้แต่ผู้หญิงก็ละสายตาจากความงดงามนี้ไม่ได้
“โลกนี้มีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ได้ยังไง!”
“พระเจ้า สวยเกินไปแล้ว!”
“…”
ทันใดนั้น เสียงกระซิบก็เกิดขึ้นมากมายในร้านอาหาร ผู้หญิงสวยระดับนี้มักจะเห็นได้ทางทีวีเท่านั้น
จากนั้นเมื่อทุกคนเห็นว่าเฉิงชิวอวี้เดินไปนั่งลงที่โต๊ะของอวี้ฮ่าวหราน ความอิจฉาริษยาก็บังเกิดขึ้นในใจของคนทุกคน!
ไอ้หนุ่มนั่นมันใครกัน! ทำไมมันถึงโชคดีแบบนี้!
เฉิงชิวอวี้ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเธอดีดนิ้วปลุกสติอวี้ฮ่าวหรานซึ่งกำลังตกตะลึงกับความงามของเธอเองอยู่
“อวี้ฮ่านหราน นายเหม่ออะไรของนาย?”
“ห…หืม? อ้อไม่มีอะไร ผม…ผมแค่คิดถึงเรื่องงานน่ะ…”
หลังจากคืนสติ สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอตัวไปกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของเขาได้แบบนี้
ต่อไปนี้เขาคงต้องควบคุมตัวเองมากขึ้น!
กลับกันแววตาของเฉิงชิวอวี้นั้นมีแต่ความสุข เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเริ่มมองเธออย่างสนใจบ้างแล้ว สิ่งนี้มันทำให้เธอเริ่มมีความหวัง
มองสิ มองฉันอีก!
เฉิงชิวอวี้ผู้นี้น่าดึงดูดใช่ไหมล่ะคนซื่อบื้อ!
“ผมสั่งอาหารไปบ้างแล้ว คุณดูเมนูอีกทีก็แล้วกันว่าต้องการสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม”
อวี้ฮ่าวหรานยื่นเมนูให้อีกฝ่าย
“ไม่เป็นไร ฉันกินตามที่คุณสั่งนั่นแหละ”
เฉิงชิวอวี้ยิ้มอย่างอ่อนหวานและตอบกลับ ซึ่งมันทำให้บรรดาผู้คนในร้านอาหารที่แอบมองเธออยู่ถึงกับใจสั่นไหว
ทั้งรอยยิ้ม กิริยามารยาท และใบหน้าอันงดงาม มันไม่มีทางที่ผู้หญิงธรรมดาๆ ทั่วไปจะเทียบกับเธอได้เลย
แม้แต่ผู้รอบรู้อย่างอวี้ฮ่าวหรานก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะจนเขาต้องปรับลมหายใจตัวเองเพื่อทำให้สติมั่นคงไม่เผลอไผลไปตามเสน่ห์ที่น่าดึงดูดของฝั่งตรงข้าม
“เอ่อ…วันนี้ผมขอขอบคุณจริงๆ สำหรับความช่วยเหลือในตอนเช้า ถ้าไม่ได้คุณ ผมเกรงว่าป่านนี้ผมยังคงไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน”
“แล้วคนที่คุณจ้างมาวันนี้ล่ะ สรุปแล้วเป็นยังไงบ้างพอจบวัน?” เฉิงชิวอวี้ยิ้ม
“เขาทำได้ดีมากทีเดียว แค่เข้างานครึ่งวัน หัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบของผมก็มาชมเขาให้ผมฟังไม่หยุดปาก ความสามารถของเขาจัดว่าเข้าขั้นอัจฉริยะซึ่งนับได้ว่าครั้งนี้ผมได้สมบัติล้ำค่ามาเลยทีเดียว”
เมื่อนึกถึงสีหน้าที่ตื่นเต้นของหัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบ อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
เมื่อเฉิงชิวอวี้เห็นสีหน้าที่เบิกบานของอีกฝ่าย เธอก็มีความสุขมาก
“แล้ว…คุณจะขอบคุณฉันยังไงดีล่ะ? แค่อาหารมันไม่พอหรอกนะ…”
น้ำเสียงที่เธอถามออกไปรอบนี้มันแฝงความยั่วยวนเอาไว้ด้วย และยิ่งไปกว่านั้น มือที่เรียบเนียนดุจหยกของเธอก็ค่อยๆ เคลื่อนมาจับมือของอวี้ฮ่าวหรานและลูบไล้อย่างหยอกล้อ
เธอได้ตัดสินใจแล้ว ว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นจริงในคืนนี้ เธอก็พร้อมกับมันเต็มที่!
เธอชอบเขามากจริงๆ!
ต้องรู้ว่าตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยรุกผู้ชายแบบนี้มาก่อนเลย เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้เธอถึงมีความรู้สึกคลั่งไคล้เขานัก มันเหมือนกับว่าเธอเป็นแมลงเม่าที่กำลังเล่นกับไฟ!
อวี้ฮ่าวหรานเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกสัมผัสอย่างยั่วยวนจากอีกฝ่าย หัวใจของเขาเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ หากเป็นผู้ชายทั่วไปคงจะอดใจไม่อยู่แน่นอนเมื่อเจอกับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้รุกเข้าหา
อย่างไรก็ตามในขณะที่จิตใจของเขากำลังปั่นป่วน จู่ๆ ใบหน้าภรรยาของเขาก็ผุดขึ้นมาในสมองซึ่งมันทำให้อารมณ์ของเขากลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
อวี้ฮ่าวหรานค่อยๆ จับมือของเฉิงชิวอวี้ออกจากมือเขาอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงดึงมือของเขากลับคืนมาอย่างสุภาพ
“พวกเรามาทานอาหารเรียกน้ำย่อยที่มาเสิร์ฟแล้วรอกันก่อนเถอะ ส่วนเรื่องขอบคุณเดี๋ยวผมจะคิดวิธีตอบแทนที่เหมาะสมให้แน่นอน”
อวี้ฮ้าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น
“ขอโทษที ฉันลืมตัวไปหน่อย แต่อย่าเข้าใจฉันผิดเชียวนะ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้กับคนอื่นมาก่อนเลย!”
เมื่อถูกจับมือออก ใบหน้าของเฉิงชิวอวี้ก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เธอรู้สึกอับอายเล็กน้อย
ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ทุกครั้งที่เธออยู่ใกล้ๆ ผู้ชายคนนี้ เธอมักจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่เสมอ
หลังจากอาหารจานหลักถูกวางบนโต๊ะครบทั้งหมดแล้ว ทั้งสองก็ทานอาหารกันไปคุยกันไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งฉากนี้ทำให้ทุกคนในร้านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
หลังจากผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากร้านอาหาร
“เท่านี้แหละ วันนี้ฉันมีความสุขมากที่ได้มาทานมื้อค่ำกับคุณ!”
เฉิงชิวอวี้กล่าวอำลาด้วยรอยยิ้ม
แต่กลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย!
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
อวี้ฮ่าวหรานที่กำลังจะบอกลาเช่นกัน จู่ๆ สัญชาตญาณของเขาก็บอกว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลดังนั้นเขาจึงโคจรพลังวิญญาณของตัวเองและแผ่มันออกไปเป็นคลื่นเหมือนกับเรดาห์เพื่อตรวจจับว่ามีใครอยู่รอบๆ ข้าง
นั่นไง! ใครบางคนกำลังจับตามองพวกเขาอยู่จริงๆ ด้วย!
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอวี้ฮ่าวหราน เฉิงชิวอวี้ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
“ไม่มีอะไร คืนนี้ให้ผมไปส่งคุณดีกว่า นี่มันดึกมากแล้วถนนหนทางไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ
“เอ๊? ไม่ต้องก็ได้ ฉันกลับเองได้”
เฉิงชิวอวี้คิดว่าอีกฝ่ายแค่เป็นห่วงเธอเฉยๆ และเธอเองก็ไม่ได้อยากสร้างความยุ่งยากให้กับฝั่งตรงข้ามจึงปฏิเสธไป
“อย่าเลย คืนนี้ให้ผมไปส่งคุณเนี่ยแหละ”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานไม่รีรอให้เฉิงชิวอวี้เถียงอะไรอีกต่อไป เขาจับมือเธอและพาขึ้นไปนั่งบนรถของเขาทันที
ตอนนี้เขาอยู่ใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน ซึ่งมันทำให้ไม่สะดวกที่จะพุ่งออกไปจับกุมและเค้นข้อมูลคนที่กำลังแอบสะกดรอย และถ้าเขาปล่อยให้เฉิงชิวอวี้กลับไปคนเดียว คนเหล่านี้อาจจะเล่นงานเธอระหว่างทางก็ได้
ทางด้านของเฉิงชิวอวี้ที่ถูกอวี้ฮ่าวหรานบังคับพาขึ้นรถก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร กลับกันเธอกลับรู้สึกชอบใจเล็กน้อยที่ฝั่งตรงข้ามดูเป็นห่วงเธอแบบนี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถมาถึงหน้าบ้านของเฉิงชิวอวี้
“ขอบคุณนะ แต่ว่าคุณกลับดึกแบบนี้ลูกของคุณจะไม่งอแงเอาเหรอ?”
เธอมองหน้าถามอวี้ฮ่าวหรานอย่างกังวล ไม่เข้าใจว่าทำไมอวี้ฮ่าวหรานถึงดึงดันมาส่งเธอแบบนี้
มีอะไรทำให้เขาดูเป็นห่วงเธอแบบผิดปกติได้ขนาดนี้?
“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก นี่ดึกมาแล้วคุณรีบกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาทำงานตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอไง”
“อืม” เฉิงชิวอวี้พยักหน้าด้วยความสงสัยในใจ แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป จากนั้นเธอจึงกลับเข้าไปในคฤหาสน์หลังโตของเธอทันที
ทางด้านอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเห็นว่าเฉิงชิวอวี้กลับเข้าไปในบ้านของเธอที่เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดมากมายเรียบร้อย เขาก็หันหลังกลับและออกเดินไปตามถนนเรื่อยๆ ไม่ได้กลับขึ้นรถของตัวเอง
สาเหตุที่เขายังไม่กลับขึ้นรถของเขาเป็นเพราะว่าเขายังรู้สึกว่ามีคนกำลังตามเขามาอยู่!
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในตรอกมืดที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนที่จังหวะนั้นชายหนุ่มจะแฝงตัวไปกับความมืดมิดภายในพริบตา
แค่ชั่วพริบตาที่ร่างของอวี้ฮ่าวหรานหายไป กลุ่มคนจำนวน 6 คนก็รีบวิ่งเข้ามาในตรอกที่อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งเดินหายไป
สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนต่างโง่งมไม่แตกต่างกัน!
“พี่ใหญ่ ไอ้เด็กนั่นมันไปไหนแล้ว?”
“ใช่ เมื่อกี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันเดินเข้ามาในซอยนี้นี่นา! แล้วตอนนี้มันหายไปไหนแล้ว?”
พวกเขาทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะถามกันเองด้วยความสงสัย
“พวกแกกำลังมองหาฉันอยู่งั้นเหรอ?”
แต่แล้วในขณะที่กลุ่มคนปริศนากำลังงุนงง จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากข้างหลังพวกเขา!
จากนั้น…ใบหน้าที่แสนเย็นชาของอวี้ฮ่าวหรานก็ปรากฏตามมา!