หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุด อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถถึงสถานที่จัดคอนเสิร์ต
“รีบเข้าไปกันเถอะใกล้ถึงเวลาคอนเสิร์ตเริ่มแล้ว”
หลังจากจอดรถเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็พูดกับสาวทั้งสอง
ในเวลานี้มีผู้คนมากมายยืนออกันเต็มหน้าทางเข้า ซึ่งที่หน้าประตูมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างใหญ่สิบกว่าคนคอยดูแลความเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามในขณะที่กลุ่มของ อวี้ฮ่าวหรานกำลังเดินต่อแถวไปยังหน้าประตูทางเข้า จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นจากด้านหลังพวกเขา
“นั่นใช่ชิวอวี้หรือเปล่าน่ะ? เอ๊ะ?…ใช่จริง ๆ ด้วย! ไม่นึกเลยว่าฉันจะได้เจอเธอที่นี่! ว้าววันนี้เธอสวยจังเลย!”
“หวังเจวีย?”
เฉิงชิวอวี้หันกลับไปและเห็นว่าคนที่ทักเธอคือหวังเจวียผู้ซึ่งโดนอวี้ฮ่าวหรานตบหน้าไปเมื่องานเลี้ยงล่าสุด
พ่อของหวังเจวียเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องทักทายเขาอย่างช่วยไม่ได้…
“บังเอิญจริง ๆ ที่เจอนายในวันนี้”
“ใช่…ดีจริง ๆ ชิวอวี้ ฉันมีตั๋วที่นั่ง VIP อยู่อีกหลายใบ มันอยู่ใกล้กับโซนหน้าเวทีมากเลย เธอไปนั่งกับฉันสิ!”
ในระหว่างที่ หวังเจวีย พูดขึ้นเขาเหลือบไปเห็นอวี้ฮ่าวหราน เขาจึงเอ่ยขึ้นต่อ “ตั๋ว VIP เป็นของหาซื้อยากมาก ๆ คนธรรมดา ๆ ไม่มีทางหาซื้อมันได้อย่างแน่นอน!”
แน่นอนว่า หวังเจวีย ตั้งใจว่ากระทบอวี้ฮ่าวหราน
“ว่าไง ชิวอวี้ ไปนั่งกับฉันดีกว่า ที่นั่งของฉันเห็นหน้านักร้องได้ชัดแจ๋วเลย เชื่อฉันสิว่าการไปยืนเบียดกับใครบางคนมันไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก!”
ถึงแม้ว่าคำพูดของ หวังเจวีย จะดูหวังดีแต่ เฉิงชิวอวี้ไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจากระทบอวี้ฮ่าวหรานอยู่
เธอรีบก้าวมายืนใกล้กับอวี้ฮ่าวหรานทันที และตอบกลับด้วยสายตาไม่พอใจ “ไม่จำเป็น นายอยากจะไปนั่งดูตรงไหนก็ไป ฉันอยากจะดูคอนเสิร์ตกับเขามากกว่า!”
เธอพูดกระแทกเสียงไม่ไว้หน้า หวังเจวียอีกต่อไปแล้ว…
ตลกเถอะ! ฉันอุตส่าห์ได้มีโอกาสมาดูคอนเสิร์ตกับอวี้ฮ่าวหราน แต่นายกลับพยายามจะทำลายโอกาสของฉันเนี่ยนะ!
ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีวันยอมแน่!
หากไม่ใช่เพราะว่าพ่อของหวังเจวียเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอป่านนี้เธอคงกระโดดถีบหวังเจวียไปแล้ว!
“พวกเราไปกันเถอะ อย่าไปสนใจเขาเลย!” เฉิงชิวอวี้พูดขึ้นกับอวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรง
“อืม…ไปกันเถอะ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและเริ่มเดินต่อไปโดยที่ไม่สนใจหวังเจวียแม้แต่น้อย
หวังเจวียที่กำลังยืนถือบัตร VIP อยู่ในมือกลายเป็นแข็งค้างเมื่อถูกปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า
เขามีบัตร VIP เชียวนะทำไมอีกฝ่ายถึงปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้!?
และยิ่งไปกว่านั้นไอ้อวี้ฮ่าวหรานมันเป็นเทพเจ้าหรือไง…? ทำไมมันถึงสามารถครองหัวใจเฉิงชิวอวี้ คนที่ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยได้แบบนั้น?
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้หวังเจวียก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม!
ในเวลาเดียวกันสาว ๆ หลายคนที่แต่งตัวยั่วยวนซึ่งเขาเป็นคนพามาเองก็เริ่มเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มประจบประแจง…
“นายน้อยหวังทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย นั่นก็แค่ผู้หญิงคนเดียวไม่ใช่หรือไง? พวกเราสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลยเหรอ?”
“ใช่แล้ว นังนั่นมันไม่รู้จักว่าอะไรดีอะไรชั่วขนาดนั้นนายน้อยก็ปล่อยมันไปเถอะอย่าไปสนใจนังนั่นเลย…”
“นายน้อยพวกเราไปกันเถอะ เดี๋ยววันนี้พวกเราจะทำให้นายน้อยมีความสุขเอง”
สาว ๆ ต่างพากันเข้ามารุมล้อมหวังเจวียด้วยกิริยายั่วยวน พวกเธอไม่ละอายกับการว่าร้ายเฉิงชิวอวี้ลับหลัง…
ในสายตาของผู้หญิงเหล่านี้ หวังเจวียถือได้ว่าเป็นบุรุษที่พวกเธอต้องการได้มาเป็นพ่อของลูก ทั้งหล่อ ทั้งรวย เฉิงชิวอวี้กล้าดียังไงถึงไม่เห็นค่าผู้ชายที่พวกเธอหมายปอง!
“ไปให้พ้น!”
กลับกัน หวังเจวีย ยิ่งได้ยินแบบนี้เขายิ่งโมโห!
เขาผลักหญิงสาวที่รุมล้อมเขาทั้งหมดและเดินเข้าไปด้านในงานคอนเสิร์ตเพียงคนเดียว
นังผู้หญิงที่หวังรวยทางลัดพวกนี้กล้าดียังไงมาว่าเทพธิดาในใจของเขา!
พวกหล่อนคิดว่าตัวเองสามารถเอามาเทียบได้กับเฉิงชิวอวี้หรือไง!?
ต่อให้เขาจะถูกปฏิเสธแต่นังผู้หญิงพวกนี้ก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าร้ายผู้หญิงที่เขาหมายปอง!
ที่ด้านในงานคอนเสิร์ต…
สถานที่แห่งนี้อยู่บริเวณชานเมืองฮ่วยอัน แต่เดิมมันคือสนามกีฬากลางแจ้งที่จุคนได้มากถึงหนึ่งหมื่นคนแต่ตอนนี้มันถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ที่มีระบบเสียงเพียบพร้อม
ขณะนี้วงเปิดการแสดงกำลังขึ้นไปร้องบนเวทีเพื่อรอให้ฟ่านซีเหยียน พร้อมขึ้นแสดงในเวลาถัดไป…
ถวนถวนซุกหน้าตัวเองที่หน้าอกของหลี่หรงแน่น เด็กน้อยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับเสียงที่อึกทึกของงานคอนเสิร์ต…
“แม่หรง ที่นี่เสียงดังจังเลย ถวนถวน อยากกลับบ้านไปเล่นกับเจ้าลูกกวาดมากกว่า”
“ถวนถวน รอแป๊บนึงนะ อีกเดี๋ยวเสียงก็จะเงียบลงแล้วเมื่อคอนเสิร์ตเริ่มอย่างเป็นทางการ” อวี้ฮ่าวหรานรีบปลอบลูกสาวของเขาเอง
“แต่ถวนถวนไม่ชอบเสียงดัง ๆ แบบนี้เลยพ่อจ๋า”
เด็กน้อยยังคงเม้มปากด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
“เฮ้อ ฉันไม่น่าดึงดันพาถวนถวนมาด้วยเลยรู้งี้ฉันปล่อยให้ถวนถวนอยู่บ้านเล่นกับเจ้าลูกกวาดน่าจะดีกว่า” หลี่หรงถอนหายใจรู้สึกคิดผิดที่พาถวนถวนมา
จากนั้นเธอก็ลูบหัวปลอบถวนถวนและพูดต่อ “ถวนถวน เดี๋ยวพวกเราดูต่อกันอีกแค่แป๊บเดียวแล้วเดี๋ยวแม่หรงพาถวนถวนกลับบ้านนะตกลงไหม?”
ในเวลาเดียวกับที่หลี่หรงพูดจบจู่ ๆ ไฟทั้งสนามกีฬาก็หรี่ลงและเสียงดนตรีที่เคยดังกังวานก็ค่อย ๆ จางหายไป
ถัดมาที่บนเวทีผู้คนต่างก็เห็นร่างของหญิงสาวที่ดูงดงามค่อย ๆ เดินมาที่กลางเวทีท่ามกลางแสงที่ริบหรี่!
แน่นอนว่าหญิงสาวที่ขึ้นมาบนเวทีตอนนี้คือฟ่านซีเหยียน!
“ฟ่านซีเหยียน เรารักคุณ!”
“ฟ่านซีเหยียน!!”
“…”
หลังจากเงียบกันไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงเชียร์…
จากนั้นแสงไฟสปอร์ตไลท์หลายดวงก็ฉายไปที่ร่างของหญิงสาวบนเวทีส่งผลให้บรรยากาศของคอนเสิร์ตพุ่งขึ้นสุ่จุดพีคของงาน!
แม้แต่อวี้ฮ่าวหรานก็ยังประหลาดใจกับความคลั่งไคล้ของฝูงชนที่มีต่อ ฟ่านซีเหยียน
“ทุกคนได้โปรดเงียบลงสักครู่…”
หญิงสาวบนเวทีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนั่นทำให้ฝูงชนเงียบลงในทันที
ต่อมาเสียงดนตรีบนเวทีก็ค่อย ๆ ดังขึ้นพร้อมกับหญิงสาวบนเวทีก็เริ่มขับขานบทเพลงของเธอเอง
เสียงของเธอไพเราะจนสามารถสะกดทุกคนให้ยืนฟังราวกับกำลังถูกมนต์สะกด…
ทั้งดนตรีและเสียงร้องของเธอนั้นฟังดูเศร้าจับใจจนฝูงชนทั้งหลายเริ่มหลั่งน้ำตาอย่างคล้อยตามกับอารมณ์ของเพลง
อวี้ฮ่าวหรานเองก็คล้อยตามไปกับอารมณ์ของเพลงเล็กน้อยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่านักร้องที่ชื่อฟ่านซีเหยียนนั้นมีทักษะในด้านการร้องเพลงจริงๆ
ข้าง ๆ เขาทั้งหลี่หรงและเฉิงชิวอวี้ต่างก็คล้อยตามไปกับบทเพลงอย่างสุดตัวจนพวกเธอต่างร้องเพลงคลอตามอย่างตั้งใจ…
ด้วยอารมณ์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของฝูงชนที่มาดูคอนเสิร์ต มันจึงยิ่งทำให้บรรยากาศในคอนเสิร์ตนี้ยิ่งดูมหัศจรรย์มากกว่าคอนเสิร์ตธรรมดาทั่วไปเป็นสิบเท่า!
ด้วยความงดงามของเนื้อเพลงและท่วงทำนองดนตรี แม้แต่คนที่ไม่ชอบฟังเพลงยังเผลอลืมตัวฮัมเพลงตาม
หลังจากจบเพลงไป ฝูงชนต่างส่งเสียงเชียร์ดังลั่นอยู่เป็นเวลานาน!
ความนิยมของฟ่านซีเหยียนเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจน!
ไม่แปลกเลยที่ทำไมตั๋วคอนเสิร์ตถึงได้หายากนัก!