ฟ่านซีเหยียนรู้สึกกลัวจับใจ ตอนนี้เธอเห็นว่าสถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่เธอคิดมาก
“เฮ้…จำนวนเงินที่เธอติดหนี้เอาไว้มันไม่ใช่น้อย ๆ เลยดังนั้นไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวที่จะมีความสุขกับร่างกายเธอ แต่พี่น้องของฉันจะต้องได้มีความสุขร่วมด้วย!”
ฮวงไห่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มหยาบโลนพร้อมกับมองเรือนร่างของ ฟ่านซีเหยียนด้วยสายตาหื่นกระหาย
ในเวลาเดียวกัน…
“ถัดไป ผมขอร้องเพลงใหม่อีกเพลงของผมให้ทุกคนฟัง…”
นักร้องคั่นเวลาที่ขึ้นมาร้องแทน ฟ่านซีเหยียนเอ่ยขึ้นบนเวทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความสงสัย
ทำไมฟ่านซีเหยียนถึงยังไม่ส่งสัญญาณเปลี่ยนขึ้นมาร้อง?
ก่อนหน้านี้เขาร้องเพลงไปหลายเพลงติดกันแล้ว แต่งานนี้มันคืองานคอนเสิร์ตของ ฟ่านซีเหยียน ดังนั้นผู้ชมจึงเริ่มกระสับกระส่ายแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยกันแล้ว
นี่มันผิดปกติ!
…
ที่ด้านหลังเวทีในห้องแต่งตัว
ฮวงไห่จับแขนของฟ่านซีเหยียนเอาไว้แน่นจนเธอไม่อาจสะบัดหลุดได้เลย…
“เฮ้…ฉันคิดว่าพวกแฟนคลับของเธอคงนึกไม่ถึงแน่ ๆ ว่าศิลปินในดวงใจของพวกเขากำลังจะโดนย่ำยีตอนนี้!”
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที!”
ฟ่านซีเหยียนร้องเสียงหลงด้วยความสิ้นหวัง
“ว้าว ๆ ขนาดเสียงขอความช่วยเหลือยังเพราะขนาดนี้เลยเชียว แต่น่าเสียดาย ต่อให้เธอตะโกนจนคอแตกก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงชีวิตมาช่วยเธอตอนนี้หรอก!”
ฮวงไห่เลียริมฝีปากของตัวเองอย่างชั่วร้าย พร้อมกันนั้นเขาเอื้อมมืออีกข้างหนึ่งออกไปพยายามจะจับหน้าอกของฟ่านซีเหยียน
ฟ่านซีเหยียนหลั่งน้ำตาด้วยความกลัว ร่างของเธอสั่นงันงกอย่างควบคุมไม่ได้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ!
อย่างไรก็ตามในขณะที่เธอกำลังสิ้นหวังจู่ ๆ ประตูห้องแต่งตัวถูกถีบเปิดอย่างแรง
“โครม!!”
ในทันทีที่ประตูเปิดออก ร่างของนักเลง2คนที่เคยยืนเฝ้าประตูอยู่ด้านนอกก็ลอยละลิ่วเข้ามาด้านในพร้อมกันนั้นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ค่อย ๆ เดินตามเข้ามา
บรรดานักเลงหลายคนที่อยู่ในห้องต่างมองไปที่ร่างของชายหนุ่มด้วยสีหน้าสับสนอยู่สักพัก…
ไอ้เวรนี่มันเป็นใคร?! แล้วทำไมพี่น้องของพวกเราถึงลอยละลิ่วเข้ามาในห้องได้แบบนั้น?
“เอาล่ะตอนนี้พวกแกก็ปล่อยตัวฟ่านซีเหยียนมาได้แล้ว น้องภรรยากับเพื่อนของฉันกำลังรอให้เธอออกไปร้องเพลงให้ฟังอยู่!”
อวี้ฮ่าวหรานจ้องมองไปที่พวกนักเลงด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยสั่งขึ้น ก่อนที่จะหันไปที่ฟ่านซีเหยียนและพูดต่อ
“คุณก็ด้วย รีบแต่งตัวให้ดีแล้วรีบขึ้นไปบนเวที…อย่าทำให้ผมเสียเวลา”
ฟ่านซีเหยียน “???”
เมื่อครู่เธอรู้สึกสิ้นหวังแต่ตอนนี้อารมณ์ของเธอมันกลายเป็นสับสน
ผู้ชายคนนี้…เขาไม่กลัวนักเลงพวกนี้เลยงั้นเหรอ?
ฮวงไห่ถึงกับเหลอหลา “???”
ไอ้เวรนี่มันใครกัน?! มันกล้าออกคำสั่งกับบิดาผู้นี้ได้ยังไง?
“เฮ้ย! แกเป็นใครวะ? แกรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร? แกอยากตายนักหรือไง?!”
ฮวงไห่รู้สึกโมโหทันทีที่มีคนกล้ามาทำตัวจองหองต่อหน้าเขาแบบนี้!
“เอาเลยเด็ก ๆ หักขามันแล้วลากมันมาขอขมาต่อหน้าฉันซะ!”
หลังจากได้ยินคำสั่ง พวกนักเลงกว่าสิบคนวิ่งตรงไปหาอวี้ฮ่าวหราน ด้วยมีดในมือทันที!
แน่นอนว่าเมื่อเห็นภาพนี้ อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าดูถูก
“เฮอะ…ก็แค่พวกมดแมลง!”
หลังจากพูดจบ ร่างของเขาก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์และจากนั้นเสี้ยววินาทีถัดมาเสียงที่ดังคล้ายกับประทัดระเบิดก็ดังขึ้น
“ปัง!!”
หมัดของอวี้ฮ่าวหรานกระแทกเข้าไปเต็ม ๆ ท้องน้อยของนักเลงคนแรกที่วิ่งนำหน้าเข้ามาส่งผลให้ร่างของนักเลงคนนั้นลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรง
“โครม!!”
“มันบาปมากนะรู้ไหมที่พวกแกบังอาจมาขัดจังหวะน้องภรรยาและเพื่อนของฉันฟังเพลง!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาและจากนั้นร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง!
“ผัวะ! ผัวะ! พลั่ก! พลั่ก!”
บรรดานักเลงกว่าสิบคนโดนทั้งหมัด ทั้งเตะ ทั้งศอก แจกไปคนละทีซึ่งแค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น นักเลงทุกคนก็นอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นไม่อาจลุกขึ้นมาไหว
ส่วนร่างของอวี้ฮ่าวหรานนั้นขณะนี้ได้มายืนประจันหน้ากับ ฮวงไห่ เรียบร้อยแล้ว
“ก…แก…นี่แกเป็นใครกัน!”
ในพริบตาเดียว! ฮวงไห่รู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก
ชายตรงหน้าแข็งแกร่งเกินไป!
ลูกน้องที่เขาพามาวันนี้คือคนที่ดีที่สุดที่เขามี แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับจัดการลูกน้องของเขาได้หมดในพริบตา!
“ตอนนี้แกรีบพาคนของแกไสหัวออกไปให้หมดได้แล้ว!”
อวี้ฮ่าวหรานไม่อยากจะเสียเวลากับฝั่งตรงข้ามอีกต่อไป เขาอยากจะให้คอนเสิร์ตดำเนินต่อให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามฮวงไห่กำลังรอโอกาสอยู่แล้ว เมื่อเขาเห็นว่าอวี้ฮ่าวหราน เบนสายตาไปทางอื่นเขาชักมีดที่เอวออกมาแล้วแทงอวี้ฮ่าวหราน ในทันที!
“เฮอะ! ฝันไปเถอะโว้ย!”
“ว๊าย! ระวัง!” ฟ่านซีเหยียนที่เห็นเหตุการณ์ตะโกนร้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานเบนสายตากลับมาด้วยแววตาเหยียดหยัน เขากางมือแล้วกุมใบมีดเอาไว้อย่างแน่นหนาก่อนที่จะบดใบมีดจนแตกละเอียด!
อวี้ฮ่าวหรานมองฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาดูถูก จากนั้นเขาก็จับแขนขวาของฝั่งตรงข้ามแล้วบีบอย่างแรงจนกระดูกแตกละเอียดราวกับบีบกิ่งไม้แห้ง
“กร๊อบ!!”
อย่างไรก็ตาม ฮวงไห่ไม่แหกปากร้องออกมาแม้แต่น้อยถึงแม้ว่าเขาจะถูกบดขยี้แขน ซึ่งมันทำให้เห็นว่าเขาอยู่ในวงการนักเลงมานานมาก เขาเพียงแค่กัดฟันกรอดทนเจ็บเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์
“น…นี่แกเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีกำลังภายในนี่นา!”
ฮวงไห่จ้องมองอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าตกตะลึง เขาพอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้างว่าในโลกนี้มีกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีความสามารถเหนือมนุษย์อยู่
แต่น่าเสียดายที่ความรู้ในเรื่องนี้ของเขามันมีน้อยอย่างน่าเวทนา…
“ไสหัวไปซะ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เตะเข้าไปที่หน้าท้องของฝั่งตรงข้ามอย่างจัง ส่งให้อีกฝ่ายลอยละลิ่วไปทางประตูทางออก
“รีบพาคนของแกออกไปจากที่นี่ภายใน 30 วิ ไม่งั้นฉันจะหักขาแกอีกข้าง!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อเห็นว่าฮวงไห่ยังพอลุกขึ้นมาไหวถึงแม้ว่าจะกระอักเลือดออกมากองโต
เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของ อวี้ฮ่าวหราน ฮวงไห่ผู้มากประสบการณ์ในเรื่องต่อยตีก็รู้ว่าอีกฝ่ายเอาจริงแน่หากเขายังคงอ้อยอิ่งต่อไป เขากัดฟันกรอดจากนั้นเขาส่งสัญญาณให้ลูกน้อยของเขารีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นให้ออกไปจากที่นี่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินออกไปจากห้องแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะตะโกนเสียงดังให้อวี้ฮ่าวหราน ได้ยินด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น
“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ! ถ้าแกแน่จริงแกอย่าหนีไปไหน ฉันจะทำให้แกรู้สึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้!”
หลังจากตะโกนจบเขารีบเร่งฝีเท้านำลูกน้องของเขาออกไปเร็วกว่าเดิม
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำขู่ของฝั่งตรงข้ามแม้แต่น้อย เขาหันมามองฟ่านซีเหยียน ซึ่งในตอนนี้เธอก็กำลังมองเขาด้วยแววตาตะลึง
ผู้ชายคนนี้ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเธอ!