“แม่งเอ๊ย! พวกแกนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ!”
หวงปินตะโกนด่าดังลั่นเมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองช่างไร้ประโยชน์ไม่สามารถจัดการได้กับอีแค่คน ๆ เดียว
“อย่าได้ใจไปนะโว้ย! ฉันไม่เหมือนกับไอ้พวกลิ่วล้อที่แกอัดไปหรอกนะ!”
หลังจากพูดจบ หวงปินก็ชักมีดพกออกมาจากเอวแล้วพุ่งตัวเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานทันที…
เขาเคยผ่านประสบการณ์เป็นตายมาหลายครั้งแล้วในชีวิตนักเลง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมากโดยเฉพาะที่ตอนนี้อีกฝ่ายมีเพียงแค่มือเปล่า มือเปล่าจะสู้กับมีดได้ยังไงจริงไหม?
“เอ็งตาย! กล้าขัดจังหวะบิดาผู้นี้มีแต่ต้องตายเท่านั้น!”
หวงปินตะโกนขึ้นพร้อมกับแทงมีดไปที่ลำตัวของอวี้ฮ่าวหรานอย่างสุดกำลัง!
“หมับ!!”
แต่แล้วภาพที่น่าเหลือเชื่อสำหรับหวงปินก็ปรากฏขึ้น
อวี้ฮ่าวหรานจับใบมีดเอาไว้แน่นด้วยมือเปล่าอย่างง่ายดาย!
“แกร็ก!!”
เสียงใบมีดแตกเป็นเสี่ยง ๆ ดังขึ้นชัดเจนจากแรงบีบอันมหาศาลของอวี้ฮ่าวหราน
“แกยังจะสู้อีกไหม?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา
“ต…แตกได้ไงวะ!?”
หวงปินมองมีดในมือด้วยสีหน้าหวาดผวา นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
มนุษย์ธรรมดาที่ไหนทำได้แบบนี้กัน?
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมลูกน้องของเขาถึงทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย!
เขาไม่มีทางจัดการอีกฝ่ายได้แน่!
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขากลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ พูดโน้มน้าว
“ม…ไม่สู้แล้ว ไม่สู้แล้ว ฉันขอยอมแพ้!”
“โอ้? ยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาดูถูก
“ช…ใช่…อ๊าก!!”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ หวงปินก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่มือขวาของตัวเองและเมื่อเขาหันไปมองที่มือขวาเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำมือเขาอย่างรุนแรงจนมือเขากระดูกแตกละเอียดและกลายเป็นผิดรูป!
“มือฉัน! อ๊าก! มือฉัน….”
หวงปินกรีดร้องโหยหวน ใบหน้าของเขาซีดขาว เหงื่อเม็ดโตผุดออกจากหน้าผากอย่างไม่หยุดหย่อน…
“ถ้าฉันจำไม่ผิดมือข้างนี้ใช่ไหมที่แตะเพื่อนฉัน? แต่แกอย่าเพิ่งดีใจไปเพราะความทรมานของแกมันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปที่หวงปินด้วยสายตาเย็นชาจากนั้นเขาเริ่มส่งพลังวิญญาณชอนไชไปตามแขนขวาของหวงปินแล้วบดขยี้กระดูกทีละน้อยๆ
“อ๊ากกก อ..ไอ้สารเลว! ก…แกกล้าทำฉันงั้นเหรอ อ๊ากกก!! แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันเป็นคนของแก็งค์พยัคฆ์เวหานะโว๊ย!! แกไม่ได้ตายดีแน่!”
หวงปินตะโกนลั่นด้วยความเจ็บปวดเปิดเผยว่าตัวเองเป็นใคร
“แกตายแน่! แกตายแน่! ใครก็ตามที่บังอาจล่วงเกินแก็งค์พยัคฆ์เวหาไม่เคยมีจุดจบที่ดีสักราย!”
หวงปินคาดหวังว่าเมื่ออีกฝ่ายรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เขาจะรอดจากเหตุการณ์นี้ไปได้
ต้องรู้ว่าแก็งค์พยัคฆ์เวหาเป็นแก็งค์ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองฮ่วยอันและยิ่งไปกว่านั้นพวกระดับสูงของแก็งค์ต่างก็เป็นพวกที่มีความแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด!
“พลั่ก!!”
เมื่อได้ยินคำขู่ อวี้ฮ่าวหรานก็เตะไปที่หน้าท้องของหวงปินอย่างจังจนอีกฝ่ายล้มลงไปนอนคุดคู้กับพื้น
“แก็งค์พยัคฆ์เวหางั้นเหรอ? แก็งค์ของแกยิ่งใหญ่มากสินะ?”
อวี้ฮ่าวหรานเหยียบไปที่หน้าของหวงปินพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยแววตาดูถูก
กล้ายกชื่อแก็งค์พยัคฆ์เวหามาขู่เขาเนี่ยนะ?
“เดี๋ยวแกจะได้รู้แน่! แกจะได้เผชิญกับความน่ากลัวของแก็งค์…อ๊าก!!”
ยังไม่ทันจะพูดจบ หวงปินก็ร้องลั่นอีกรอบเพราะมืออีกข้างถูกเหยียบจนกระดูกแตกละเอียด!
“ เฮอะ! แม้แต่โจวเฟยหู่ยังต้องก้มหัวให้ฉันแต่แกกลับเอาชื่อแก็งค์พยัคฆ์เวหามาขู่ฉันเนี่ยนะ?”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจมดแมลงอย่างหวงปินอีกต่อไป เขาเดินไปหาเฉิงชิวอวี้ที่กำลังตัวสั่นเพราะยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด
“เอาล่ะตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว คุณกลับบ้านได้เลยแต่อย่าลืมทายาที่รอยช้ำพวกนั้นด้วยก็แล้วกัน”
ทางด้านของโจวหลิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักอ้าปากค้างอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเธอจะยังคงหวาดกลัวอยู่แต่เธอตกตะลึงมากกว่ากับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้ชายคนเดียวล้มนักเลง 8-9 คน ภายในพริบตาได้ยังไง? เขายังใช่คนธรรมดาอยู่หรือเปล่า?
ก่อนหน้านี้เธอกลับดูหมิ่นคนที่ไม่ธรรมดาแบบนี้ไปงั้นเหรอ?!
มิน่าล่ะอีกฝ่ายถึงไม่ใส่ใจกับคำพูดของเธอเลยเพราะไม่เห็นเธออยู่ในสายตานั่นเอง!
“ฉัน…”
โจวหลิงอยากจะเอ่ยขอโทษ แต่อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยส่วนเรื่องการขอโทษเฉิงชิวอวี้ยิ่งแล้วไปกันใหญ่ เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับอีกฝ่ายตอนนี้เพราะรู้สึกผิดอย่างยิ่งยวด…
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้เธอจึงทำได้แต่ก้มหน้าและค่อย ๆ หันหลังเพื่อเดินจากไป
เรื่องที่เธอทำกับเฉิงชิวอวี้มันหนักหนาเกินไปจนเธอไม่แน่ใจว่าเพื่อนของเธอจะอภัยให้เธอรึเปล่าดังนั้นมันเป็นการดีที่สุดที่เธอจะจากไปก่อนแล้วรอให้เวลาผ่านไปสักพักจากนั้นค่อยหาโอกาสเอ่ยขอโทษอีกที
อย่างไรก็ตาม เฉิงชิวอวี้รู้สึกโมโหจนแทบควันออกหูเมื่อเห็นว่าโจวหลิง กำลังเดินจากไปโดยที่ไม่เอ่ยขอโทษอะไรเลย!
“นับจากนี้ต่อไปเธอไม่ต้องมาเจอหน้าฉันอีก เธอกับฉันนับตั้งแต่วันนี้เราขาดกัน!”
น้ำเสียงของเฉิงชิวอวี้ทั้งเย็นชาทั้งเด็ดขาด เธอไม่ต้องการที่จะคบเพื่อนที่กล้าหักหลังเธอแบบนี้!
โจวหลิงเมื่อได้ยินเช่นนี้รู้สึกหนาวไปจนถึงขั้วกระดูก เฉิงชิวอวี้เป็นเพื่อนที่เธอสนิทที่สุดแถมอีกฝ่ายก็รวยเป็นอย่างมากจนทำให้เธอได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่างที่คนธรรมดาไม่มีทางมี
เธอไม่ต้องการจะเสียเพื่อนแบบนี้ไป!
ด้วยความกลัวเธอจึงไม่กลัวจะเสียหน้าอีกต่อไป!
“ชิวอวี้ ชิวอวี้ เธอฟังฉันก่อนนะ เมื่อกี้ฉันกลัวมาก ๆ เลยฉันเลยเผลอพูดออกไป ฉันไม่ตั้งใจจริงๆ!”
โจวหลิงวิ่งเข้ามาคุกเข่ากอดขาขอร้องตรงหน้าของเฉิงชิวอวี้พร้อมกับหลั่งน้ำตา
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหักหลังเธอจริง ๆ นะ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ!”
“ฮึ่ม! ตอนนี้เพิ่งจะมานึกเสียใจงั้นเหรอ? การที่เธอหักหลังฉันไปแบบนั้นเธอรู้ไหมว่าฉันจะต้องมีชะตากรรมแบบไหนหากฮ่าวหรานมาช่วยไม่ทัน!?”
เฉิงชิวอวี้โมโหสุดขีด การที่เพื่อนสนิทของเธอหักหลังเธอแบบนี้เป็นสิ่งที่เธอรับไม่ได้!
“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ยังสนิทสนมกันดีอยู่เลยทำไมตอนนี้กลับแตกหักกันซะแล้ว?
เมื่อได้ยินคำถามของอวี้ฮ่าวหราน เฉิงชิวอวี้ก็ยิ่งโมโหเพราะก่อนหน้านี้ โจวหลิงดูถูกคนที่เธอชอบ ดังนั้นเธอจึงเตะโจวหลิง ให้กระเด็นออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจ
“อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอีก!!”
“ฉัน…ฉันขอโทษจริงๆ…”
เมื่อเห็นแววตารังเกียจของอีกฝ่าย โจวหลิงรู้สึกโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
ทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงต้องพูดจาดูถูกผู้ชายคนนี้ด้วย? ทำไมฉันถึงพยายามเอาตัวรอดด้วยการขายเพื่อนแบบนั้นด้วย?
ฉันมันโง่จริงๆ!
ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์เป็นตายแบบนี้ด้วยกันความสัมพันธ์ของเธอกับเฉิงชิวอวี้จะต้องแน่นแฟ้นขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าแน่นอน…
เมื่อถึงเวลานั้นฉันอาจจะสามารถอาศัยสถานะของเฉิงชิวอวี้ได้ไปอยู่ในสังคมชนชั้นสูง!
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันกลับพังทลายลงไปทั้งหมดเพราะความโง่เขลาของตัวเธอเอง!