บทที่ 18 โดนสอดแนม
“ฉันจะเอาคันนี้ เร็วเข้ารีบไปทำเอกสารมาเร็ว ๆ ฉันจะจ่ายเงินเต็มจำนวนแล้วจะขับออกไปจากที่นี่เลยทันทีที่ทำเอกสารเสร็จ!”
เมื่อเห็นว่าหลิวเทียนอี้ยังคงตามมาสร้างความรำคาญ อวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มเบื่อกับเรื่องไร้สาระนี้
“คุณอวี้ ทำไมคุณถึงไม่ยอมเลือกรถมือสองที่ผมแนะนำให้…”
“ฉันเบื่อฟังแกพูดไร้สาระแล้ว นี่แกชอบความเจ็บปวดนักใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน หลิวเทียนอี้รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงไม่เชื่อว่าฝั่งตรงข้ามจะกล้าลงมือที่นี่
“เพียะ เพียะ เพียะ!”
เมื่อเห็นว่าหลิวเทียนอี้ยังคงมีท่าทีว่าจะพูดต่อ อวี้ฮ่าวหรานลงมือตบปากฝั่งตรงข้ามรัว ๆ ทันที พลางควักบัตรเดบิตให้หนักงานขายผู้หญิงไปรูดเงิน
“ไปเรียกให้คนอื่นที่มีอำนาจมากกว่าไอ้หมูตอนนี่มาทำเรื่องเอกสารเดี๋ยวนี้!” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยสั่งขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“อะ…เอ่อ…ดะ ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปตามผู้จัดการใหญ่ของโชว์รูมมาเดี๋ยวนี้!”
ไม่นานนักเอกสารต่าง ๆ ก็ทำเสร็จ และอวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถออกไปท่ามกลางสีหน้างุนงงของผู้จัดการใหญ่ของโชว์รูม และพนักงานขาย
“หลิวเทียนอี้! เงินเดือนเดือนนี้ผมจะหักคุณทั้งหมดเพื่อเป็นการลงโทษที่คุณพูดจาหยาบคายกับลูกค้า และถ้าหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกรอบ ผมจะไล่คุณออกทันที!” แน่นอนว่าผู้จัดการใหญ่ของโชว์รูมรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงสั่งลงโทษอย่างเด็ดขาดทันที
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถกลับบ้านโดยไม่คิดอะไรมากมาย เพราะคนอย่างหลิวเทียนอี้นั้นไม่มีค่าพอที่จะทำให้เขาต้องเก็บมาใส่ใจ
“กริ๊งงงง…”
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่โทรศัพท์ของตัวเองซึ่งมีเบอร์แปลกโทรเข้ามา เขารีบรับสายทันที
“ฮัลโหล ผมอวี้ฮ่าวหราน”
“ฮัลโหล นี่ผมเองเฉิงกัวอัน คุณอวี้ว่างอยู่หรือเปล่า ผมอยากให้คุณมาหาที่บริษัทผมสักหน่อย เผอิญว่าตอนนี้ผมกำลังมีปัญหา”
“ได้ อีกครึ่งชั่วโมงผมไปถึง”
หลังจากจบประโยคนี้อวี้ฮ่าวหรานวางสายทันที และกลับรถอย่างรวดเร็ว
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงอวี้ฮ่าวหรานก็ไปถึงออฟฟิศของเฉิงกัวอัน
“คุณอวี้ คนของผมเจออุปกรณ์ดักฟังตัวนี้อยู่ในออฟฟิศของผม ผมอยากรู้ว่าคุณพอจะหาพวกมันที่เหลือเจอได้หรือเปล่า?” เฉิงกัวอันวางอุปกรณ์ดักฟังที่มีรูปร่างคล้ายกับแมลงเต่าทองสีดำอันเล็ก ๆ ขนาดประมาณปลายนิ้วก้อยลงบนโต๊ะให้อวี้ฮ่าวหรานดู
อวี้ฮ่าวหรานหยิบอุปกรณ์ดักฟังขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ออกอาการอะไรทั้งนั้น ซึ่งมันทำให้เฉิงกัวอันยิ่งรู้สึกประทับใจในตัวอวี้ฮ่าวหรานมากเข้าไปใหญ่
ต้องรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ หากใครได้เห็นอุปกรณ์ดักฟังแบบนี้ และถูกมอบหมายงานให้หาพวกมันที่เหลือ คนคนนั้นไม่มีทางที่จะรักษาสีหน้าใจเย็นได้แน่นอน เพราะการหาอุปกรณ์ดักฟังแบบนี้ในห้องใหญ่ขนาดนี้มันเป็นเรื่องที่ยากพอ ๆ กับงมเข็มในมหาสมุทร
อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานยังคงแสดงสีหน้าไม่แยแสราวกับว่านี่มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่น่าใส่ใจอะไร
หลังจากตรวจสอบอุปกรณ์ดักฟังได้อยู่สักพัก อวี้ฮ่าวหรานก็เข้าใจแล้วว่าอุปกรณ์นี้มันดักฟังได้แค่ระยะใกล้ ๆ เท่านั้น ฉะนั้นในห้องนี้มันต้องมีอีกหลายตัวแน่นอน
อวี้ฮ่าวหรานโคจรพลังวิญญาณไปที่ดวงตาของเขาเพื่อเปิดใช้เนตรเทวะ เขาเปิดใช้งานมันแค่ 2 วินาทีเท่านั้น ซึ่งมันเพียงพอแล้วสำหรับการกวาดสายตามองทั่วห้องจนครบ
เขาเห็นรายละเอียดของห้องนี้ทุกอย่างเลยว่าแท้จริงแล้วห้องนี้มีห้องลับและตู้เซฟลับอยู่ตรงจุดไหน และแน่นอนว่ามันรวมไปถึงจุดที่มีอุปกรณ์ดักฟังแบบในมือของเขาซ่อนอยู่ด้วย
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจอะไรกับพวกห้องนิรภัยลับหรือตู้เซฟที่ถูกซ่อนของเฉิงกัวอันแม้แต่น้อย เขาเดินวนไปรอบห้อง และดึงอุปกรณ์ดักฟังทั้งหลายออกมาทีละอัน ๆ
หลังจากผ่านไปไม่นานนัก อุปกรณ์ดักฟังมากกว่าสิบตัวก็ถูกเอามาวางกองไว้ตรงหน้าเฉิงกัวอัน
แต่เพื่อไม่ทำให้เฉิงกัวอันประหลาดใจมากเกินไป ในตอนที่หาพวกมันอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เดินไปที่จุดซ่อนอุปกรณ์ดักฟังพวกนี้โดยตรง เขาทำทีเดินวนหาไปทั่วเพื่อไม่ทำให้ตัวเองดูเก่งเกินมนุษย์มากเกินไป เพราะมันอาจจะทำให้เฉิงกัวอันมีคำถามที่ไม่จำเป็นมาถามกับเขา
เฉิงกัวอันมองไปที่อุปกรณ์ดักฟังนับสิบอันที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมมันเยอะแบบนี้ ใครกันที่มันต้องการจับตาดูความเคลื่อนไหวของฉัน?”
“ไม่ใช่ว่าผู้ชายสองคนก่อนที่จับลูกสาวคุณเอาไว้หลุดพูดมาเหรอ ว่าคุณขายยาถูกเกินไปจนทำให้ใครหลายคนเสียผลประโยชน์ คุณใช้เบาะแสนี้เป็นจุดเริ่มต้นหาต้นตอคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ก็ได้นี่” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยแนะนำขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปที่แอร์ตั้งพื้นตัวใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาทั้งคู่
เฉิงกัวอันเองก็ไม่ได้โง่ เขาเห็นสายตาที่ผิดปกติของอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าอวี้ฮ่าวหรานต้องการจะทำอะไรต่อ
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเขาเดินไปกระชากหน้ากากช่องลมของแอร์ออก และล้วงเข้าไปด้านในและดึงอุปกรณ์บางอย่างที่มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกว่าม้วนวิดีโอนิดหน่อย
อวี้ฮ่าวหรานโยนกล่องปริศนานี้ไปบนโต๊ะตรงหน้าเฉิงกัวอัน และพูดว่า “พวกอุปกรณ์ดักฟังพวกนั้นเป็นแบบไร้สายไม่มีเมมโมรี่การ์ดในตัว ดังนั้นพวกมันจึงต้องมีตัวรับสัญญาณข้อมูลไฟล์เสียงเก็บเอาไว้ ซึ่งมันก็น่าจะเป็นกล่องนั่น เอาล่ะทีนี้คุณก็ใช้กล่องนั่นสาวไปถึงตัวคนบงการได้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉิงกัวอันตบโต๊ะดังลั่นด้วยสีหน้าเดือดดาลทันที “บ้าเอ๊ย มันต้องเป็นไอ้สารเลวนั่นแน่นอน ฉันอุตส่าห์ดูแลมัน และครอบครัวมันอย่างดีมาตลอด ไม่นึกเลยว่ามันจะทำกับฉันแบบนี้!”
แต่แล้วในระหว่างที่เฉิงกัวอันกำลังหัวเสีย ประสาทสัมผัสของอวี้ฮ่าวหรานก็ร่ำร้องว่าตอนนี้เขากำลังถูกเฝ้ามองอยู่จากใครสักคน
เขาขมวดคิ้วเดินไปที่หน้าต่างออฟฟิศของเฉิงกัวอัน และมองออกไปด้านนอกยังตึกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเขาสัมผัสได้ว่าสายตาที่จ้องมองมามันจ้องมาจากที่นั่น
แน่นอนว่าเป็นความจริงตามที่อวี้ฮ่าวหรานคิดเอาไว้ เขาเห็นที่ชั้นดาดฟ้าของตึกฝั่งตรงข้ามมีชายคนหนึ่งกำลังถือวัตถุเหมือนกล้องส่องทางไกลส่องมาทางเขาอยู่
ชายที่ถือกล้องส่องทางไกลก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานรู้ตัวแล้ว เขารีบโยนกล้องทิ้งทันที และรีบวิ่งลงไปจากดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามกำลังหนี เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาอวี้ฮ่าวหรานไม่อธิบายอะไรกับเฉิงกัวอันทั้งนั้น เขาหมุนตัวกลับและวิ่งออกจากออฟฟิศของเฉิงกัวอันทันที
อวี้ฮ่าวหรานคำนวณในหัวเรียบร้อยแล้วว่าจากความเร็วของเขา เขาน่าจะลงไปถึงด้านล่าง และข้ามฝั่งไปถึงตึกตรงข้ามทันก่อนที่อีกฝ่ายจะลงมาถึงข้างล่างแน่นอน
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใช้ลิฟต์ เขาวิ่งลงจากชั้น 8 ลงไปถึงล็อบบี้อย่างรวดเร็ว และพุ่งตัวออกไปจากตึกโดยที่ไม่มีใครกล้าขวางเขาเอาไว้เลย เพราะตอนนี้พนักงานรักษาความปลอดภัยทุกคนต่างรู้อยู่แล้วว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นคนสนิทของประธานบริษัท เพราะเฉิงกัวอันได้เตือนเรื่องนี้ให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยรู้แล้วเรียบร้อย
เมื่อไปถึงหน้าตึกฝั่งตรงข้าม อวี้ฮ่าวหรานเปิดใช้งานเนตรเทวะอีกรอบ และก็ได้เห็นว่าตึกนี้มีทางออกหลายทาง แต่เขาไม่กังวลนักเพราะเขาเห็นอีกเช่นกันว่าชายน่าสงสัยเพิ่งจะวิ่งลงมาถึงชั้นล่างด้วยบันไดหนีไฟ และกำลังวิ่งออกไปทางลานจอดรถด้านนอกตึกซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
อวี้ฮ่าวหรานรีบวิ่งตามไปทันที และตะโกนไล่หลังชายน่าสงสัยที่ใกล้จะไปถึงรถแล้ว
“เฮ้ จะรีบไปไหน!”
ชายน่าสงสัยสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียก แต่เขาไม่หันกลับมามองเลย เขารีบเปิดประตูรถและรีบทิ้งตัวนั่งที่เบาะคนขับพร้อมกับล็อครถก่อนที่จะสตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว
“บรื้นน!”
ชายน่าสงสัยถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นอย่างราบรื่น แต่ในขณะที่เขากำลังจะเหยียบคันเร่ง จู่ ๆ ประตูรถก็ถูกกระชากหลุดออกไปทั้งบาน และพวงมาลัยรถที่เขาจับอยู่ก็ถูกกระชากออกไปทั้งยวง!
“มากับฉัน!”
“นะ..นี่ แกเป็นใครกัน!”