หลังจากขับรถออกมาได้ราวหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปถึงคอนโด
ก่อนหน้านี้เขาออกจากบริษัทมาเร็วดังนั้นในตอนนี้จึงยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของถวนถวน เขาจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะไปบ่มเพาะเพื่อฆ่าเวลา
ความแข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญ หากเขามีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอเขาจะยังคงไม่สามารถไปช่วยหลี่เม่ยได้!
จากที่เขาลองวิเคราะห์ดูแล้วหากแม่ชีคนนั้นมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้ตระกูลอู๋ยอมปล่อยหลี่เม่ยไป ดังนั้นแม่ชีคนนั้นจะต้องเป็นคนของขุมกำลังใหญ่ในโลกมนุษย์แน่นอน…
เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ไปช่วยหลี่เม่ยกลับมาให้เร็วที่สุด!
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาบ่มเพาะไปได้เพียงแค่ชั่วโมงเดียวจู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็มีสายเรียกเข้าอีกแล้ว
กริ๊งงงง กริ๊งงงงง..!
เมื่อเห็นเบอร์แปลก ๆ โทรเข้ามา อวี้ฮ่าวหรานก็รับสายด้วยใบหน้าที่คิ้วขมวด
“น…นั่นใช่คุณอวี้รึเปล่า?”
“นายเป็นใคร?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับ
“คุณอวี้จริง ๆ ด้วย! แหะ ๆ ผมเอง หลิวเทียนอี้ เจ้าของหมาที่คุณเคยให้หมาของคุณมาจับคู่ด้วย…”
น้ำเสียงของหลิวเทียนอี้ฟังดูประจบประแจงเป็นอย่างมาก
“มีอะไรก็รีบว่ามา!”
อวี้ฮ่าวหรานตะคอกกลับ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามแต่ความรู้สึกรังเกียจของเขามันกลับไม่ลดน้อยลงเลย
“ด…ได้เลยคุณอวี้ คือแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่คุณหลี่มาที่บ้านของผม เจ้าลูกกวาดกับหมาของผมมันเข้ากันได้ดีมากเลยจนในที่สุด…คุณอวี้ลองเดาดูไหมว่าการเกิดอะไรขึ้น? แหะๆ”
“พูดมาสักที!!”
อวี้ฮ่าวหรานเริ่มจะหมดความอดทน
“ด…ได้ครับคุณอวี้ คือเผอิญว่าผมเพิ่งพบว่าหมาของผมตั้งท้องกับหมาของคุณ!”
ท้ายประโยค…หลิวเทียนอี้ใช้น้ำเสียงพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่สุด
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากตอบกลับ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายทันที แต่ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าหลิวเทียนอี้สักเท่าไหร่โดยเฉพาะตอนที่อีกฝ่ายพยายามใช้น้ำเสียงประจบประแจงเขาซึ่งมันยิ่งทำให้เขารู้สึกขยะแขยง แต่ข่าวเรื่องนี้มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยในสถานการณ์ปัจจุบันนี้
อย่างน้อย ๆ ถวนถวนจะต้องอารมณ์ดีขึ้นแน่นอน!
ช่วงเย็น…
วันนี้หลี่หรงเป็นคนไปรับถวนถวนมาจากโรงเรียน
“ถวนถวน พ่อมีเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ลูกจะต้องดีใจแน่นอน!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับกอดลูกสาวของตัวเองอย่างอ่อนโยน
“นี่ พี่เขย พี่อย่าเพิ่งเอ่ยคำว่าเซอร์ไพรส์ช่วงนี้ได้ไหม!”
หลี่หรงที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเมื่อได้ยินคำนี้เพราะมันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน!
“พ่อจ๋ามีเรื่องอะไรเหรอ?”
เด็กน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย แต่วันนี้เธอดูไม่สดใสเหมือนอย่างเคยเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวาน
“เจ้าลูกกวาดของลูกมันโตขึ้นแล้ว ตอนนี้มันกำลังจะมีลูกเป็นของตัวเอง!”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถึงข่าวดีที่เขาได้รับมาเมื่อตอนบ่าย
แน่นอนว่าเมื่อถวนถวนได้ยินข่าวนี้สีหน้าของเด็กน้อยก็สดใสขึ้นด้วยความดีใจทันที
“พ่อจ๋า หนูขอไปหาเจ้าลูกกวาดก่อนนะ!”
หลังจากพูดจบ เด็กน้อยรีบออกจากอ้อมกอดของพ่อเธอทันทีและวิ่งไปหาคอกของเจ้าลูกกวาดที่อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น
เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารู้สึกขอบคุณโชคชะตาเป็นอย่างมากที่วันนี้มีข่าวดีเข้ามาทำให้ลูกสาวของเขาอารมณ์ดีขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่เจ็บปวดเมื่อวาน
…
หลายวันต่อมายังคงไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เป็นพิเศษเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความสงบมักอยู่ได้ไม่นานนักเพราะจู่ ๆ ในขณะที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังนั่งดูเอกสารอยู่ในออฟฟิศของเขา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“น้องอวี้! ตอนนี้ฉันกำลังแย่แล้ว!”
เสียงจากปลายสายเป็นของเฉิงกัวอัน ซึ่งตอนนี้เขากำลังตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วแน่นทันทีเพราะปกติแล้ว เฉิงกัวอันเป็นคนที่ใจเย็นเป็นอย่างมากดังนั้นการที่เขามีปฏิกิริยาเช่นนี้เรื่องที่เกิดขึ้นย่อมต้องเป็นเรื่องใหญ่
“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ เล่าให้ผมฟังก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“บริษัทของฉัน ตอนนี้บริษัทของฉันกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่มาก! ใครบางคนกำลังโจมตีบริษัทของฉันอยู่ซึ่งฉันมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นไอ้หวังเจาแน่นอน!”
ต่อจากนั้น เฉิงกัวอันเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้อวี้ฮ่าวหรานฟัง
“รออยู่ที่บริษัทไปก่อน ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้” หลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจบ อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นทันทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนที่จะวางสาย
เรื่องทั้งหมดมันเริ่มมาจากเขา ดังนั้นเขาไม่มีทางยอมให้เฉิงกัวอัน เดือดร้อนเพราะเขาแน่นอน
หลังจากวางสายไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปถึงบริษัทชิวเฮิง
ไม่มีใครสักคนพยายามหยุดอวี้ฮ่าวหราน ในระหว่างที่เขามุ่งหน้าไปที่ชั้นบนสุดของบริษัท เนื่องจากพนักงานทุกคนของเฉิงกัวอันรู้อยู่แล้วว่า อวี้ฮ่าวหรานคือคนสนิทของเจ้านายตัวเอง
“เอาล่ะคุณมีแผนยังไงบ้าง?”
ทันทีที่เปิดประตูออฟฟิศปรธานบริษัทเข้าไป อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยถาม เฉิงกัวอันทันที
ขณะนี้ในห้องไม่ได้มีแค่เฉิงกัวอันแค่คนเดียว แต่ยังมีเฉิงชิวอวี้ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ในที่สุดนายก็มา!”
สีหน้าของเฉิงชิวอวี้ผ่อนคลายลงกว่าเดิมทันทีที่เธอเห็นหน้าอวี้ฮ่าวหราน ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะช่วยเหลือเธอและพ่อได้ยังไงก็ตาม
“เมื่อครู่ฉันพยายามตรวจสอบทุกอย่างแล้วเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมจู่ ๆ คุณภาพของยาที่บริษัทของฉันผลิตออกไปมันถึงมีปัญหา มันกลับกลายเป็นว่าวัตถุดิบที่เราได้รับมามันคือต้นเหตุ! บริษัทที่ส่งวัตถุดิบให้เรากำลังเล่นไม่ซื่อ พวกเขาแอบส่งวัตถุดิบที่ไม่ได้มาตรฐานมาให้เรา และเราก็เพิ่งรู้มันในวันนี้จากบรรดาลูกค้าที่เอายาไปใช้แล้วมีปัญหา!”
เฉิงกัวอันตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ถ้างั้นคุณลองคุยกับบริษัทที่ส่งวัตถุดิบให้คุณแล้วหรือยัง?” อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว เขาคิดว่าปัญหานี้คงแก้ไม่ง่ายแน่ๆ
“แน่นอนว่าฉันคุยกับพวกเขาแล้ว แต่บริษัทชี่ถงกลับปฏิเสธเสียงแข็งซึ่งมันทำให้ฉันยังคงทำอะไรพวกเขาไม่ได้!”
ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ สีหน้าของเฉิงกัวอันก็ยิ่งย่ำแย่มากขึ้นเท่านั้น
“บริษัทชี่ถง เป็นบริษัทคู่ค้าที่เรามีสัมพันธ์ที่ดีด้วยมานานมากแล้ว ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงทำแบบนี้ และการที่จะไปหาบริษัทใหม่ที่สามารถส่งวัตถุดิบจำนวนมากได้อย่างพวกเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ภายในสองสามวัน หากเป็นแบบนี้ต่อไปความเสียหายที่สะสมคงไม่อาจกู้คืนได้อีกและท้ายที่สุดฉันคงต้องล้มละลาย”
หลังจากได้ยินคำอธิบายนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ่งสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ บริษัทที่เป็นคู่ค้ากันมานานถึงได้หักหลังเฉิงกัวอันได้ง่าย ๆ แบบนี้?
หวังเจาทำอะไรลงไปกันแน่?
“บอกที่อยู่ของบริษัทชี่ถงให้ผมที”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานจึงตัดสินใจที่จะไปหาคำตอบนี้ด้วยตัวเอง
“นายจะไปที่นั่นงั้นเหรอ? ถ้างั้นที่อยู่ของบริษัทชี่ถงก็คือ…”
เฉิงกัวอันรีบบอกที่อยู่ของบริษัทชี่ถงให้อวี้ฮ่าวหรานรู้ทันทีและเขายังไม่ลืมเอ่ยปากขอบคุณที่อวี้ฮ่าวหรานพยายามจะช่วยเขา
“น้องอวี้ นายจะไปเลยใช่ไหม? งั้นให้ฉันลงไปส่งนายก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานต้องการจะไปที่บริษัทชี่ถงทันที เฉิงกัวอันจึงลุกขึ้นจากโซฟาตั้งใจจะเดินไปส่งที่ชั้นล่าง
ในระหว่างที่กำลังลงไปชั้นล่าง เฉิงกัวอันใช้โอกาสนี้อธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ของบริษัทชี่ถงให้อวี้ฮ่าวหรานฟัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เดินออกจากตึก จู่ ๆ กลับมีนักข่าวกลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามาที่ด้านหน้าประตูแต่ถูกหยุดเอาไว้โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แต่นั่นไม่ได้ทำให้พวกกลุ่มนักข่าวที่เห็น เฉิงกัวอันแล้วย่อท้อ
“ท่านประธานเฉิง ๆ เป็นความจริงหรือเปล่าที่ยาของบริษัทคุณมีปัญหาจริงๆ?”
“บริษัทของคุณได้มีการสุ่มทดสอบคุณภาพของยาเป็นประจำบ้างหรือเปล่า?”
“ท่านประธานเฉิงช่วยออกมาข้างนอกแล้วอธิบายเรื่องนี้กับประชาชนได้หรือเปล่าครับ!”
“…”
แน่นอนว่าประเด็นเรื่องยาที่ไม่ได้มาตรฐานถูกขายให้กับประชาชนย่อมเป็นข่าวใหญ่ ดังนั้นนักข่าวทั้งหลายจึงพร้อมใจกันอยากจะขายข่าวนี้เป็นอย่างมาก
พวกเขาต่างแย่งกันถามอย่างอุตหลุดหวังว่าจะได้ทำข่าวก่อนเป็นคนแรก
ในวงการนักข่าว ผู้ใดที่ได้ข้อมูลก่อนและออกอากาศเป็นคนแรก มันหมายความว่าคนผู้นั้นคือผู้ชนะ!